54 replies to this topic

[peter]

Advertisements

ภาพแกะสลักกองทัพเสียมกุ๊ก – กองทัพเสียมกุ๊กหรือกองทัพสยาม ถือว่าเป็นภาพแกะสลักไฮไลท์ที่สำคัญภาพหนึ่ง ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นั้นกองทัพของอาณาจักรขอมมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกร เวลาจะไปออกรบกับที่ใดก็จะมีกองทัพของประเทศราชและหัวเมืองต่างๆ เข้ามาช่วยรบอยู่เสมอ เช่น กองทัพละโว้ กองทัพเสียมกุ๊ก เป็นต้น ภาพนี้พวกไกด์กัมพูชาจะพานักท่องเที่ยวมาหยุดดูถึงความไม่เป็นระเบียบของกองทัพเสียมกุ๊ก และต้องการจะบอกว่าครั้งหนึ่งนั้นอาณาจักรขอมมีอำนาจเรืองรองยิ่งใหญ่กว่าสยามประเทศ


ท้าวยมราช ภาพแกะสลักนรกสวรรค์

[peter]

ภาพการกวนเกษียรสมุทร ในภาพฝ่ายอสูรเป็นฝ่ายฉุดทางด้านหัวพญานาควาสุกรี ฝ่ายเทวดาฉุดทางด้านหาง ฝ่ายอสูรตามตำนานมี 91 ตน ฝ่ายเทวดาตามตำนานมี 88 องค์ แต่นครวัดสร้างไว้อย่างละ 54 ด้วยความเชื่อที่ว่า เลข 5 + 4 = 9 และ 54 + 54 ได้ 108 ความหมายคือพรทั้ง 108 ประการ เพื่อความเป็นมงคลอย่างยิ่ง


ภาพแกะสลักพระนารายณ์เป็นองค์ประธานในพิธีกวนเกษียรสมุทร เมื่ออสูรและเทวดากวนเกษียรสมุทรเป็นเวลานานจนภูเขามัณทระที่เป็นแกนกลางนั้นเกิดเอียง พระนารายณ์จึงอวตารเป็นเต่า หรือเรียกว่า “กูรมาวตาร” เพื่อค้ำเขามัณทระไม่ให้โค่น อีกทั้งยังคอยปราบบรรดาเหล่าอสูรมัจฉาที่จ้องจะคอยเจาะรูสวรรค์ชั้นไวกูณฐ์ให้รั่วอีกด้วย

[peter]

ภาพแกะสลักพระนารายณ์สี่กรพร้อมด้วยอาวุธทรงสุบรรณ หรือทรงครุฑ กำลังร่วมรบกับเหล่าเทวดาปราบพวกอสูร


ภาพแกะสลักพระแม่อุมาเทวีซึ่งเป็นมเหสีของพระศิวะ ในที่นี้จะเห็นพระขันทกุมารและพิฆเนศอยู่ทางด้านขวามือของภาพ และต่อเนื่องไปจะมีภาพของพระศิวะพระทับบนแท่นอยู่



ภาพแกะสลักท้าวพนาสูรหัวหน้ายักษ์ ในภาพจะต้องโดนพระนารายณ์ปราบ

[peter]

4 ภาพนี้เป็นภาพที่อยู่บนยอดพระปรางค์ของปราสาทนครวัด ภาพที่ 1,2,3 น้องโอ๋บอกผมว่าสถานที่นี้ปิดปรับปรุงชั่วคราว ไม่อนุญาติเข้าไปถ่ายรูป ผมก็บอกว่าผมตามอีกคนหนึ่งเข้าไปถ่ายรูปและไม่มีใครเฝ้าด้วยครับ
ภาพที่ 4 เป็นห้องเก็บพระศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ที่อยู่บนยอดพระปรางค์ประธานปราสาทนครวัด แต่ตอนนี้พระศพไม่ได้อยู่ในนี้แล้ว

[peter]

นางอัปสราปราสาทนครวัดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ องค์ที่ 1 และ 2 จากทางซ้ายเป็นอัปสราที่ยิ้มเห็นฟันคู่กัน และองค์ที่ 3 ทำผมแสกกลาง 3 ชั้น เป็นองค์ที่ปรากฏอยู่บนของที่ระลึกที่ขายอยู่ตามที่ต่างๆ


