56 replies to this topic

[001 JZ Team]

Advertisements

จากทะเลสาป Kinrinko  ก็ค่อยๆเดินเล่นชมร้านค้าต่างๆตามแนวแถนนคนเดินกลับไปที่สถานีรถไฟครับ มีร้านค้าสวยๆตั้งอยู่เยอะมากตลอดแนว แต่บางร้านก็ยังไม่เปิดดีครับ และคนเดินกันยังเยอะเท่าไหร่ เพราะว่าบ่ายๆช่วงหน้าร้อนแบบนี้แดดร้อนมาก เข้าใจว่าตอนเย็นๆร้านน่าจะเปิดเยอะและคนเดินกันคึกคักมากกว่านี้ ยิ่งถ้าช่วงหน้าหนาวด้วยคงสวยและโรแมนติกสุดๆเลย

 

เสียดายสุดๆครับที่ได้มาเมืองแบบนี้แล้วไม่ได้แวะนอนค้างสักคืน T_T ถ้ารู้ว่า Yufuin จะชิวและสวยขนาดนี้ คงเตรียมกระเป๋ามานอนค้างแน่ๆ 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ได้เวลากลับสู่ Fukuoka ละครับ สำหรับรถไฟขากลับนี่ต้องเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้ตัดสินใจมา Yufuin เลยก็ว่าได้ กับรถด่วนขบวนพิเศษที่ชื่อว่า Yufuin no Mori รูปร่างแปลกตาขบวนสีเขียวๆนี่แหละครับ ให้บริการเฉพาะเส้นทางจากสถานี Hakata >> Oita โดยระหว่างทางจะแวะจอดที่สถานี Yufuin และ ฺBeppu เท่านั้น

 

จริงๆในตอนขามาก็มีขบวนนี้วิ่งให้บริการเหมือนกันครับ แต่ช่วงเวลาตอนเช้าไม่อำนวย เลยได้มาลองแค่เที่ยวขากลับ

 

ก่อนหน้านี้ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรถไฟญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะครับ ว่าทำไมต้องมีรูปแบบมากมายหลากหลายจัง เพราะถ้าคิดในเชิงต้นทุนการจัดซื้อ การบำรุงรักษา หรือการสำรองอะไหล่แล้ว คงจะต้องมีมากมายหลากหลายรูปแบบ สิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาลกว่าการใช้รถไฟเพียงแค่ไม่กี่แบบ ก็คงคล้ายๆกับธุรกิจการบินเช่นเดียวกันนั้นแหละครับ

 

แต่พอได้มาทดลองนั่งรถไฟขบวนนี้แล้วจึงได้รู้ซึ้งเลยว่า รถไฟนั้นเปรียบได้กับจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นจริงๆ รถไฟแต่ละขวบนต่างมีจุดขายในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ความคลาสสิค เทคโนโลยี การบริการ หรือความสะดวกสบาย เพราะเท่าที่เห็นๆมาเวลาอยู่สถานีใหญ่ๆในตัวเมือง รถไฟที่เห็นๆกันจะเป็นรถไฟรูปแบบซ้ำๆที่เห็นกันทุกวันจนชินตา คนญี่ปุ่นเองไม่ค่อยได้สนใจมากนัก มีแต่นักท่องเที่ยวที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ แต่สำหรับรถไฟขบวนพิเศษแบบ Yufuin no Mori ขบวนนี้ที่ให้บริการแค่เพียงในเส้นทางนี้เท่านั้น ไม่มีให้เห็นในพื้นที่อืนๆของประเทศ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพกันเต็มชาญชลาไปหมด

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ภายในรถไฟมีการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถไฟขบวนนี้เท่านั้นครับ ชุดพนักงานก็แตกต่าง

 

มีตู้เสบียงที่ขายของกิน ขนม และสินค้าที่ระลึกพิเศษสำหรับรถไฟขบวนนี้ กระจกหน้าต่างใหญ่โอ่อ่าวชมวิวกันเพลินเลยครับ ^^

 

ระหว่างทางก็จะมีพนักงานเดินถือป้ายมาให้ถ่ายภาพคู่ อารมณ์ประมาณว่า ฉันได้มานั่ง Yufuin no Mori เมื่อวันที่ XX เดือน YY แล้วนะ ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันเล็กๆระหว่างทางที่ชวนให้นักท่องเที่ยวอมยิ้มได้ครับ 

