56 replies to this topic

[001 JZ Team]

Advertisements

สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านครับ 

 

หลังจากห่างหายไม่ได้ทำรีวิวในนี้มาหนึ่งปีเต็มๆ เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลามากนัก ทั้งๆที่จริงๆแล้วก็มีอีกหลายทริปที่ได้เดินทางไปเที่ยวมาและอยากนำมาลงแชร์กันให้ทุกท่านได้อ่านกัน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ไหนๆก็หยุดยาววีคเอนนี้ทั้งที เลยขอนำ 2 เมืองออนเซนของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ไปมาแล้วรู้สึกประทับใจจนอยากจะบอกต่อ แต่ว่าก็ไม่มีเวลามากพอที่จะนำเนื้อหามาลงได้หมดทั้งทริป เลยขอจับมา mix and match จากทริปของปีที่แล้ว และก็ทริปปีนี้เอามารวมไว้ด้วยกันซะเลย กับเมืองออนเซนสุดชิคจากเกาะใต้ คิวชู และเมืองออนเซนเล็กๆกลางหุบเขาจากเกาะฮอนชู ที่ทั้งสองเมืองนี้ต่างอยู่กันคนละมุมประเทศ แต่ก็มีบางอารมณ์ที่รู้สึกว่ามีความคล้ายคลึงกันให้คุณผู้อ่านได้เลือกไปตามรอบตามแต่ความชอบใจ

เอาละครับเกริ่นกันมาซะนาน เตรียมออกเดินทางไปตลุยบ่อน้ำแร่ นอนแช่น้ำร้อนชิวๆ กันที่เมือง Yufuin และเมือง Kusatsu ไปด้วยกันได้เลยครับ ^^

 

 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

สำหรับการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นนั้นคงไม่ต้องเอ่ยกันมากแล้วกันนะครับ เพราะตั้งแต่ญี่ปุนยกเว้นวีซ่าให้กับคนไทยตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ประเทศนี้ก็ได้กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนไทย ที่เดิมแม้จะฮิตติดลมบนอยู่แล้ว แต่นับวันจะยิ่งฮิตมากกว่าเก่าขึ้นไปทุกที และก็ได้มีผู้ให้บริการทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างทยอยออกโปรโมชั่นมาให้ทุกท่านได้เลือกสรรกันตามความพึงพอใจและกำลังทรัพย์ในกระเป๋า เอาเป็นว่าเรื่องการเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ตามแต่ตัวท่านเองเลยแล้วกันครับ แต่ในรีวิวนี้รับรองว่าจะมีเรื่องของการเดินทางสู่เมืองจุดหมายปลายทางที่เราจะไปกันแน่นอน 100%

 

ต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่าผมเองไม่ใช่เซียนญี่ปุ่น แค่เพียงรู้สึกประทับใจมากๆเลยอยากมารีวิวให้ชมกัน และ 2 เมืองที่จะรีวิวนั้นแน่นอนว่าเป็นเมืองออนเซนที่ดังอยู่ก่อนแล้ว และหลายๆท่านก็คงจะทราบกันอยู่ แต่ก็ขอยอมรับตรงๆว่าก่อนหน้าที่จะไปเที่ยวนั้น ตัวผมเองไม่เคยรู้จัก 2 เมืองนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำไป    

 

แต่ก่อนจะเดินทางได้ทำการบ้านหาสถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้บ้าง โดยตั้งโจทย์ให้ตัวเองคือ "ชิค ชิม ชิว" เนื่องจากช่วงที่ไปมีเวลาเที่ยวไม่มาก ไปทั้งทีต้องขอได้เมืองชิคๆ มีของกินอร่อยๆ และสามารถนอนแช่ออนเซนกลางแจ้งแบบชิวๆได้ โดยการเดินทางนั้นต้องสามารถทำ Day Trip จากเมืองที่เราอยู่เป็นหลักได้ และที่สำคัญ ต้องนั่งรถไฟไป เพราะส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นนั้น หากไม่นั่งรถไฟแล้วรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไปบางอย่าง แม้ตอนหาข้อมูลจะพบว่าบางทีการนั่งรถบัสไปจะถูกกว่าก็ตาม แต่ไหนๆไปญี่ปุ่นทั้งทีแล้ว ก็ต้องขอให้ฟินครบทุกแบบเลยแล้วกัน   