สระน้ำสำหรับประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ในด้านปราสาทนครวัด


ภาพที่1 ทับหลังในปราสาทนครวัด (บริเวณสระน้ำในตัวปราสาท) ในภาพเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ
ภาพที่2 ทับหลังในปราสาทนครวัด (บริเวณสระน้ำในตัวปราสาท) ในภาพเป็นรูปพระนารายณ์ปราบท้าวพนาสูร
ภาพที่3 ทับหลังในปราสาทนครวัด (บริเวณสระน้ำในตัวปราสาท) ในภาพเป็นรูปพระนารายณ์กับเหล่าบรรดาเทวดาทั้งหลาย
ภาพที่4 ทับหลังในปราสาทนครวัด (บริเวณสระน้ำในตัวปราสาท) ในภาพเป็นรูปการกวนเกษียรสมุทรโดยมีพระนารายณ์เสด็จเป็นองค์ประธาน

[peter]

มีบริการนั่งบอลลูนขึ้นไปดูวิวด้านบนของนครวัด 15นาที 15US

[peter]

แล้วรีบไปเก็บพระอาทิตย์ตกดินที่นครวัด (มัวแต่กินกาแฟอยู่เก็บได้รูปเดียว)


ฟ้าระเบิดหลังจากพระอาทิตย์ตกดินที่นครวัด

[peter]

ทานบุฟเฟ่ชมการแสดง 12US/คน แล้วก็รีบกลับไปพักผ่อนด้วยความอ่อนเพลีย

[peter]

26ม.ค.2555 เดินทางออกจากที่พักเพื่อบันทายเสร่ย ระหว่างทางก็แวะดูวิธีชีวิตชาวบ้าน ไปภาพแรกเป็นซาลาเปากัมปูเจีย ที่เหลือเป็นภาพร้านขายผ้าและของที่ระลึก ด้านหน้าร้านขายน้ำตาลสดข้างทางไปบันทายเสร่ย เราได้ไปพบกับแม่ค้าน่ารักคนหนึ่งที่นั่น

[peter]

สภาพบ้านเรือนตามชนบทของเขมร

[peter]

ปราสาทบันทายเสร่ย บันทายแปลว่า ป้อมหรือปราสาท เสร่ย แปลว่า สตรี รวมกันแปลว่า “ปราสาทแห่งสตรี”


ปราสาทนี้มีความเก่าแก่นับพันปี มีอายุยาวนานกว่านครวัด สร้างในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 กษัตริย์ผู้ทรงพระเยาว์และมีพราหมณ์ผู้สำเร็จราชการแทนชื่อ ยัชญวราหะ

[peter]

ภาพแกะสลักคชลักษมี – เทวีที่อยู่ตรงกลางนั้นคือพระลักษมี ชายาของพระนารายณ์ มีช้างสองเชือกใช้งวงถือหม้อน้ำ อันเป็นพรที่เป็นมงคลในเรื่องของความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ


ภาพสลักพระนารายณ์ 8 กรที่หน้าบรรณ ปราสาทบันทายเสร่ย

[peter]

พราหมณ์ผู้สำเร็จราชการแทนชื่อ ยัชญวราหะ เป็นผู้สร้างปราสาทนี้ด้วย ปราสาทบันทายสรีสร้างขึ้นเป็นศาสนสถานทวายพระศิวะ ในบริเวณเมืองอิศวรปุระ ทำจากหินทรายอ่อนสีชมพู เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในปราสาทขอม นางอัปสราที่ปราสาทนี้แกะสลักนูนต่ำได้อย่างสวยงามจนแทบจะลอยออกมาเลยทีเดียว ไกด์กัมพูชาเคยเล่าให้ฟังว่าพราหมณ์ที่สร้างปราสาทนี้ได้จำลองนางอัปสรามาจากภรรยาของตัวเองและได้รับสมญานามว่า โมนาลิซ่าแห่งเอเชีย

