54 replies to this topic

[001 JZ Team]

Advertisements

บรรยากาศภายในครับ เป็นโรงเบียร์ขนาดใหญ่ มีสามชั้น รวมๆแล้วจุนักดื่มได้เป็นพันคน

และมีนักดนตรีบาวาเรียนมาขับกล่อมเพลงพื้นเมืองให้ฟังกันครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

มาถึงถิ่นแล้วจะพลาดได้อย่างไร คงต้องลองกันซักหน่อยแหละครับ

สั่งแก้วนึงนี่มาเป็นลิตรเลย ราคาตกประมาณแก้วละ 7 Euro นิดๆครับ

ทานคู่กับเพรสเซลยักษ์ และขาหมูเยอรมัน (ของแท้รสชาติค่อนข้างเค็มเหมือนกัน)

ใครจะไปลองทานอย่าประมาทเชียวนะครับ ดูๆอย่างนี้ตอนทานมันเยอะเอาเรื่อง ทานแทบไม่หมดกันเลยทีเดียว

ทานน้อยแบบคนไทยสั่งอาหารแล้วมาแชร์กันน่าจะกำลังดีครับ ส่วนเบียร์ก็จัดไปกันคนละแก้วสองแก้ว

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

รุ่งเช้าเรามาขึ้นรถไฟกันที่ Munich Hauptbahnhof (Hauptbahnhof แปลว่า สถานีรถไฟ)

เพื่อเตรียมออกเดินทางกันต่อไปยังเมือง Wurzburg ครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

การท่องเที่ยวระหว่างเมืองในประเทศเยอรมัน ถ้าหากว่าไม่ได้เดินทางด้วยเครื่องบินแล้ว รถไฟถือเป็นว่าเป็นทางเลือกที่สะดวกมากครับ

เพราะว่าในเยอรมันนั้นมีเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกันได้หมด รวมทั้งยังต่อออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ในเครือสหภาพยุโรปได้ด้วยครับ

อีกทั้งสถานีรถไฟก็ตั้งอยู่กลางเมือง ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถเพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินให้เสียเวลาแต่อย่างใด

โดยผู้ให้บริการก็คือ การรถไฟเยอรมัน หรือ DB (Deutsche Bahn)

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

บรรยากาศเช้าๆแบบนี้ ผู้คนขวักไขว่มากครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

และรถไฟที่จะพาเราไปยัง Wurzburg ในวันนี้ก็คงจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจาก ICE (Intercity-Express) รถไฟความเร็วสูงของประเทศเยอรมัน ที่ผลิตโดยบริษัทซีเมนต์ครับ

เวอร์ชั้นที่ได้นั่งในวันนี้เป็น ICE3 ซะด้วย สวยเพรียว ดูเท่กว่ารุ่นก่อนหน้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยากลองนั่งมานานแล้ว

วิธีการซื้อตั๋วก็สามารถไปซื้อที่ตู้อัตโนมัติ หรือที่เคาเตอร์บริเวณสถานีได้เลยครับ ราคาก็ตามแต่ระยะทางที่จะเดินทาง

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ก่อนขึ้นรถไฟอย่าลืมดูตั๋วด้วยนะครับ เพราะเดี๋ยวขึ้นผิดโบกี้แล้วจะไม่มีที่นั่งเอา

เลขโบกี้ก็จะเขียนบอกเอาไว้ที่ข้างตัวรถครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

การเดินทางครั้งนี้เราได้ซื้อบัตรโดยสารแบบ German Rail Pass เอาไว้ครับ คือสามารถขึ้นรถไฟได้แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตามจำนวนวันที่เราได้ซื้อเอาไว้

มีตั้งแต่แบบ 3 วัน ไล่ไปจนถึง 10 วัน ราคาก็ตามแต่ Class ที่ซื้อไว้ครับ มีทั้งหมด 2 Class คือ 1st Class และ 2nd Class

เมื่อไปออกตั๋วที่สถานีแล้วสามารถขึ้นรถไฟได้เลยครับ ถ้ามีที่นั่งว่างก็สามารถนั่งได้เลย แต่ถ้าไม่อยากไปลุ้นก็จ่ายเงินเพิ่ม 4-5 Euro เพื่อระบุที่นั่งล่วงหน้าได้

แต่อย่างที่บอกคือต้องขึ้นให้ถูกโบกี้ตามที่ระบุไว้ เพราะถ้าขึ้นผิดโบกี้เราก็จะไม่เจอที่นั่งที่เราที่จองเอาไว้

