71 replies to this topic

[parasail]

Advertisements

ห่างหายไปนานไม่ได้เข้ามาเยี่ยม hflight เลยครับ เคยลงreviewไปเที่ยวปักกิ่งไว้หลายปีมาแล้ว http://www.hflight.n...m/m-1169918621/ ตอนนี้ID เดิมผมสงสัยจะใช้ไม่ได้แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะลืมpasswordเอง เข้าไม่ได้เลยเลยต้องสมัครใหม่เลย

กลับมาคราวนี้ขอนำเสนอทริปเที่ยวเยอรมนี-ฮอลแลนด์-เบลเยี่ยม-ลักเซมเบิร์ก 5 วัน บวกโปรแกรมพิเศษชมดอกทิวลิปที่สวนเคอเคนฮอฟ ครับ ไปเที่ยวช่วงปลายเดือนเมษาที่ผ่านมาอยู่ในช่วงของเทศกาลดอกไม้ที่สวนเคอเคนฮอฟพอดีซึ่งในปีหนึ่งที่เคอเคนฮอฟจะจัดในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมเท่านั้นเพราะเป็นช่วงที่ดอกทิวลิปกำลังบานสวยและเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาชมความงดงามของดอกทิวลิปมากที่สุด(คนเยอะจริงๆ) ทริปนี้ไปกับบริษัททัวร์Red boat แต่จัดกรุ๊ปเฉพาะกลุ่ม Staff และญาติๆ TG กันเอง อยากบอกว่าทริปนี้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนั่งรถข้ามประเทศซะมากกว่า เวลาเที่ยวก็มีน้อย บางที่ให้เวลาเดิน 1 ชั่วโมงเอง แต่ก็สนุกดีครับ



งั้นเริ่มเลยดีกว่าครับ ผมห่างหายจากhflightไปนานหากมีอะไรผิดพลาดต้องขอ อภัยมาก่อนด้้วยนะครับ

ออกเดินทางโดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG 920 BKK - FRA . HS-TGR แต่โดนStand by เพราะไฟล์นี้เต็มประกอบกับกรุ๊ปผมเป็น TG ทั้งหมด 15 คนกว่าจะได้ขึ้นเครื่องก็เกือบนาทีสุดท้ายได้นั่งแยกกันหมด ผมเองนั่ง 70 B ท้ายเครื่องเลย แต่ดีที่มี PTV เลยเอาหูฟังใส่หลับฟังเพลงไปเลย รู้ตัวอีกทีมีพี่แอร์มาปลุกได้เวลาเสริฟอาหารมื้อแรกแล้ว

[parasail]

หลับๆไป นอนก็ไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆรู้ตัวอีกทีก็เวลาอาหารเช้าแล้ว เครื่องลงที่ Frankfurt เกือบ 7 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นของเยอรมัน ผ่าต.ม.รับกระเป๋าแล้วออกมาขึ้นรถบัสที่รอรับอยู่ด้านหน้า อากาศเช้าวันนี้เย็นทีเดียว 12 องศา



ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วล้อหมุนออกจากสนามบินเดินทางสู่ จตุรัสโรเมอร์ บรรยากาศตอนเช้าที่แฟรงเฟิร์ตอากาศกำลังดีครับ แสงแดดอ่อนๆ


ข้ามแม่น้ำไมน์

[parasail]

แฟรงเฟิร์ตเป็นเมืองที่รำ่รวยที่สุดเมืองหนึ่งในกลุ่มสหภาพยุโรป ที่นี่เป็นที่ตั้งของธนาคารกลางยุโรป ส่วนมากประชากรที่อาศัยอยู่ในแฟรงเฟิร์ตนี้จะเป็นนักการธนาคารซะส่วนมากเพราะเป็นที่ตั้งของสำนักงานธนาคารหลายแห่งของเยรมนี

จตุรัสโรเมอร์ในตอนเช้า วันนี้ลมแรงครับและผมดันใส่แค่เสื้อเชิตกับเอาเสื้อคลุมบางๆใส่ลงรถไปเดินเล่นที่จตุรัสเพราะคิดว่าคงไหวผลคือสั่นเลยรูปบริเวณจตุรัสโรเมอร์เลยไม่ค่อยได้ถ่ายเลย



จากนั้ันก็เดินไปโบสถ์เซนพอล ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับจตุรัสโรเมอร์

[parasail]

ภายในโบสถ์

[parasail]

ร้านค้าบริเวณจตุรัสโรเมอร์ ยังเช้าอยู่ร้านส่วนมากก็ยังไม่เปิด เลยได้แต่เดินดูหน้าร้านเฉยๆ

[parasail]

จากนั้นก็ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่เมืองไฮเดลเบิร์ก ระหว่างทางไปผ่านทุ่งสีเหลืองๆเลยลองถามไกด์ว่ามันคืออะไร ได้คำตอบกลับมาว่า นี่คือทุ่งดอกมัสตาสที่เอามาทำเป็นมัสตาส

[parasail]