 

ในภาพมุมล่างขวาสุดคือหน้าตาของตั๋ว JR Kyushu Rail Pass ครับ การใช้งานก็เหมือนกันกับ JR Rail Pass แบบทั่วประเทศเลยครับ คือต้องแสดงให้พนักงานเพื่อเข้าช่องทางพิเศษ 

 

อ๋อ สำหรับขบวน Yufuin no Mori ต้องทำการ reserve seat ด้วยนะครับ ดังนั้นเมื่อตอนมาถึง Yufuin แล้ว ก็แนะนำให้ทำการสำรองที่นั่งขากลับเอาไว้เลย จะได้ไม่ต้องมาลนตอนขากลับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

วิวช่วงเย็นระหว่างทางกลับ Fukuoka 

 

แช่น้ำร้อน เดินเล่นกลางแดดมาตลอดทั้งวัน เลยขอสลบยาวจนถึงปลายทางเลยแล้วกันนะครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ปิดท้ายค่ำคืนที่ Fukuoka ด้วยร้าน Yatai หรือร้านอาหารแนว street food ที่พบเห็นได้ทั่วเมือง Fukuoka ในยามค่ำคืนครับ

 

เคยคุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น เค้าบอกมาว่ามันเป็นร้านอาหารสไตล์ขี้เมา อะไรแบบนั้น ปรกติเค้าเองก็ไม่ค่อยได้มาทานกัน มีหลากหลายแนวตามสไตล์ของแต่ละร้าน ทั้งราเมน ของทอด โอเด้ง เบียร์ สาเก แต่อยากบอกว่าต้องมาลองทานกันครับ มันเป็นอะไรที่ดูญีปุ๊น ญี่ปุ่นสุดๆเลยละ แถมรสชาติดีด้วยครับ สั่งเมนูลิ้นวัวมาลองทาน อร่อยสุดๆ

 

ไหนๆเข้าเมืองตาหลิ่วมาแล้ว ก็ต้องขอหลิ่วตาตามด้วย จริงไหม?   

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ส่วนเมืองที่สองที่จะขอรีวิวต่อไป คืออีกหนึ่งเมืองออนเซนชื่อดังติด top chart ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Kusatsu (คุซัทสึ) ตั้งอยู่ในอำเภอ Gunma บนเกาะฮอนชู หรืออยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว เป็นอีกหนึ่งเมืองที่สามารถทำ Day Trip ได้เช่นเดียวกันครับ แต่อย่างที่บอกว่า ถ้ามีโอกาสไปแล้ว คุณจะไม่อยาก Day Trip เมืองนี้อย่างแน่นอน มันต้องมีนอนค้างซักคืนละถึงจะฟิน

 

สำหรับการเดินทางเราเริ่่มต้นกันที่สถานี Tokyo กันเลยครับ เหมือนเดิมครับคือถ้าหากมีJR Rail Pass อยู่แล้วสามารถใช้เดินทางรถไฟไปยังเมืองนี้ได้เลยนะครับ แต่ถ้าหากไม่มีอยากขอแนะนำบัตรโดยสารเฉพาะพื้นที่เช่นเดิม นั้นคือ JR Kanto Area Pass หรือก็คือบัตรโดยสารรถไฟของ JR ในพื้นที่เฉพาะแค่ในภูมิภาคคันโตเท่านั้น (เข้าใจง่ายๆคือ area รอบๆกรุงโตเกียว) นั่งได้หมดทุกขบวน (มียกเว้นชิงคันเซ็นแค่บางขบวน) 

 

ราคาจะอยู่ที่ 8,300 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 4,200 เยน สำหรับเด็กอายุ 6-11 ขวบ สามารถใช้งานได้แบบ 3 วันต่อเนื่องกัน ซึ่งพื้นที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและอยู่ในพื้นที่ให้บริการก็มีอาทิ ภูเขาไฟฟูจี คุซัทสึ นิคโก้ โยโกฮาม่า รวมทั้งสามารถนั่ง NEX จากนาริตะเข้าเมืองได้ด้วย สรุปคือก็คุ้มอยู่อะครับบัตรนี้ 555

 

มีจำหน่ายทีสถานีรถไฟในสนามบินนาริตะทั้ง 2 เทอร์มินอล สนามบินฮาเนดะ และสถานีใหญ่ๆในโตเกียว เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.jreast.co.../kantoareapass/

