การบินไทยมั่นใจมีกำไรหลังปรับค่าโดยสารเส้นทางบินในประเทศ ทุกเส้นทางเฉลี่ย 36.5% เชื่อผู้โดยสารมีทางเลือก
นายโชคชัย ปัญยายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการปรับอัตราค่าโดยสารเส้นทางบินในประเทศทุกเส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าการปรับอัตราค่าโดยสารครั้งนี้ ขจัดปัญหาการขาดทุน ช่วยให้การบินไทยมีกำไรจากการให้บริการเส้นทางบินในประเทศ ที่ผ่านมาการบินไทยประสบปัญหาขาดทุนจากเส้นทางบินในประเทศมาตลอด เห็นได้จากผลการให้บริการใน 3 เส้นทางคือ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ขาดทุนปีละกว่า 200 ล้านบาท แต่ได้แก้ปัญหาโดยให้สายการบินนกแอร์บริการแทน
"แม้การบินไทยจะปรับค่าโดยสาร แต่ผู้โดยสารยังมีทางเลือกใช้บริการ เพราะเส้นทางในประเทศที่การบินไทยให้บริการ มีสายการบินอื่นให้บริการด้วยเช่นกัน หากต้องการใช้บริการสายการบินระดับ PREMIUM ก็เลือกใช้การบินไทย แต่ถ้าต้องการจ่ายค่าโดยสารลดลง ก็เลือกใช้สายการบินอื่น" นายโชคชัย กล่าว
ด้านนายพฤทธิ์ บุปผาคำ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ การบินไทย กล่าวว่าการบินไทยได้คิดค่าเฉลี่ยการปรับค่าโดยสารครั้งนี้ตามข้อกำหนดของกรมการบินพลเรือน ไม่เกินเพดานราคาที่กรมกำหนด การบินไทยได้ปรับค่าโดยสารครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2549 หรือประมาณ 3 ปี 3 เดือน แต่ครั้งนี้อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มอยู่ที่ 36.5% จากราคาเดิม
ส่วนอัตราค่าโดยสารเส้นทางในประเทศเฉลี่ยระยะทางต่อกิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2549 จนถึงวันที่ 31 มี.ค.2553 จะอยู่ในระดับ 4.47 บาทต่อกิโลเมตร ขณะที่อัตราค่าโดยสารใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา อัตราเฉลี่ย 6 บาทต่อกิโลเมตร หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยต่อกิโลเมตรทั้ง 11 เส้นทาง พบว่าปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.53 บาท
“กรมการบินพลเรือนกำหนดให้ทุกสายการบินต้องมีมาตรฐานในการคิดระยะทางในแต่ละเส้นทางให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในการนำมาคิดอัตราค่าโดยสาร และอัตราค่าโดยสารต้องขึ้นไม่เกินอัตราที่กรมกำหนดไว้ ให้นำค่าธรรมเนียมน้ำมันและค่าประกันภัยมารวมเป็นราคาโดยสารสุทธิ ซึ่งอัตราค่าโดยสารของการบินไทยมีหลายระดับราคา อาจเป็นราคาที่สูงหรือต่ำกว่าราคาที่นำมาอ้างอิงก็เป็นได้” นายพฤทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว การบินไทยจะจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการเดินทางของผู้โดยสาร แต่โปรโมชั่นจะไม่มากเท่ากับปีก่อนๆ เพราะปีนี้ความต้องการเดินทางของผู้โดยสารค่อนข้างสูง จึงไม่ต้องการปรับลดค่าโดยสารลงมากนัก เพราะไม่ต้องการให้รายได้ค่าโดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยหรือ YIELD ลดลงมากนัก
ที่มา : http://www.bangkokbi...๋วในประเทศ.html