มาถึงเมืองไฮเดนเบิร์กประมาณ 11 โมงกว่าๆ ไกด์ปล่อยเดินเล่นชมเมืองประมาณ1ชั่วโมงแล้วนัดเจอกันตอนเที่ยงเพื่อกินอาหารกลางวัน
เมืองไฮเดนเบิร์กเมืองแห่งนี้มีเสน่ห์อยู่ที่เมืองนี้เป็นแห่งแห่งความโรแมนติกเป็นเมืองที่สวยงามและเก่าแก่มากอีกเมืองหนึ่งของเยอรมนี มีปราสาทราชวังสวยๆ หลายแห่งตั้งอยู่ตามภูเขาสวยงามถือว่าเป็นเมืองแห่งความโรแมนติคในสมัยกลางคนไทยรู้จักเมืองนี้จากแท่นพิมพ์ไฮเดลเบิร์กบรรยากาศของเมืองดูสวยงามตาไปด้วยตึกรามบ้านเช่าแบบเก่าแก่ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกด้วย นักเรียนไทยมาเรียนที่นี่หลายคนเหมือนกัน นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่ รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสเมื่อครั้งเสด็จเยือนบยุโรปครั้งที่ 2

[parasail]

ปราสาทไฮเดนเบิร์กที่จะไปชมในช่วงบ่าย



บริเวณใจกลางไฮเดนเบิร์ก

[parasail]

เดินไปเดินมาไปเจอซุปเปอร์เล็กๆเข้าเลยขอเข้าไปสำรวจเล็กน้อย เวลาไปยุโรปนี่จะซื้อของฝากนี่ต้องเข้าซุปเปอร์เท่านั้นขืนหลงไปซื้อตามร้านที่ขายข้างนอกของอย่างเดียวกันยี่ห้อเดียวกันแต่ราคาต่างกันเป็นเท่าเลย เช่น ช็อคโกแลค Mars ในซุปเปอร์ขายที่ 0.80 ยูโร ไปดูที่ร้านข้างนอกขาย 1.50 ยูโรเลย

[parasail]

และก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน มื้อนี้ไปกินอาหารไทยภัตคารไทยชื่อร้านภูเก็ตเจ้าของร้านบอกว่าเปิดมาแล้ว 13 ปี อืม ที่จริงมื้อนี้ต้องเป็นอาหารพื้นเมืองของเยอรมันตามโปรแกรมทัวร์แต่บริษัททัวร์เกิดความผิดพลาดจองไปจองมากลายเป็นมื้อแรกในยุโรปเป็นอาหารไทย
และรสชาติหารก็จืดชืด โดยเฉพาะต้มยำเห็ด กินเสร็จก็มีกรุ๊ปทัวร์ไทยอีกกรุ๊ปนึงมากินด้วย รู้ทีหลังว่าเป็นกลุ่มของ ว.ป.อ. มาทัศนศึกษายุโรป

[parasail]

ช่วงบ่ายก็ขึ้นไปชมปราสาทไฮเดนเบิร์ก ปราสาทไฮเดลเบิร์กถูกสร้างขึ้น ในปี ค.ศ.1300(พ.ศ.1843) ตั้งอยู่บนเนินเขาโดยรอบมีป่าละเมาะแสนสวยให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นได้บริเวณปาร์กของปราสาทจะมีต้นไม้ใหญ่อย่างต้นเบิช ต้นเมเปิ้ล ต้นโอ้ค เมื่อขึ้นไปอยู่บนเนินเขาที่ตั้งของปราสาทจะมีจุดชมวิวที่จะมองลงไปดูตัวเมืองเก่าไฮเดลเบิร์ก และยังเห็นแม่น้ำเนคคาร์ ที่ไหลผ่าน ตัวเมืองไฮเดลเบิร์กอีกด้วย ปราสาทไฮเดลเบิร์กนี้มีชื่อเสียงมาก มีการก่อสร้างต่อเนื่องกว่า ๔๐๐ปี ตัวอาคารด้านนอกและตัววังเก่าเป็นศิละแบบโกธิคและเรอเนสซองค์ ส่วนอีก๒อาคารที่อยู่ ทางตะวันออกและทางเหนือสร้างเมื่อศตวรรษที่ ๑๖ ซึ่งถือว่า เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางด้านสถาปัตยกรรม ของเยอรมัน นอกจากนี้ ปราสาทไฮเดลเบิร์กยังมีห้องเก็บไวน์ซึ่ง บรรจุไว้ในถังโอ๊คบ่ม ที่เป็นไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

บริเวณด้านหน้าของปราสาท

[parasail]

เดินเข้ามาภายในก็พบกับห้องใต้ดินเป็นที่เก็บถึงไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ห้องนี้มีกลิ่นอับเหมือนกันนะครับ สมกับเป็นห้องใต้ดินในปราสาทแท้ๆเลย




บริเวณด้านบนของถังไวน์

[parasail]

เดินขึ้นมาบนจุดชมวิวบนปราสาท ชมทิวทัศน์เมืองไฮเดนเบิร์กบนปราสาท

[parasail]