 

จากในภาพนี่ซื้อที่สถานีนาริตะครับ มีรายละเอียดให้เป็นภาษาไทยเลยด้วย 

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

ในการเดินทางสู่เมือง Kusatsu นั้นค่อนข้างที่จะไกลสักหน่อยครับ (แต่รับรองว่าคุ้ม) จริงๆสามารถไปได้หลายวิธีด้วยกัน แต่ในที่นี้จะขออธิบายเฉพาะแค่จากสถานี Tokyo โดยจับรถไฟชิงคันเซ็นรอบเช้าไปลงที่่สถานี Takasaki ก่อนที่จะต่อรถไฟหวานเย็นอีกต่อไปที่สถานี NaganoharaKusatsuGuchi (ชื่อยาวแบบนี้จริงๆ) ที่เป็นสถานีปลายทาง โดยเที่ยวรถไฟนั้นก็ตรวจสอบได้จากเว็ปไซต์ http://www.hyperdia.com  เช่นเดิมครับ

 

สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟชิงคันเซ็น อย่าลืม reserve seat ที่เคาเตอร์ JR ก่อนใช้บริการด้วยนะครับ ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่อย่างงั้นต้องไปขึ้นตู้แบบ non-reserve เสี่ยงดวงหาที่นั่งว่างเอาเอง และอย่าลืมว่ารถไฟญี่ปุ่น โดยเฉพาะชิงคันเซ็นตรงเวลาแบบสุดๆ 

 

เที่ยวขาไปเลยยังไม่มีเวลาถ่ายภาพรถไฟเลยครับ เพราะรอบ 6.24 น. เช้ามาก เกือบวิ่งมาขึ้นรถไฟแทบไม่ทัน T_T ขึ้นมาแล้วนอนยาวเลยครับ ส่วนก่อนถึงบนรถไฟก็จะมีประกาศชื่อสถานีแจ้งเอาไว้ด้วย แต่ถ้ากลัวพลาดก็ใช้วิธีตั้งนาฬืกาปลุกเอาไว้แล้วกันครับ (แต่หรี่เสียงเตือนเบาๆหน่อยนะ) เพราะในเว็บ hyperdia มีบอกเวลาถึงเอาไว้ด้วยอยู่แล้ว

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

หลังจากถึงสถานี Takasaki เราก็มีเวลาต่อรถไฟอยู่ราว 10 นาที เลยรีบวิ่งออกมาซื้อข้าวเช้ามารองท้องกันบนรถไฟหวานเย็นเที่ยวถัดไป

 

วิวระหว่างทางสวยดีครับ เพิ่งไปมาช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา (2557) อากาศยังเย็นสบายอยู่ ฟ้าใส กลางวันใส่เสื้อยืนเดินได้ปรกติ แต่พอหัวค่ำอากาศเริ่มเย็นจนต้องหาเสื้อแจ็คเก็ตมาใส่อีกตัว ไม่อย่างงั้นพอเดินดึกๆมีสั่นเลยครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

พอถึงสถานี NaganoharaKusatsuGuchi เรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินออกมาเราก็จะพบกับจุดจอดรถบัสที่จะพาขึ้นไปที่ Kusatsu ครับ บอกแล้วว่าเมืองนี้มาไม่ง่าย แต่คุ้มค่าแน่นอน เป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆกลางหุบเขา ทัวร์ไม่ลง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติน้อยมาก คนไทยแทบไม่ต้องพูดถึงครับ หาแทบไม่มี เพราะทัวร์ส่วนใหญ่เค้าช๊อปปิ้งกันอยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ก็ไปแถบฟูจิกัน

 

รถบัสที่จะพาไปน่าจะสาย 1 มั้งครับถ้าจำไม่ผิด แต่หาไม่ยากหรอกครับ ออกมาก็เจอเลยมีจอดอยู่แค่คันเดียว หรือถ้าไม่ชัวร์ก็ถามคนขับรถเอา แค่พูดว่า Kusatsu นี่เค้าก็ชี้ให้ไปขึ้นรถละครับ เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาก็เพื่อมาต่อรถสายนี้กัน

 

