54 replies to this topic

[001 JZ Team]

Advertisements

สวัสดีเพื่อนๆสมาชิก HF ทุกท่านครับ

เว้นจากรีวิวภาคแรกไปนาน (หนึ่งเดือนพอดีเป๊ะ) วันนี้เลยขอถือโอกาสพาทุกท่านไปท่องเที่ยวในประเทศเยอรมันกันต่อตามที่ได้สัญญากันไว้ครับ

โดยความเดิมจากตอนที่แล้ว ผมได้เดินทางจากประเทศไทยมาถึงเยอรมันด้วยสายการบิน air berlin และลงจอดยังเมือง Munich ในเวลาดึก

ดังนั้นรีวิวในตอนนี้จึงขอพาทุกท่านออกไปเที่ยว Munich และ Wurzburg แบบ One Day Trip พร้อมทั้งการเดินทางด้วย ICE รถไฟความเร็วสูงอันเลื่องชื่อของประเทศเยอรมัน

ถ้าหากทุกท่านพร้อมแล้ว ก็มาเริ่มต้นการเดินทางไปพร้อมๆกันได้เลยครับ



สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้ชมภาคแรก สามารถตามไปชมได้ตามลิงค์ข้างล่างนี่เลยครับ

+ + บินตรงสู่เยอรมันกับสายการบิน air berlin + +

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

การเดินทางในครั้งนี้เราได้รับการดูแลอย่างดีจากทาง AyaThai Travel ครับ

โดยที่หมายแรกในครั้งนี้เราขึ้นรถโคชมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Munich ประมาณ 60 กิโลเมตร เพื่อจะไปชมพระราชวัง Herrenchiemsee (แฮเร็นเคียมเซ) กัน

ภาพนี้เป็นวิวระหว่างทางขณะนั่งรถโคชไปยังท่าเรือที่ Herrenchiemsee ครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

นั่งรถกันมาประมาณ 1.30 ชั่วโมง เราก็มาถึงยังท่าเรือครับ

เพราะว่าพระราชวัง Herrenchiemsee นั้นตั้งอยู่บนเกาะ Herreninsel ดังนั้นการเดินทางเพื่อจะไปชมจึงต้องนั่งเรือข้ามฟากอย่างเดียวเท่านั้น

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

นี่ครับหน้าตาของเรือข้ามฟากที่เราจะขึ้นกัน

สำหรับค่าโดยสารนั้นเราสามารถไปซื้อจากบูธที่ตรงท่าเรือได้เลยครับ อัตราค่าบริการอยู่ที่

8 Euro สำหรับผู้ใหญ่
4 Euro สำหรับเด็กอายุระหว่าง 5-15 ปี
ส่วนเด็กต่ำกว่านี้ขึ้นฟรีกับผู้ปกครองครับ

ในวันนี้อากาศดีมากครับ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เหมาะแก่การถ่ายภาพสุดๆ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

วิวระหว่างนั่งเรือสวยมากครับ มีภูเขาเป็นฉากหลัง แม้ว่าจะสิบเอ็ดโมงแล้วแต่ยังสามารถเห็นหมอกจางๆบนผิวน้ำได้อยู่เลยครับ

อากาศช่วงเดือนพฤศจิกายนของประเทศเยอรมัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูหนาว

ดังนั้นอุณภมิระหว่างวันจึงค่อนข้างต่ำครับ อยู่ที่สิบต้นๆ ส่วนกลางคืนนี่ลงไปถึง 0 กันเลยทีเดียว

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

นั่งเรือเพียงแค่ 10 นาทีเราก็มาถึงเกาะครับ

และหลังจากขึ้นเกาะมาแล้ว การจะไปชมพระราชวัง Herrenchiemsee เราสามารถเดินจากท่าเรือไปได้เลย ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที

หรือถ้าไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการรถม้าได้ครับ ราคา 3 Euro

ดัวนั้นเราจึงไม่รอช้า ขึ้นรถม้ากันโดยไว ช่วยร่นเวลาเที่ยวที่จะต้องเสียไปได้เยอะเลยครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

ในที่สุดเราก็มาถึงพระราชวัง Herrenchiemsee (New Palace) ครับ

พระราชวังนี้ได้รับการสร้างขึ้นเมื่อปี 1878 โดยพระเจ้า Ludwig II (องค์เดียวกับที่สร้าง Neuschwanstein) เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน

ซึ่งพระองค์ท่านได้รับแรงบันดาลใจมากจากพระราชวังแวร์ซายส์ ในประเทศฝรั่งเศษครับ ดังนั้นเค้าโครงบางส่วนของพระราชวังแห่งนี้จึงคล้ายกับพระราชวังแวร์ซายส์มาก

แต่มัคคุเทศน์เล่าให้ฟังว่า ค่าก่อสร้างพระราชวัง Herrenchiemsee นั้นแพงกว่าค่าก่อสร้างของ Neuschwanstein และ Linderhof รวมกันซะอีกครับ

และพระองค์ท่านก็มีโอกาสได้มาประทับที่พระราชวังแห่งนี้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ลงในปี 1886