 

และสุดท้าย ก็มาเจอข้อมูลของ 2 เมืองที่ว่ามานี่แหละครับ ซึ่งยิ่งพอได้อ่านก็ยิ่งรู้สึกอยากไปมากขึ้นไปอีก แต่จะเพราะอะไรนั้น ไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เมืองแรกที่จะขอรีวิวนั้นก็คือเมืองออนเซนเล็กๆ ที่ชื่อว่า Yufuin (ยูฟูอิน) ตั้งอยู่ในอำเภอ Oita ของเกาะคิวชู หรือก็คือเกาะใต้ของญี่ปุ่น

 

ส่วนการเดินทางนั้นเราเริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Hakata สถานีรถไฟหลักของเมือง Fukuoka ซึ่งเป็นเมืองใหญ่สุดของเกาะใต้ ซึ่งถ้าใครมี JR Rail Pass (ต้องซื้อที่ไทยเท่านั้น) อยู่แล้วสามารถใช้เดินทางรถไฟไปยังเมืองนี้ได้เลยนะครับ แต่ถ้าใครยังไม่มีอยากจะขอแนะนำบัตรโดยสารเฉพาะพื้นที่ที่มีชื่อว่า JR Kyushu Rail Pass หรือก็คือบัตรโดยสารรถไฟของ JR ในพื้นที่เฉพาะแค่ในเกาะคิวชูเท่านั้น นั่งได้หมดทุกขบวน (มียกเว้นแค่บางขบวน) สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 2 แบบด้วยกันราคาดังตารางข้างล่าง คือแบบเฉพาะแค่เกาะคิวชูตอนเหนือ (Northern Kyushu Area) ที่ราคาจะถูกกว่า และแบบทั่วทั้งเกาะคิวชู (All Kyushu Area) ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบ 3 วันและ 5 วัน

 

ใครสนใจใช้แบบไหน หรือกี่วัน เวลาซื้อก็ลองวางแผนการใช้งานดูเอาแล้วกันนะครับ ส่วนผมเอาแค่แบบ Northern 3 วัน ราคา 7,200 เยน ก็มีหลายเมืองที่น่าไปเกินกว่าเวลาที่มีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น นางาซากิ ยูฟูอิน เบ็บปุ  คุมาโมโต้ 

 

สามารถหาซื้อได้ที่เคาเตอร์ JR ในสถานี Hakata ได้เลย รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่  https://www.jrkyushu...h/railpass.html

 

 

Northern Kyushu Area 3-day pass ￥7,200 5-day pass ￥9,260

All Kyushu Area 3-day pass ￥14,400 5-day pass ￥17,490

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

แน่นอนครับว่า จะเดินทางด้วยรถไฟแล้ว ก็ขอจัดเต็มให้ครบอารมณ์คนญี่ปุ่นกันสักหน่อย หาซื้อข้าวกล่อง หรือ Bento จากร้านค้าในสถานีติดไม้ติดมือขึ้นไปทานกันบนรถไฟด้วยเลย 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

สำหรับการเดินทางไป Yufuin นั้น เราสามารถนั่งรถไฟตรงจากสถานี Hakata ในเมือง Fukuoka ไปยังสถานี Yufuin ในเมือง Yufuin ได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาต่อรถไฟแต่อย่างใด 

 

สำหรับตารางเวลานั้นก็แน่นอนครับ พึ่งพาเว็ปไซต์ http://www.hyperdia.com ได้เลย เพียงแค่ใส่ชื่อสถานีต้นทาง และสถานีปลายทางไป เดี๋ยวระบบก็คำนวนเอามาให้เสร็จสรรพดังภาพด้านล่าง สบายดีแท้ ทั้งเวลา ทั้งขบวร ทั้งชาญชลา 

 

