175 replies to this topic

[backpack_alone]

Advertisements

. . . . สวัสดีครับเพื่อนชาว HFlight หลังจากได้ไปเดิน ดุ่ม ๆ ย่ำเท้าเข้าเมืองท่องเที่ยวอย่าง สิงคโปร์ ก็ได้เก็บภาพ บรรยากาศ
รวมทั้งเรื่องราวความประทับใจ ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ต่างบ้านต่างเมือง เป็นครั้งแรก และไปคนเดียว การเดินทางในครั้งนี้ผมต้องขอขอบคุณ
เจ้าของรีวิว ท่องเที่ยวสิงคโปร์ ทั้งหมดใน HFlight และ ชาว Blue Planet ในบอร์ด Pantip รวมถึงหนังสือ ไกด์บุคประกอบการท่องเที่ยว
ทั้ง 2 เล่ม คือ ใคร ๆ ก็ไปเที่ยวสิงคโปร์ (เล่มแดง) และ Singapore คู่มือท่องเที่ยวตามใจชอบ ครับ

[backpack_alone]

DAY 1 - Changi Airport - Suntec City - Fountain of wealth - Esplanade - Merlion



. . . . ผมมาถึงที่สนามบิน Changi Airport แบบงง ๆ เพราะหลับมาตลอดทาง ตื่นอีกทีก็ถึงที่สนามบินแล้ว พอ Landing
ลงจากเครื่อง อยากจะควักกล้องออกมาถ่ายภาพภายในสนามบิน นักท่องเที่ยวชาวจีนที่อยู่ข้างหน้า ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เลยโดน พนักงานภายใน
สนามบิน (แต่งตัวเหมือนตำรวจ ฮ่องกง) ตะโกนว่า "No! No! Take a photo" รีบเก็บกล้องแทบไม่ทัน (กลัวโดนจับติดคุกที่สิงคโปร์)

[backpack_alone]

. . . . หลังจากนั้น Self ได้เสียไปหมดแล้วครับ ไม่กล้าถ่ายรูปจนออกมาจากสนามบิน โดยออกมาและขึ้นรถไฟฟ้า เป็น รถไฟฟ้ามาหานะเธอ
ไม่ใช่ เธอธรรมดา เพราะวิ่งจาก Terminal 1 ไป Terminal 2 มองตามป้ายจะเขียนว่า Train To City ก็เดินลากขาตามทางกันไป ลงไป
ตามบันไดเลื่อน ก็จะเจอกับ MRT สถานีแรกนั่นคือ สถานี Changi Airport จากที่สถานีนี้ ผมซื้อ บัตร Singapore Tourist Pass โดยใช้ 3 วัน
ในราคา 34.80 SGD หน้าตาของบัตรลืมถ่ายมาให้ดู ลองเข้าไปดูที่เว็บของเค้าเลยดีกว่าที่นี่ครับ Singapore Tourist Pass



. . . .จากนั้นการเดินทางในสิงคโปร์ ก็เริ่มขึ้น โดยนั่ง MRT จาก สถานี Changi Airport ไปลงที่สถานี Tanah Merah (EW4)
เปลี่ยนสถานีเพื่อต่อรถ MRT ไปลงที่ City Hall (EW13) สายสีเขียวและ Inter Change City Hall (NS25) เพื่อไปลงที่
สถานี Dhoby Ghaut (NS24) สายสีแดง จากนั้น Inter Change อีกรอบ (เฮ้อ Inter Change จนเหนื่อย) Dhoby Ghaut (NE6)
และสุดท้ายไปลงที่สถานี Little India (NE7) สายสีม่วง เราจะไปเก็บของและพักกันที่นี่ครับ Hangout @ Emily

[backpack_alone]

