มาถึงท่าอากาศยานมัณฑะเลย์แล้ววว
|
|
Posted 13 October 2015 - 04:58 PM
จุดหมายแรกของพวกเราในบ่ายวันนี้อยู่ที่ "พระราชวังมัณฑะเลย์" (Mandalay Palace) ที่ตั้งอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งในอดีตเมื่อมีการย้ายเมืองหลวงจากอมรปุระมายังมัณฑะเลย์ พระเจ้ามินตงได้ทรงดำริให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น เป็นพระราชวังไม้สักทอง มีกำแพงเมืองสูงและคูน้ำล้อมรอบ แต่แล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชวังแห่งนี้ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพระเบิดของกองทัพอังกฤษ ด้วยความที่อังกฤษเกรงว่าที่นี่จะเป็นแหล่งกบดานของทหารญี่ปุ่น พระราชวังที่เห็นอยู่และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันจึงเป็นพระราชวังจำลองที่รัฐบาลเมียนมาร์บูรณะขึ้นมาโดยลอกแบบจากเค้าโครงเดิม
แผนผังอาคารต่าง ๆ ภายในพระราชวังจำลองนี้ ซึ่งการเดินชมแนะนำให้เดินเข้าทางด้านหน้า ผ่านท้องพระโรง แวะขึ้นหอคอย และเดินชมอาคารชั้นต่าง ๆ ตั้งแต่ที่ประทับกษัตริย์จนถึงบรรดาห้องแถวที่พักของนางสนม ก่อนเดินออกทางประตูด้านหลัง
ส่วนนี้คือส่วนท้องพระโรงที่กษัตริย์ออกมาพบประชาชน
Posted 13 October 2015 - 05:18 PM
เมื่อฝนซา เราก็ได้เดินทางต่อมาที่ "วิหารไม้สักทองชเวนันดอร์" (Shwenandaw Kyaung) ซึ่งเป็นอาคารแกะสลักอย่างปราณีตอ่อนช้อยจากไม้สักทองแท้ ๆ ที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ เนื่องจากในอดีตวิหารนี้ตั้งอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์และเป็นที่ประทับและนั่งสมาธิเจริญภาวนาของพระเจ้ามินตง แต่ภายหลังที่ท่านป่วยและได้สิ้นพระชนม์ลง โอรสของท่านนามว่าพระเจ้าตีป่อก็ได้ทรงย้ายวิหารมาถวายวัดชเวนันดอร์ (Shwenandaw Monastery) แห่งนี้ ทำให้วิหารหลังนี้รอดจากภัยระเบิดและไฟสงคราม หลงเหลือศิลปะของฝีมือช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นในปัจจุบัน
ส่วนของหลังคาได้รับการแกะสลักเป็นปราสาท 5 ชั้น ที่สวยงามมาก ถือเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมงานแกะสลักไม้ชั้นเยี่ยมของเมียนมาร์ ที่ทำให้มัณฑะเลย์ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะงานประดับไม้อันอลังการ
Posted 14 October 2015 - 02:15 PM
สถานที่ถัดมาก็คือ "วัดกุโสดอร์" (Kuthodaw Pagoda) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดชเวนันดอร์ สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์ของการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 ซึ่งพระเจ้ามินตงโปรดให้จารึกพระไตรปิฏกจำนวน 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนแผ่นหินอ่อนจำนวนถึง 729 แผ่น ได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊คว่าเป็น "หนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก" (The World's Biggest Book) ถ้าหากพระสงฆ์นั่งท่องโดยไม่หยุดก็จะต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือน
เมื่อมาถึงที่นี่ ก็จะมีสาวน้อยสาวใหญ่ที่ใบหน้าปะด้วยแป้งทะนาคา เครื่องสำอางค์ยอดนิยมของสาวเมียนมาร์ มารุมล้อมขายดอกไม้เพื่อสักการะพระพุทธรูปอยู่เป็นจำนวนมากค่ะ
มณฑปสีขาวที่เรียงรายอยู่นี้ ภายในก็จะมีแผ่นหินอ่อนที่จารึกพระไตรปิฎกเป็นภาษบาลีอยู่ค่ะ
ส่วนเจดีย์องค์ใหญ่สีทององค์นี้ก็คือ "พระเจดีย์มหาโลกมารชิน" จำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองเมืองพุกาม เป็นเจดีย์ที่ประชาชนรวมเงินกันเพื่อสร้างขึ้นค่ะ
Posted 14 October 2015 - 02:48 PM
Posted 14 October 2015 - 02:57 PM
ห้องอาหารของโรงแรมมีชื่อว่า "Yadanabon" ค่ะ ซึ่งนอกจากจะมีบริการอาหารแบบตะวันตกแล้ว เราก็ยังพบอาหารเมียนมาร์ที่นี่ด้วย ณ จุดนี้ก็เลยไม่พลาดที่จะลองชิมค่ะ
เมนูนี้ชื่อว่า "Myanmar Pancake" ก็จะเป็นแป้งทอดแผ่นบาง ๆ โรยหน้าด้วยผักชี มะเขือเทศ และงา
อีกเมนูที่พบก็คือ "Burmese Chicken Coconut Noodles" หรือที่ชาวเมียนมาร์เรียกว่า "โอนุคอกซุย" ค่ะ ติดใจชามนี้เหลือเกิน รสชาติเค้าคล้าย ๆ กับเมนูข้าวซอยไก่ของไทยค่ะ
Posted 14 October 2015 - 03:24 PM
Posted 14 October 2015 - 03:37 PM
จุดหมายที่สองคือสะพานไม้สักทองที่ยาวที่สุดในโลก "สะพานอูเบ็ง" (U-Bein Bridge) ซึ่งสำเนียงชาวเมียนมาร์จะออกว่า "อูเป่ง" สะพานตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบตองตะมันเช่นเดียวกับวัดที่เราเพิ่งออกมาเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ ระหว่างทางเดินไปยังสะพานอูเป่งก็จะมีบรรดาร้านอาหาร ร้านน้ำชา และร้านค้าขายของที่ระลึกเรียงรายอยู่จำนวนมาก เดิน ๆ ไปก็ให้บรรยากาศคล้าย ๆ กับแหล่งชุมชนที่ภาคใต้บ้านเรา ต่างที่บ้านเรานั้นจะเป็นร้านกาแฟ แต่ที่นี่เป็นร้านน้ำชา เพราะว่าคนที่นี่นิยมดื่มชาร้อน และร้านน้ำชาก็จะเป็นที่พบปะสังสรรค์นั่งพูดคุยกัน ที่ทางใต้บ้านเราก็จะเห็นขายเป็นผ้าบาติก แต่ที่นี่จะขายเป็นผ้าไหมค่ะ และอีกอย่างที่เป็นงานหัตถกรรมขึ้นชื่ออีกอย่างก็คืองานแกะสลักไม้ เดิน ๆ ไปก็จะเห็นมีชิ้นเล็ก ๆ ขายเป็นสินค้าที่ระลึกอยู่เช่นกัน
Posted 14 October 2015 - 04:08 PM
0 members, 1 guests, 0 anonymous users
ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Galileo (แสดงผล waiting list) | ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Amadeus (เแสดงเฉพาะที่นั่งว่าง) | |
ติดต่อเจ้าหน้าที่แผนก ตั๋วเครื่องบิน โทร 02-3737-555 / จันทร์ - ศุกร์ 09.00~18.00 น. // เสาร์ 09.00-16.00 น. |