ขอโทษนะครับ ผมไม่อยากจะโพสต์ตรงนี้เลย แต่เห็นว่าพูดเรื่องนี้แล้ว จริงๆ ก็กลัวจะพากันออกทะเลกันไป แต่ขออนุญาตคือ เรื่อง hedge ผมไม่ได้หมายถึง hedge แบบนั้น ผมมองว่า อย่างนั้น ก็คือความเสี่ยง คือเสี่ยง hedge ว่าน้ำมันจะแพงหรือถูก ซึ่งทำให้หากการบินไทยมองแนวโน้มผิดก็จะขาดทุน อันที่จริง ถ้าเราทำประกันราคาน้ำมันล่วงหน้า คือ เรา fixราคาเชื้อเพลิงไว้แล้ว อันนี้ เราพอจะทราบต้นทุนที่ควรจะขาย ล่วงหน้า ผมย้ำว่าล่วงหน้า ซึ่งก็ควรที่จะทำการขายตั๋วล่วงหน้าในระยะเวลาเดียวกัน เพื่อปิดความเสี่ยง อาจจะขายแบบพวกแอร์เอเชีย คือเอาที่นั่งที่มันขายไม่ค่อยออกมาขายลดราคาลงหน่อยดีกว่าเครื่องว่าง แล้วจะได้เงินสดมาหมุน และลดต้นทุนทางการบินในแต่ละเที่ยวลง ส่วนตั๋วราคาปกติ ก็สามารถทำการขายล่วงหน้าเพื่อปิดความเสี่ยงได้เช่นกัน คืออาจจะให้เอเย่นต์รับไปแบบที่การบินไทยเองก็ถนัด คือเพิ่มเป็นสองส่วน เพราะการบินไทยน่าจะสามารถรู้ได้ว่าเที่ยวบินไหนจะเต็มหรือไม่ ควรจะหารายได้จากตรงนี้ อันนี้ผมเสนอแนวคิดเฉยๆ นะ
ส่วนเรื่องกองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ที่ซื้อเครื่องบินแพงๆ นั้น ผมคิดว่า เราทำแบบกองทุนอสังหาฯ ที่ออกมาเต็มไปหมดแบบประเทศไทยได้ คือเอาเครื่องบินไปกองรวมเป็นกองทุน แล้วขายหุ้นเอาเงินมา การบินไทยอาจจะมีหุ้นส่วนหนึ่งเช่น 30% (เหมือนกองทุนอสังหาฯ ที่บริษัทที่ขายมักจะมีหุ้นอยู่ด้วย) แล้วเช่าเครื่องจากกองทุนดังกล่าวเอา จะทำให้การบินไทยขยายฝูงบินได้อีกมาก (และแน่นอนก็จะปิดความเสี่ยงเงินบาทไป เพราะกองทุนก็จะรับความเสียงแทน) โดยที่เมื่อการบินไทยถือหุ้นต่ำกว่าครึ่งมันจะไม่กลายเป็นหนี้ของรัฐบาล
ส่วนเรื่องค่าเงินผมมั่นใจว่าการบินไทยต้องมี เพราะมีผลกำไรขาดทุนตลอดทุกปี ตรงนี้ ควรหานักการเงินที่เชี่ยวชาญมาดู trend เพราะการบินไทย ทำธุรกิจกับต่างประเทศ ซื้อน้้ำมัน เครื่องบิน ฯลฯ กับต่างประเทศ ฉะนั้น ค่าเงินมีส่วนสำคัญมากต้องให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล แล้วเขาจะกำหนดทิศทางการ hedge ได้ แต่ผมเชื่อว่า เขาคงต้องมีนะ แต่อาจจะต้อง headhunt คนที่เก่ง ๆ มาก ๆ เข้ามา