. . . . Hangout @ Emily เหมาะสำหรับ Backpacker ที่ต้องการ ที่อยู่เพื่อประทังชีวิต ในแบบดูดีมีสไตล์
เพราะเป็นโรงแรมที่มีการออกแบบภายใน และมีการตกแต่งที่โมเดิร์น เลยทีเดียว สามารถชมรีวิว โรงแรม
ได้จาก รีวิวของ คุณ Memphis_Ku ที่นี่ครับ Hangout Hotel @ MT.EMILY Singapore ซึ่งถ้าไม่ได้รีวิวนี้
ผมก็ไม่สามารถไปถึงโรงแรมได้อย่าง รวดเร็วและแม่นยำแน่นอน ขอบคุณ คุณ Memphis_Ku ที่แนะนำ
รีวิวที่พักดี ๆ อย่างนี้ด้วยครับ (ผมไม่ค่อยได้ถ่ายรูปโรงแรมเท่าไหร่ เลยไม่ได้เอามาทำรีวิว)

[backpack_alone]

. . . . เมื่อเก็บสัมภาระ และส่งเมลล์บอกที่บ้าน (ที่โรงแรม Hangout @ Emily มี Free Internet ไว้บริการแขกที่มาพักครับ)
ก็ออกเดินทางท่องเที่ยว ย่ำเดินดุ่ม ๆ ออกไปผจญภัยแล้วครับ จุดหมายแรกที่จะไปนั่นคือ ตึก Suntec City
จะไปดู น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth) และจะไปสัมผัส กอบโกยโชคลาภเข้ากระเป๋า

[backpack_alone]

. . . . เราเริ่มกันที่ เดิม สถานี Little India (NE7) และนั่ง MRT ย้อนกลับมาจนถึงสถานี City Hall (NS25) จากสถานีนี้
ออกมาจะพบ City Link Mall ทางเดิน ใต้ดิน ที่จะพาเราไปถึง ตึก Suntec City และ ที่ต่าง ๆ โดยไม่ร้อนและเปียก (กรณีฝนตก)
แม้แต่น้อย

[backpack_alone]

. . . . จาก City Link Mall เราเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ก็จะมาโผล่ และพบ ตึก Suntec City ภายในเป็นห้าง
ขนาดใหญ่อยู่ติดกัน เราเดินทะลุออกมา เดินตามป้าย ก็จะพบ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth)
ตะโกนดัง ๆ ในใจ "มาถึงแล้วน่ะเว่ยย !!" แต่พอมาถึงก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะยังไม่ถึงเวลาให้เข้าไป
สัมผัสน้ำพุ และกว่าจะถึงเวลาแสดง เลเซอร์น้ำพุ ก็ตั้งเกือบ 2 ทุ่ม เลยย้อนกลับไปที่ โรงละคร Esplanade

[backpack_alone]

. . . . จุดหมายที่ 2 ของผม คือ Landmark ของประเทศสิงคโปร์ อันเลื่องชื่อ นั่นคือ โรงละคร Esplanade และ Merlion
นั่นเอง เราเดินออกมาจาก ตึก Suntec City กลับทางเดิมและเลี้ยวซ้ายเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะพบกับ
โรงละคร Esplanade ระหว่างการเดินทางจะมีทางเดินใต้ดิน เชื่อมกับ โรงละคร Esplanade

[backpack_alone]

. . . . ระหว่างทาง คู่รัก เพื่อนพี่น้อง หลากหลายความสัมพันธ์ ทุกคนมีจุดหมายเดียวกัน คือ การได้เดินไปพักผ่อน
หย่อนใจไปพบกับ เจ้าสิงโตปลา Merlion ตัวนี้ รวมถึงตัวผม Backpack Alone ก็เป็นไปกะเค้า

[backpack_alone]

. . . . ใกล้ ๆ กันนั้นจะพบกับ โรงแรมฟูลเลอร์ตัน (Fullerton Hotel) โรงแรมระดับห้าดาว ที่คงได้แต่มอง ไปพักไม่ไหว
ปล่อยให้คนมีตังค์เค้าพักกันไป

[backpack_alone]

. . . . และแล้วก้อมาถึง Landmark ของสิงคโปร์ตัวเป็น ๆ นั่นคือ Merlion ตัวแม่ และลูก

[backpack_alone]