[peter]

ทวารบาลประตูหัวเป็นลิงตัวเป็นมนุษย์ที่ปราสาทบันทายเสร่ย


นายทวารบาลประตูปราสาทบันทายเสร่ย

[peter]

มุมของซุ้มประตูแกะสลักเป็นพญาครุฑ


ทวารบาลหัวเป็นสิงห์ตัวเป็นมนุษย์ ณ ปราสาทบันทายสรี

[peter]

เวลา 12:00 น. เดินทางมาถึงเขากบาลเสปียน
ภาพที่ 1 ทางขึ้นเขากบาลเสปียน ระยะทางเดินไป-กลับ 3 กิโลเมตร เป็นทางเดินมีปีนหินบ้างแต่ไม่ได้รกชัฏ
ภาพที่ 2 ถ่ายรูปหมู่กันซะหน่อย
ภาพที่ 3 ภาพแกะสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ และศิวลึงก์จำนวนมากใต้น้ำ
ภาพที่ 4 ภาพแกะสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่บูรณะขึ้นใหม่



ภาพที่ 1 ภาพแกะสลักพระพรหม
ภาพที่ 2 ฐานโยนีขนาดใหญ่ใต้น้ำ
ภาพที่ 3 4 นารายณ์บรรทมสินธุ์ ส่วนเทวีที่นั่งข้าง ๆ ปลายเท้าพระนารายณ์นั้นคือพระแม่ลักษมีพระทับบนดอกบัวคอยปรนนิบัติพระนารายณ์อยู่ไม่ห่าง



ภาพ 1 2 และ 3 ภาพแกะสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่กบาลเสปียน และภาพที่ 4 ศิวลึงก์และฐานโยนีจุดกำเนิดของสรรพสิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นแกนกลางของโลก คล้ายกับพระปรางค์ 5 ยอดที่นครวัด นั้นก็จำลองมาจากเขาพระสุเมรุและทวีปทั้ง 4

[peter]

น้ำตกที่กบาลเสปียน

[peter]

16:00 น. เดินทางไปยังปราสาทตาพรม สร้างในปี พ.ศ. 1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดาเป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่โตมากกว่าสนาม หลวงของไทย รวบรวมหมู่ปราสาทไว้ถึง 24 หลัง



ภาพทับหลังที่ปรากฎตัวหน้ากาลหรือเกรียติมุขคอยเฝ้าอยู่บนซุ้มประตูเพื่อขจัดสิ่งเลวร้าย



ภาพแกะสลักนูนต่ำที่ปราสาทตาพรม จะสังเกตได้ว่าบางส่วนของภาพได้ถูกทำลายเนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับศาสนาในสมัยโบราณ

[peter]

ต้นสะปง เมืองไทยเรียกว่าต้นสมพงษ์ หรือต้นสมโภช เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ที่ขึ้นตามปราสาทได้นั้นเกิดจากนกและสัตว์ต่างๆ ได้คาบเมล็ดมาหรือถ่ายลงบนหลังคา ระยะเวลาผ่านไปเนิ่นนานก็กลายเป็นว่าต้นนั้นได้เจริญเติบโตปกคลุมปราสาทดังที่เห็นในปัจจุบัน

[peter]

นางอัปสราในรูปไม้ อารมณ์เหมือนเศียรพระพุทธรูปที่ถูกล้อมในรูไม้ที่อยุธยาบ้านเรา แต่ของบ้านเขาเป็นนางอัปสรา แต่บางคนก็เข้าใจผิดว่าเป็นพระพุทธรูป ภาพนี้จะปรากฎในโปสการ์ด


ช่องเก็บเพชร – ตามบันทึกของจิ่วต้ากวน ในสมัยก่อนมีโจรโขมยเพชรมาซ่อนไว้ตามรูที่เห็นในภาพเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ถูกเก็บออกไปหมดแล้ว ตรงกลางของภาพจะเห็นช่องลมที่ทำเป็นรูปต้นคริสมาสต์ ซึ่งไกด์กัมพูชาบอกว่าปรากฎที่ปราสาทตาพรมนี้ที่เดียว