เดี๋ยวนี้การเชื่อมต่อ internet นั้นง่ายครับ ตามสถานีใหญ่ๆในเมืองค่อนข้างมี Free Wifi ให้บริการ แต่สถานีเล็กๆอย่างหวังครับ แต่ถ้าใครโรมมิ่ง internet บนมือถือเอาไว้ก็หมดห่วง Search เส้นทางรถไฟได้เลยเดี๋ยวนั้น

 

แต่ถ้าใครไม่มี ก่อนออกเดินทางแต่ละวันก็แนะนำให้ใช้ wifi ของโรงแรมทำการบ้านให้ดีกันเสียก่อนที่จะออกมาครับ Search หาเส้นทางและเวลารถไฟเอาไว้ล่วงหน้าทั้งขาไปและขากลับ จากนั้น cap หน้าจอเก็บเอาไว้เลย รวมทั้งอย่าลืม cap รอบขบวนรถไฟขากลับเผื่อเอาไว้อีกซัก 2-3 ขบวนจากเวลาที่เราวางเอาไว้ เกิดตกรถไฟรอบแรกขึ้นมา ยังมีอีกรอบเผื่อเอาไว้ครับ

 

ที่สำคัญ ก่อนขึ้นรถไฟอย่าลืมดูชาญชลา ขวบน และที่นั่งบนตั๋วให้ดีละครับ จะได้ไม่ขึ้นผิดขบวน ถ้ารถไฟคันไหนต้อง reserve seat ก็เอาบัตร JR Kyushu Rail Pass ของเราไปแสดงที่เคาเตอร์เพื่อขอทำการ reserve ที่นั่งได้ฟรี ส่วนสายไหนไม่จำเป็นต้องจองที่นั่ง ก็สามารถขึ้นได้เลยตามปรกติ ไปหาที่นั่งเอาเองบนรถไฟ 

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

ภายในรถไฟขบวนที่จะพาเราเดินทางไปยังเมือง Yufuin ครับ ดูเลขที่นั่งให้ตรงกันกับบัตรของเรา แล้วก็เดินไปนั่งได้เลย

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ปู๊นๆ ได้เวลาออกเดินทาง  

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

หนทางนี้ยังอีกยาวไกลครับ ตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า เลยขอทานข้าวเช้าฆ่าเวลาซะเลย มีที่เปิดสำหรับวางของเหมือนบนเครื่องบินด้วย 

ใครจะตามรอยก็อย่าลืมซื้อน้ำซื้อขนมติดไม้ติดมือกันมาด้วยละครับ (บนรถไฟญี่ปุ่นทานข้าวได้) เพราะระยะทางไกล ว่ากันจริงๆบนรถไฟก็จะมีเจ้าหน้าที่เข็ญมาขายด้วยเหมือนกัน แต่ราคาสูงกว่า

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ระหว่างทางก็จะมีนายตรวจมาเดินตรวจตั๋วกับผู้โดยสารครับ เราก็แค่แสดงตั๋งให้เค้าดูไป พนักงานสุภาพมาก สังเกตมาหลายขบวนแล้ว

อย่างว่าครับ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม การที่เรามาเยือนประเทศญี่ปุ่น เราก็ต้องพยายามปฎิบัติตามกฎระเบียนและวัฒนธรรมของเค้า อย่างเช่นคนญี่ปุ่นเค้าจะต่อคิว จะซื้อของหรือขึ้นรถไฟหรืออะไรก็แล้วแต่ก็จะต่อคิวทั้งนั้น ดังนั้นถ้าอะไรที่เห็นว่าดีก็ควรนำติดกลับมาใช้ที่บ้านเราด้วย บ่อยครั้งที่ผมเห็นคนไทยไปที่นั่นและทำตัวเหมือนอยู่บ้านเรา อย่างล่าสุดเห็นกรุ๊ปคนไทยจับกลุ่มนั่งกันบนพื้นในสถานีรถไฟญี่ปุ่นขวางทางเดิน ผมเห็นคนญี่ปุ่นหันไปมองด้วยสายตาแปลกๆ ก็แอบอายแทนเหมือนกันครับแต่ไม่กล้าเข้าไปบอก 