. . . . มีทั้งชาวต่างชาติ เอเชีย และคนสิงคโปร์เอง ก็ยังคงให้ความสนใจ กับ Merlion รวมถึงช่างถ่ายภาพเหล่านี้ด้วย

[backpack_alone]

. . . . อีกด้านหนึ่งของ Merlion จะเป็นบันได นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักแถบริมน้ำนี้ได้ ผมว่าฮวงจุ้ย ตรงนี้ดีมาก ๆ
เพราะลมเย็นตลอด เดินมาเหนื่อยๆ ได้ลมเย็น ๆ เข้าไป นึกในใจ "หลับตรงนี้ ได้มั้ยฟร่ะ !!"

[backpack_alone]

. . . . ที่ทางเดินใต้ดินที่เชื่อมระหว่าง ทางเดินไปยัง โรงละคร Esplanade และ ตึก Suntec City จะมีศิลปะต่าง ๆ ให้ชม
คิดว่า ศิลปะเหล่านี้ คงจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา ผมใช้ทางเดินใต้ดินนี้เพื่อกลับไปยังตึก Suntec City เพื่อไปรอชม
การแสดงน้ำพุเลเซอร์ ที่ Fountain of Wealth อีกรอบ

[backpack_alone]

. . . . พอมาถึง การแสดงก็ใกล้จะเริ่มครับ หามุมเดิน ๆ นั่ง ๆ ได้ซักพัก การแสดงก็เริ่มขึ้น การแสดงมีประมาณ ครึ่งชั่วโมง
ต่อรอบ ผมนั่งดูจนเพลินลืมเวลาเลยครับ เพราะการแสดงดูตระการตาดี แม้จะไม่ได้ ตระการตาอย่าง Song of the sea
อย่างเค้า แต่ก็ตระการตาในแบบฟรี ๆ ครับ
. . . . รอบเวลาในการสัมผัสน้ำพุ: 9.00-12.00, 14.30-18.00, 19.00-19.45, 21.30-22.00 น.
. . . . รอบเวลาแสดงเลเซอร์: 20.00, 20.30, 21.00 น.

[backpack_alone]

. . . . อีกรูปสำหรับการแสดงเลเซอร์ ต้องลองไปดูเองกับตาครับ ผมดูไปก็รู้สึกขนลุกไป สวยจริง ๆ ครับ ใครไม่ได้ไปดู
ต้องไปดูด้วยตัวเองเน้อ !! ตอนผมไปคนดูไม่เยอะ แต่เสียงปรบมือดังทีเดียว ชอบใจกันใหญ่ รวมทั้ง ผมด้วย

[backpack_alone]

. . . . เมื่อดูการแสดงจบ ก็ได้เวลาไปหา สิงโตปลา Merlion ยามค่ำคืน ผมก็ใช้ทางเดินเชื่อมใต้ดินกลับมายังที่เดิม
(เดินจนเหนื่อย อ่ะครับ พี่น้อง) ภายในทางเดินเชื่อมใต้ดิน ของชั้นใต้ดินใน โรงละคร Esplanade แห่งนี้นอกจากจะมี
การแสดงศิลปะ ยังมีป้ายโฆษณาต่าง ๆ ด้วย ผมชอบ 2 ชิ้นนี้ครับ ดูตลกดี ชอบครับ

[backpack_alone]

. . . . เดินตามทางมาเรื่อย ๆ ของ Esplanade Bridge

[backpack_alone]

. . . . โรงแรมฟูลเลอร์ตัน (Fullerton Hotel) ตั้งเด่นเป็นสง่า เปิดไฟ แสง สี เสียง พร้อมดนตรี
เคล้ากับไวน์ชั้นดี (เดาเอา)และเหมือนจะได้ยินเสียง บรรเลง เปียนโน สุด ๆ บรรยากาศ

[backpack_alone]

. . . . กลับมาพบ สิงโตปลา Merlion อีกครั้ง ในภาคกลางคืน พ่นน้ำออกมา โดยมีฉากหลังเป็นตึกสูงใหญ่
และ โรงแรมฟูลเลอร์ตัน (Fullerton Hotel)