ดังนั้นพระราชวัง Herrenchiemsee จึงเป็นพระราชวังที่ยังสร้างไม่เสร็จมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

ตั๋วเข้าชมครับ

แต่น่าเสียดายมากที่เค้าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพขณะเข้าชมครับ ดังนั้นจึงไม่มีภาพภายในมาฝากแต่อย่างใด

ภายในนั้นตกแต่งหรูหรามากครับ โดยเฉพาะห้องนอนที่ตกแต่งเป็นทอง และห้องเลี้ยงรับรองที่ยาวมากและประดับตกแต่งด้วยโคมไฟแชนเดอร์เลีย สวยมากครับ

ในปี 2011 ที่ผ่านมาพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง The Three Musketeers

ดังนั้นหาดูบรรยากาศภายในบางส่วนได้จากภาพยนต์เรื่องนี้เลยครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ด้านหลังพระราชวังครับ

ตรงนี้ถ้าใครจำกันได้ เป็นฉากที่ Milla Jovovich (Milady) กระโดดลงมาเพื่อจะเข้าไปขโมยสร้อยในห้องเจ้าหญิงครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

หลังจากชมพระราชวังเสร็จก็ต้องหาอะไรรองท้องกันซักหน่อยครับ ซึ่งร้านอาหารบนเกาะก็มีตัวเลือกให้ไม่มากนัก

แม้ว่าราคาจะสูงนิดหน่อย แต่ว่ารสชาตินั้นไม่ผิดหวังจริงๆครับ

[001 JZ Team]

โพสผิด

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

ท้องอิ่มแล้วก็ขอหามุมสงบๆนั่งย่อยซะหน่อยก่อนขึ้นเรือกลับฝั่งครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ได้เวลาขึ้นเรือกลับแล้วครับ ระหว่างทางมีนกนางนวลมาบินทักทายกันตลอดทางเลย

แถมนั่งๆอยู่ยังมี Panavia Tonado เครื่องบินรบของกองทัพอากาศเยอรมัน มาบินโฉบต่ำๆโชว์ด้วยครับ แต่ถ่ายภาพไม่ทัน เดาว่าคงเป็นพื้นที่ฝึกของเค้าครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

จากเกาะ Herreninsel เรานั่งรถอีก 1.30 ชั่วโมงกลับสู่ Munich มาถึงก็เย็นๆพอดีครับ พระอาทิตย์กำลังจะตก

เลยใช้โอกาสนี้เดิมชมจตุรัส Marienplatz ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง และยังถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของ Munich อีกด้วยครับ

ใครมาต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปตรงนี้ และถ้าโชคดีมาตอนเวลา 11.00 น. ก็จะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำให้ดูด้วยครับ ส่วนในฤดูร้อนมีเพิ่มรอบ 17.00 น.ให้ดูด้วยอีกรอบนึง

แต่น่าเสียดายที่ผมมาเย็นไปหน่อย เลยอดชมเลยครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

ตอนไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดี เลยมีใบไม้สีสวยๆร่วงหล่นอยู่เต็มเมืองครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เดินชมวิถีชีวิตคน Munich

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เดินผ่านโบสถ์ Frauenkirche

เป็นโบสถ์สำคัญกลางเมือง Munich ครับ ตั้งอยู่ติดๆกับจตุรัส Marienplatz เลย

มี่เอกลักษณ์สำคัญคือหลังคาตรงปลายยอดโบสถ์ทั้งสองข้างเป็นรูปทรงหัวหอม

มัคคุเทศน์เล่าให้ฟังว่าจริงๆแล้วเค้าก็ตั้งใจจะสร้างเป็นยอดแหลมครับ แต่เนื่องจากขาดเงินทุนเลยต้องทำเป็นทรงแบบนี้แทน

ในตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 บางส่วนของโบสถ์ได้ถูกทำลายลง แต่ก็ได้รับการบูรณะใหม่จนมีสภาพดีอย่างที่เห็นในปัจจุบันครับ

ภายในใหญ่โตสวยมาก แต่เค้าห้ามถ่ายภาพเช่นกันครับ ส่วนยอดโบสถ์ก็เปิดให้สามารถขึ้นไปชมวิวได้เช่นกัน แต่ผมไปเย็นไปหน่อย เค้าเลยปิดไม่ให้ขึ้นแล้ว

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ก่อนอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ขอแวะมาถ่ายจตุรัส Marienplatz อีกซักภาพครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ดึกแล้ว แต่คนยังเดินช๊อปปิ้งกันเต็มถนนครับ

ส่วนผมก็เตรียมตัวไปหาอะไรรองท้องมื้อเย็นครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

และแน่นอนว่าเราคงมาไม่ถึง Munich แน่ๆหากไม่แวะมาสถานที่แห่งนี้

Hofbrauhaus หรือที่รู้จักกันในนาม HB

โรงเบียร์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก เปิดมาตั้งแต่ปี 1589 หรือเมื่อ 400 กว่าปีก่อน

และเป็นที่ๆเราจะมาทานมื้อเย็นกันในค่ำคืนนี้ครับ

จากจตุรัส Marienplatz เดินมาไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว

Attached Thumbnails

•