 

ผมว่าก็คงไม่ต่างกันกับที่บางทีเราแอบเซงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวบ้านเราแล้วส่งเสียงดัง บ้วนน้ำลายลงพื้น ดังนั้นก็ใจเขาใจเราครับ เมื่อเราไปบ้านเขาแล้วเราก็ควรที่จะเคารพกฎบ้านเขาด้วย ไม่อย่างงั้นเราเองก็คงไม่ต่างกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เราไม่ชอบเวลาเค้ามาบ้านเราเหมือนกัน 

 

อ๋อ จะบอกว่ารถไฟญี่ปุ่นนี่ตรงเวลาสุดๆเลยนะครับ สมมุติออกเวลา 6.03 น. ก็คือ 6.03 น. จริงๆ ดังนั้นเราต้องมาก่อนเวลารถไฟออกครับ และอย่าลืมตั้งนาฬิกาข้อมือของเราให้ตรงกับระบบรถไฟของญี่ปุ่นด้วยครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

วิวระหว่างทางที่รถไฟวิ่งลัดเลาะไปตามแนวหุบเขาครับ ว่างๆก็ลุกขึ้นไปดูวิวที่ด้านหน้าห้องคนขับรถไฟได้ด้วย กำลังจะเข้าอุโมงเลย แหล่มจริงๆ 

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Yufuin ในช่วงเวลาสายๆครับ ขนาดออกเดินทางมาแต่เช้านะเนี่ย ไกลจริงๆเลยเมืองนี้ 

 

ที่ด้านหน้าสถานีรถไฟก็จะมีรถ taxi จอดรออยู่ครับเผื่อใครไม่อยากเดิน 

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

Yufuin นั้นเป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาครับ ติดอันดับเมือง Onsen ขึ้นชื่อของญีปุ่น มีวิวทิวทัศน์งดงาม และยังเป็นสถานที่จัดงาน Film Festival ที่มีขึ้นราวเดือนสิงหาคมเป็นประจำทุกปีอีกด้วย ดังนั้นร้านรวงส่วนใหญ่ในเมืองนี้จึงค่อนข้าง "ชิค" กันทั้งนั้นครับ เพราะมีทั้งเหล่าอาร์ทติสมาทำขอบที่ระลึกสวยๆวางขายกัน เปรียบได้กับเมืองปายบ้านเรานี่แหละครับ จึงไม่ต้องกังวลว่ามาแล้วจะไม่มีอะไรทำ เพราะทีนี่มีทั้งออนเซนชั้นยอด ร้านอาหารสวยๆ ที่ตั้งอยู่เรียงรายตามแนวถนนคนเดินให้เลือกช๊อปเลือกชิมกันตามอัธยาศัย

และสิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึง คือตรงดิ่งไปยังเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ครับ (Information Center) ภายในสถานีรถไฟครับ พนักงานตรงนี้สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ครับ แม้จะไม่คล่องมากแต่ก็เข้าใจและอธิบายทางเราได้

 

เนื่องจากไม่เคยมาเมืองนี้เลย ก็ต้องถามหาแผนที่กันก่อนเป็นอย่างแรกแหละครับ และให้เจ้าหน้าที่ช่วยแนะนำให้ว่าจะไป Onsen ที่ไหนดี จากแผนที่ในภาพ สถานทีรถไฟคือบริเวณสีม่วงฝั่งซ้ายของภาพที่มีขีดสีแดง 3 ขีด หากเราเดินตรงออกไปหน้าสถานีรถไฟ ก็จะเป็นแนวถนนคนเดินที่เมื่อตรงไปสุดทางก็จะเจอกับทะเลสาบเล็กๆ (มุมขวาบนในภาพ) ที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเมือง

 

ส่วน Onsen ที่เจ้าหน้าที่แนะนำมาให้ก็มีหลายแห่งครับ ราคาก็ราว 500-800 เยน ตามแต่จะเลือกกัน แต่ถ้าใครเป็นแขกที่พักเรียวคังด้วยแล้วก็สามารถไปใช้บริการของโรงแรมแทนได้เลยครับ แต่ไหนๆมาทั้งที เลยถามหา The Best ไปเลยแล้วกันครับ 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