สำหรับผู้ที่ถือบัตร JR Rail Pass อยู่แล้วสามารถขึ้นรถบัสได้ฟรีเลยครับ แต่สำหรับผู้ที่ถือ JR Kanto Area Pass แบบผมจะต้องจ่ายค่าโดยสารปรกติ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 690 เยนมั้งครับ ใช้เวลานั่งรถราว 30 นาทีก็ถึงจุดหมายปลายทางจริงๆซะที

 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

จากสถานีรถโดยสารของเมือง Kusatsu เราสามารถเดินไปภายในเมืองได้เลยครับ เพราะว่าเมืองนี้เล็กมาก เล็กกว่า Yufuin เยอะพอสมควรเลย

 

จากภาพในแผนที่ บริเวณที่เรายืนอยู่คือตรงสีแดงด้านล่างของภาพ เมื่อเดินขึ้นไปข้างบนก็จะเจอกับวัดท้องถิ่นเล็กๆวัดหนึ่ง และพอเดินต่อมาทางขวาของวัดก็จะพอกับไฮไลท์สำคัญของเมือง Kusatsu ที่เป็นรางน้ำร้อนขนาดใหญ่หลายสิบรางตั้งเรียงรายอยู่ใจกลางเมือง (บริเวณสีเหลืองๆ) 

 

ส่วนที่ๆเราจะไป Onsen กันก็คือมุมซ้ายบนในแผนที่ครับ (ที่เป็นรูปภาพ)

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

Kusatsu เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขาครับ สูงจากระดับน้ำทะเลราว 1,200 เมตร อากาศที่นี่จึงค่อนข้างเย็นกว่าในโตเกียวที่เราเดินทางมา แถมช่วงนี้ก็ยังเย็นๆอยู่ด้วยครับ เลยยังพอเห็นหิมะที่ยังละลายไม่หมดเป็นสีขวาๆอยู่ในภาพ โชคดีที่วันนั้นตัดสินใจใส่เสื้อกันหนาวมาด้วย ไม่อย่างงั้นมีสั่นกันเลยทีเดียว

 

ในภาพนี้ก็คือวัดที่เดินขึ้นมาต่อจากสถานีรถโดยสารเมื่อตะกี้แหละครับ เดินเพียงแค่นิดเดียวก็ถึงเลย ใกล้มากๆ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

จากวัด เมื่อมองลงไปเราก็มาถึงยังใจกลางเมือง Kusatsu กันซะทีครับ 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เห็นครั้งแรกนี่ก็ตกหลุมรักเลยครับเมืองนี้ ชิคๆ น่ารักสุดๆ

 

บริเวณในภาพนี้คือตาน้ำร้อนที่พุ่งขึ้นมากครับ และเค้าก็ต่อรางไม้เอาไว้เพื่อให้น้ำไหลไปตามรางที่ภายในมีตัวกรองน้ำอยู่ เพื่อลดแร่ธาตุหรือสะสารอะไรที่ไม่จำเป็นออกไป ตามข้อมูลเค้าว่าไว้ว่ามีปริมาณน้ำไหลออกมาสูงถึง 4,000 ลิตร / นาทีเลยทีเดียว

 

ส่วนอาคารรอบๆบ่อ ก็จะเป็นร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ตั้งอยู่เรียงราย บรรยากาศดีมากๆเลยครับ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

สุดท้ายน้ำแร่ก็จะไหลออกมารวมกันที่บ่อเล็กๆสีมรกตด้านล่างนี้ครับ ก่อนที่โรงแรมต่างๆจะต่อท่อเอาไปใช้งานกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกโรงแรมในเมืองต่างใช้น้ำร้อนธรรมชาติแท้ๆให้แขกได้มานอนแช่กันครับ 

 

มายืนตรงหน้าบ่อแบบนี้ ได้กลิ่นกำมะถันหน่อยๆด้วยครับ แต่ก็ไม่แรงจนเกินไป 

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

สำหรับสถานที่ต่อไป เราจะเดินผ่านซอยเล็กๆ จากบริเวณรางน้ำร้อนกลางเมืองไปยัง Sainokawara Rotenburo ซึ่งเป็นบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถไป Onsen กันได้ท่ามกลางธรรมชาติแบบ open air

 

ระหว่างทางที่เดินไปก็มีร้านซาลาเปานึ่งสดๆพร้อมชาร้อนๆมาให้ชิมกันด้วยครับ หากถูกใจก็สามารถซื้อหากลับไปเป็นของฝากติดไม้ติดมือได้ แต่เอาจริงๆ ทานแบบร้อนๆตรงนั้นอร่อยสุดๆไปเลยครับ 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