ซึ่ง German Rail Pass นั้นมีจำหน่ายให้กับบุคคลที่อาศัยอยู่นอกเครือสหภาพยุโรปเท่านั้นนะครับ

สำหรับประเทศไทยสามารถซื้อได้ที่ Rail Geamany.net

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

เนื่องจากได้ทำการสำรองที่นั่งเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เลยได้เป็นห้องเลยครับ 2nd Class ห้องนี่ไม่ต้องเสียเงินพิเศษเพิ่มด้วยครับ ราคาเท่ากับการสำรองที่นั่งปรกติเลย

ตรงใต้เก้าอี้ทุกที่นั่งจะมีปลั๊กสำหรับชาร์ทไฟให้ด้วยครับ จะเสียบชาร์ทมือถือ โน๊ทบุค หรือแบ๊ตกล้องก็ไม่มีปัญฆา

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

หน้าตาที่นั่งปรกติด้านนอก 2nd Class และห้องน้ำบน ICE ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

โบกี้ห้องอาหารและตัวอย่างเมนูบนรถไฟครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

วิวระหว่างทาง

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

และ ICE ก็พาเรามาถึง Wurzburg อย่างตรงเวลาครับ

เวลาตามตาราง ออกจาก Munich เวลา 08.50 น. ถึง Wurzburg เวลา 10.53 น.

เป๊ะเวอร์

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

บรรยากาศหน้าสถานี Wurzburg Haupbahnhof

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

จากสถานีรถไฟ เรานั่ง Taxi เข้าสู่โรงแรมครับ

ราคาเริ่มต้นของ Taxi ที่นี่อยู่ที่ประมาน 2 ปลายๆจนถึง 3 ต้นๆ Euro ครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช้เกณฑ์อะไรเป็นตัววัด ว่าขนาดที่นั่ง ยี่ห้อรถ หรือความใหม่

แต่คันที่ผมนั่งนี่ก็เป็น Benz ครับ (ใช้เป็น Taxi วิ่งกันเต็มเมือง)

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

หน้าตาห้องพักที่โรงแรม Maritim Wurzburg ครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

Wurzburg เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมนต์ครับ มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และเป็นแห่งเพาะพันธุ์องุ่นเพื่อใช้ผลิตไวน์ของเยอรมันด้วยครับ

ในภาพคือป้อม Fortress Marienberg และสะพานเก่าแก่ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองครับ

น่าเสียดายที่วันนี้ฟ้าหม่นไปหน่อย เลยอดเห็นสีท้องฟ้าใสๆเลยครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 เมือง Wurzburg ได้ถูกเครื่องบินทิ้งระเบิด Lancaster จำนวน 225 ลำ ทิ้งระเบิดใส่ในระยะเวลาเพียงแค่ 17 นาที จนพื้นที่กว่า 90% ของเมืองมีสภาพอย่างที่เห็นครับ เนื่องจากเมือง Wurzburg เป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของเส้นทางรถไฟ และคลังน้ำมันของนาซีเยอรมันในขณะนั้น

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

แต่หลังสิ้นสุดสงคราม ชาวเมืองก็ได้ช่วยกันฟื้นฟูจน Wurzburg กลับมาสวยงามได้ดั่งปัจจุบันครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เนื่องจากบริเวณตัวเมืองนั้นเล็กมาก เราจึงสามารถเดินเที่ยว Wurzburg ได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งรถโดยสารสาธารณะเลยครับ

ที่หมายสำคัญของวันนี้คือ Wurzburg Residence ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ Unesco ด้วยครับ

ภายในตกแต่งได้สวยงามมากเช่นกัน แต่ห้ามถ่ายรูปอีกเช่นเคยครับ

และ Wurzburg Residence นั้นก็ได้ถูกเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ The Three Musketeer ด้วยเช่นกันครับ

โดยด้านหน้า (ภาพบน) เป็นฉากที่บอลลูนปล่อยสมอลงมาใส่พื้นหน้าพระราชวังครับ

ส่วนด้านหลัง (ภาพล่าง) เป็นฉากที่บอลลูนตกลงมาแล้วระเบิดกลางสวนครับ รวมทั้งฉากจบที่สามทหารเสือรวบดาบกันหน้าประตูเข้าวัง ก่อนพูดประโยคคลาสสิคที่ว่า One for All, All for One

Attached Thumbnails

• 
•