นี่ครับด้านหน้า หากเดินตรงต่อไปก็เป็นแนวถนนคนเดินไปเรื่อยๆจนถึงทะเลสาบ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ด้วยความที่รีบมาก เพราะเวลาน้อย เลยต้องใช้บริการ taxi จากหน้าสถานีไป Onsen เลยครับ เริ่มต้น 600 กว่าเยน

 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

มาถึงเรียบร้อยแล้วครับ ขออภัยด้วยที่จำชื่อสถานที่ไมได้จริงๆ แต่นั่ง taxi มาไม่ไกลครับ ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึง (แต่เดินไม่ไหว)

 

ก็จัดแจงซื้อตั๋วเข้าไปครับ ประมาณ 600 หรือ 700 เยนนี่แหละครับ จำราคาชัวร์ๆไม่ได้ แต่เค้าลดให้ 100 เยน เพราะว่าบ่อใหญ่สุดกำลังปิดซ่อมพอดี  เศร้ามากบอกเลย

 

 

 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

บริเวณด้านหน้าทางเข้าบ่อ Onsen ครับ 

 

เค้าแยกบ่อชายหญิงกันนะครับ ดีใจหรือเสียใจดี 555 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เข้ามาข้างในก็จะเจอกับบ่อ Onsen กลางแจ้งแบบ open air ที่มองเห็นวิวภูเขาได้ไกลๆ โชคดีมากที่มาถึงยังไม่เจอใครเลย แอบรีบหยิบกล้องมาถ่ายภาพเก็บไว้ภาพนึง โดยรวมบรรยากาศดีมากครับ แม้จะเป็นบ่อเล็กก็เถอะ หวังว่าบ่อใหญ่คงจะดูแกรนด์มากกว่านี้

 

เลยรีบอาบน้ำล้างตัวลงแช่โดยไว แต่เอาจริงๆแช่ได้แค่ 10 นาทีก็ต้องขึ้นมานั่งพักแล้วครับ เพราะมาแช่ตอนช่วงหน้าร้อนนี่ร้อนตับแตกเลย 555   

 

ซักพักก็มีคนญี่ปุ่นเข้ามากันอีก 2 คนครับ เห็นเค้าอาบน้ำล้างตัวกันนานมากเลย จนแอบรู้สึกผิดว่าเราอาบน้ำเร็วไปหรือเปล่า T_T เหมือนกับว่าการมาแช่ Onsen ของคนญี่ปุ่นเค้าจะไม่เร่งรีบ ค่อยๆอาบช้าๆ ให้ตัวสะอาด รู้สึกผ่อนคลาย ก่อนลงแช่ Onsen 

 

สิริรวมทนได้ 3 ครั้งก็ต้องขอลาจากครับ เพราะร้อนจริงๆ แต่ต้องยอมรับว่ารู้สึกดีมากครับ วิวภูเขา ลมพัดเบาๆ ท้องฟ้าสีคราม กับ Onsen ดีๆที่ Yufuin

 

 

 

 

 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

วิวรอบๆ พื้นที่บริเวณนี้ครับ 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

หลังจาก Onsen เสร็จเรียบร้อย ก็ให้พนักงานเรียก taxi ให้อีกครั้งเพื่อไปยังทะเลสาบ Kinrinko ที่ตั้งอยู่บริเวณท้ายสุดของถนนคนเดิน เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดครับ แต่มาช่วงฤดูร้อนราวเดือนกรกฎาคม (2556) แบบนี้เลยเจอแต่สีเขียวเต็มไปหมด ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะดูสวยมากกว่านี้ครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เจอร้านกาแฟชิวๆริมทะเลสาบ เลยขอหาอะไรเย็นๆทานหน่อยแล้วกันครับ หน้าร้อนแบบนี้คงสั่งเครื่องดื่มร้อนไม่ไหว ต้องไอติมกันน้ำส้มเย็นๆเท่านั้นครับ ชื่นใจ 

Attached Thumbnails

•