สวัสดีครับ หลายๆ ท่านคงได้ยินข่าวการเปิดตัวของสายการบินต้นทุนต่ำบินระยะไกล น้องใหม่ ชื่อ นกสกู๊ต NokScoot กันมาบ้างแล้ว
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2557 ผมได้พาไปรู้จักกับสายการบินหนึ่งที่ชื่อว่า Pete Air ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ทะเบียน HS-XBA ทำการบินในเส้นทาง ดอนเมือง-เชียงใหม่-ดอนเมือง (25 กรกฎาคม 2557) กันมาแล้ว และในกระทู้นั้นก็บอกไว้ว่า นี่หล่ะกำลังจะมาเป็น "นกสกู๊ต"
http://www.hflight.n...s/topic/15925-/
พอคราวนี้ถึงเวลาแล้ว ที่นกสกู๊ตจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที และเตรียมให้บริการเที่ยวบินปกติในเดือนมีนาคม 2558
เครื่องบินลำนั้นก็ได้แปลงร่างกลายเป็น นกยักษ์ตองเจ็ด ชื่อว่า "นกพราว" โบอิ้ง 777-200 และได้ปรับปรุงภายในใหม่หมดจด
ปรับลุกส์จากสาว(ใหญ่)สิงคโปร์ ให้กลายเป็นน้องนกสกู๊ตขนาด 415 ที่นั่ง และด้วยนกแอร์ ได้เช่าเครื่องบินของ นกสกู๊ต มาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-เชียงใหม่-ดอนเมือง อีกครั้งในช่วงหยุดเทศกาล ผมจึงได้มีโอกาสไปลอง "นกสกู๊ต" และเตรียมชำแหล่ะนกยักษ์ เหมือนกับเมื่อปีที่แล้ว ได้ชำแหล่ะเจ้าสิงโตน้อย ไทยไลอ้อนแอร์ ไฟล์ทปฐมฤกษ์ เชียงใหม่-ดอนเมือง ไป ตามกระทู้นี้ http://www.hflight.n...s/topic/14509-/
มารู้จักที่มาของ "นกสกู๊ต" กัน
เมื่อความใส่ใจแบบแม่นกแอร์ มาพบกับความสร้างสรรค์แบบพ่อสกู๊ต (ตามโฆษณาชุดแรกของ NokScoot)
เมื่อสองคนนี้เค้ารักกัน จูจุ๊บกันไปเรียบร้อย จึงได้สายการบินลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์ใหม่ของไทย นั่นก็คือ "นกสกู๊ต"
มาดูว่า นกสกู๊ต เป็นส่วนผสม มีพ่อและแม่ ก็คือ นกแอร์ (DD--แม่ไทย) และ สกู๊ต (TZ--พ่อสิงคโปร์)
พอคลอดออกมาเป็นนกสกู๊ต จึงใช้เครื่องแบบอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นสวนผสมที่ลงตัวระหว่าง นกแอร์ และ สกู๊ตนั่นเอง
นกแอร์ กับ นกสกู๊ต ต่างกันอย่างไร ??? CEO ทั้ง 2 สายมาบอกเองครับคลิ๊ปนี้
สั้นๆ ก็คือ ....