เดินมาเจอบรรยากาศแบบนี้ ก็เท่ากับว่าเราใกล้ถึงกันเต็มทีละครับ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะ Sainokawara แล้ว

 

มีน้ำร้อนไหลเป็นสายลงมาตามลำธาร

Attached Thumbnails

• 
• 

[001 JZ Team]

มาถึงกันละครับ จ่ายค่าเข้ากันเรียบร้อย 500 เยน

 

แยกชายหญิงกันอีกแล้วเช่นเคย 

 

ต้องเรียนว่าตรงนี้เป็นบ่อน้ำแร่ธรรมชาติครับ ไม่ได้มีผ้าเช็คตัวให้เหมือนในเรียงกัง เราจะต้องเตรียมมาเองครับ แต่หากลืมเอามาเค้าก็มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆขายให้ครับ (ไว้แค่เช็ดตัวนะครับ ไม่ใช่นุ่งเข้าไป)

 

 

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

ภาพนี้ต้องขออนุญาติ save มาจากใน internet ครับ เพราะไม่สามารถเอากล้องเข้าไปถ่ายได้จริงๆ แต่บรรยากาศแบบเดียวกันเด๊ะๆเลยครับ ขาดแค่หิมะบนหลังคาเท่านั้น

 

ขอบอกว่า "ฟินนนนนนที่สุดในสามโลก" เพราะบ่อใหญ่มาก อากาศช่วงนั้นก็กำลังเย็นสบายถึงขั้นแอบหนาว วิวรอบๆเป็นต้นไม้ ภูเขา ธรรมชาติสุดๆ เห็นไอร้อนลอยเหนือผิวน้ำบางๆ แถมที่นี่อนุญาตให้นำเบียร์กระป๋องเข้าไปดื่มได้ด้วยครับ ตั้งตู้กดอยู่ด้านหน้าเลย ก็เลยจัดไปครับกับเพื่อนคนละป๋อง

 

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สามารถแช่ Onsen ได้ครบ 1 ชั่วโมงเต็มๆ เพราะอากาศที่เย็น พอแช่น้ำร้อนแล้วจึงไม่เหนื่อย แถมวิวมันฟินมากจริงๆ Open air เลยไม่อึดอัด เพราะเคยไปแช่ในโรงแรมที่มีบ่อใหญ่ๆ ห้องกว้าง แต่ถึงยังไงมันก็ยังอยู่ในห้องปิด มีแอบอึดอัดบ้างเหมือนกัน แต่เปิดโล่งแบบนี้ไม่เลยครับ สบายสุดๆ แถมนั่งจิบเบียร์คุยกับเพื่อนไป อ้าว เผลอๆผ่านไปชั่วโมงนึงแล้ว นิ้วเปื่อยเชียว ถ้าติดว่าไม่รีบกลับคงแช่ต่ออีกยาว 555

 

ประทับใจสุดๆครับที่นี่

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

แช่ Onsen เสร็จ ก็เดินกลับมาหาอะไรทานที่ในตัวเมืองครับ มีหลากหลายแนวให้เลือกกันตามใจชอบ

Attached Thumbnails

• 

[001 JZ Team]

สุดท้ายก็เดินทางมุ่งหน้ากลับสู่ Tokyo ด้วยความประทับใจสุดๆครับ 

 

เป็น 2 เมือง Onsen ที่ได้ไปมาแล้วรู้สึกประทับใจมาก หากใครสนใจตามรอยนี่ต้องตั้งใจมาจริงๆครับ เพราะระยะทางค่อนข้างไกล ถึงแม้จะเป็น Day Trip ก็ตาม แต่ก็หมดเวลากับการเดินทางไปกลับรวมหนึ่งวันเต็มๆเลยทีเดียว แต่รับรองว่าคุ้มค่ามากครับ

 

สิ่งเดียวที่เสียดายก็คือไม่มีโอกาสได้นอนค้างทั้ง 2 เมืองที่ว่ามาเลยสักครั้ง ไม่อย่างงั้นคงจะประทับใจมากยิ่งขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า ถ้าหากมีโอกาสกลับมาอีกจะต้องมานอนค้างที่นี่ให้ได้เลยครับ     

Attached Thumbnails

•