นกแอร์ = Premium Short-Haul Low-Cost บินใกล้ๆ ในระยะไม่เกิน 3 ชั่วโมงจากต้นทาง โดยใช้เครื่องเล็กอย่าง โบอิ้ง 737-800 (และ ATR และ Q400) มีน้ำหนักกระเป๋าฟรี 15 กิโลกรัม ของว่างน้ำดื่มและเลือกที่นั่งฟรี แบบนกแอร์ ซึ่งวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ไว้แบบ Premium เหนือกว่าสายการบินต้นทุนต่ำรายอื่นๆ
นกสกู๊ต = Ultra Long-Haul Low-Cost บินระยะไกลมากกว่า 4-8 ชั่วโมงขึ้นไป ด้วยเครื่องบินใหญ่ โบอิ้ง 777-200 ขนาด 415 ที่นั่ง ตามคอนเซปต์สายการบินโลว์คอสต์ระยะไกล **โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี** และต้องซื้อบริการเสริมทุกอย่างเพิ่ม เหมือนกับสายการบิน Scoot (พ่อสิงคโปร์) ซึ่งจะแบ่งราคาเป็น 3 หมวดเหมือนกันคือ Fly, FlyBag และ FlyBagEat แต่ด้วยความที่มีแม่เป็นไทย (แม่นกแอร์) จึงยังคงมีกลิ่นอาย Professional & Friendly บริการมืออาชีพอย่างเป็นมิตร นอบน้อมอ่อนหวานสไตล์นกแอร์ แต่น้องนกบินไกลๆ จะมีต้องความแกร่งและมั่นคงมากขึ้นตามแบบฉบับ Scoot พ่อสิงคโปร์ (ขอใช้คำว่า Professional Firm Friendly Service) สำหรับที่นั่งก็มีทั้งแบบ ScootBiz 24 ที่นั่ง (จัดแบบ 2-4-2) ที่นั่งกว้างใหญ่ขึ้น (แต่นอนยาวไม่ได้) และ Economy ซึ่งมีการแบ่งโซน SilientZone (เขตปลอดมนุษย์เด็ก) ที่นั่งเหยียดขาได้เป็นพิเศษ ScootStretch แบ่งที่นั่งพิเศษเป็นเบาะสีเหลือง และที่นั่งปกติเป็นเบาะสีน้ำเงิน (ซึ่งแน่นอน ถ้าเลือกที่นั่ง มีค่าใช้จ่ายในการเลือก -- โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี)
ปล. บางท่านอาจสงสัยว่า ถ้าในอนาคตมีบริการ NokScoot-Thru หรือบริการ นกแอร์ต่อเครื่องนกสกู๊ต (เช่นบิน เชียงใหม่-ดอนเมือง-นาริตะ เช็คอินที่เชียงใหม่ รับกระเป๋าที่นาริตะ) จะขายราคาอย่างไร ?? ส่วนตัวผมคาดว่า น่าจะบังคับเลือกเป็น FlyBag โดยราคาจะรวมน้ำหนักกระเป๋าจากต้นทาง จนถึงปลายทางเรียบร้อย สำหรับราคา Fly (ไม่มีอะไรเลย ลากกระเป๋าขึ้นได้อย่างเดียว) น่าจะขายเฉพาะการเดินทางเข้า-ออก ดอนเมือง แบบไม่ต่อเครื่องเท่านั้น !!
สรุปก็คือ พ่อ แม่ และ ลูก ถือว่าเป็นคนละสายการบินกัน ลูกนกสกู๊ต จะได้รับจุดเด่นของจากพ่อสกู๊ต และ แม่นกแอร์
จะแตกต่างจาก สายการบินแอร์เอเชีย และ แอร์เอเชียเอ๊กซ์ ที่มีลักษณะ "พิมพ์เดียวกัน" ไม่ว่าจะบินไกล้ บินใกล้ ทุกอย่างจะออกมาเหมือนๆ กัน (และเป็นความตั้งใจของสายการบินเขาด้วยที่จะส่งมอบบริการ ที่เป็นมาตรฐานใกล้เคียงกัน ฉบับเดียวกันทั้งภูมิภาค ไม่ว่าจะบินไปไหน ใกล้-ไกล ก็คาดเดาได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ เป๊ะ เหมือนๆ กัน -- บินคุ้มคุณภาพครบ ของเค้าหล่ะ!!)
พูดง่ายๆ Theme ของสายการบิน โลว์คอสต์ระยะไกล ของไทย 2 สาย จะไม่เหมือนกัน
สายหนึ่งชัดเจนว่า เหมือนแม่เป๊ะ ส่วนอีกสาย ฉันขอเอาส่วนดีทั้งพ่อและแม่ มาประกอบกัน ซึ่งก็ต้องดูว่าจะให้ผลการตอบรับอย่างไร
แต่ผมเชื่อว่า ศึกบินระยะไกล น่าจะสนุก เพราะ ราคาโปรโมชั่น ฝั่ง Scoot ก็ไม่เคยยอมใคร อย่าได้พลาดโปรโมชั่นเปิดตัวกันครับ