อีกมุมหนึ่ง



เดินกลับออกมาเจอห้องเก็บขวดไวน์

[parasail]

เสร็จจากชมปราสาทตามโปรแกรมทัวร์จะต้องพักโรงแรมในเมืองไฮเดนเบิร์กแต่ช่วงที่ผมไปนี่ไม่รู้ว่ามีงานเทศกาลอะไร โรงแรมในเมืองถูกจองเต็มไปหมดต้องไปพักโรงแรมเล็กๆที่เมือง Rudeshiem ซึ่งต้องขึ้นไปทางเหนือของเมืองไฮเดนเบิร์ก แรกๆก็เซ็งๆเพราะไม่ได้เป็นไปตามโปรแกรมทัวร์ที่จะต้องพักในเมืองไฮเดนเบิร์กพอเย็นๆก็กะจะไปช็อปตรงซุปเปอร์ที่ไปเดินเมื่อตอนเที่ยง แต่พอไปถึงที่ Rudeshiem ก็หายเซ็งเลยเพราะเป็นเมืองเล็กๆริมแม่น้ำไรน์ ด้านหน้าโรงแรมที่พัก(จำชื่อโรงแรมไม่ได้)เป็นแม่น้ำไรน์ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเล็กๆแต่มีคนมาพักเต็มนอกจากกรุ๊ปผมแล้วยังมีกร๊ปทัวร์จีนมาพักด้วย

พูดถึงห้องพักก็อยู่ในระดับ 3 ดาว เตียงคู่เล็กๆติดกัน หมอนหนุนไม่ค่อยดีเท่าไหร่แถมยังมีคราบเหลืองเล็กติดด้วย ประตูล็อคแปลกแบบว่าหมุนกุญแจ 2 รอบ ประตูจะล็อค ห้องน้ำก็okมีอ่างอาบน้ำ พื้นพรมเก่าๆ โดยรวมก็ok มีห้องอาหาร สระว่ายน้ำในร่มเล็กๆอยู่ด้านหลังของโรงแรม





บริเวณด้านหน้าของโรงแรม

[parasail]

อาหารเย็นก็กินที่ห้องอาหารของโรงแรม เริ่มต้นด้วย ซุปผักจืดๆกับขนมปังฝรั่งเศสชิ้นเล็กแข็งๆ อาหารจานหลักเป็นสเต๊กปลาราดซอส(อะไรก็ไม่รู้) ตบื้ายด้วยของว่างเป็นไอติมช็อกโกแล็ต 1 ถ้วย และที่สำคัญคือน้ำเปล่าโรงแรมเอาน้ำแร่แบบอัดแก๊สมาให้แทนที่จะเป็นน้ำธรรมดา(หรือไปกรองเอาน้ำประปาจากก๊อกมาก็ได้ไม่มีใครรู้หรอก)เพราะคนไทยไม่ชอบดืมน้ำเปล่าอัดแก๊สเหมือนฝรั่งนี่ ตรงนี้นี่เซ็งๆอยู่จะไปบอกให้มันเปลี่ยนเป็นน้ำแร่ธรรมดา มันบอกขวดละ 2 ยูโร(80กว่าบาท) เลยฝืนกินไป เสร็จแล้วก็ออกไปเดินเล่นแถวๆโรงแรม มีร้านค้ายังเปิดอยู่ ตอนนี้ฝนกำลังตกแถมอากาศก็เริ่มเย็น ตอนออกไปเดินนี่ประมาณทุ่มกว่าแล้วยังสว่างอยู่

[parasail]

เดินเล่นเสร็จก็กลับเข้ามาอาบน้ำนอน คืนนั้นได้ดูถ่ายทอดฟุตบอลสดๆรอบรองชนะเลิศระหว่าง บาเยิน มิวนิค กับ รีลมาริด ในห้องแต่เหนื่อยหลับไปตื่นมา มาริดแพ้ตกรอบเรียบร้อย และก็ผ่านพ้นวันแรกไป เช้าวันที่สองจะเดินทางไปล่องเรือชมแม่น้ำไรน์ที่ Boppard
และเดินทางสู่เมืองโคโลญน์
เช้านี้ฝนตก ทานอาหารเช้าเสร็จก็รีบขึ้นรถไปลงเรือที่ Boppard ฝนตกตลอดทาง

ทิวทัศน์ในวันฝนพรำ ระหว่างทางไปBoppard

[parasail]

ระหว่างทางไป Boppard เนื่องจากยังเช้าอยู่ก็เลยแวะเมืองเล็กๆข้างทางเพื่อเดินหาซื้อของ ซึ่งไม่คิดว่าจะมีซุปเปอร์หรือร้านค้าเลยแต่เดินไปเดินมาดันไปเจอเข้าเอง



ร้านขายของจิปาถะทุกอย่าง 1 ยูโรหมด

[parasail]

ในที่สุดก็ถึง Boppard รอลงเรือประมาณ 10 โมง ฝนก็หยุดตกแล้วแต่อากาศนี่่เย็นมากๆ พอเรือมาก็ลงเรือล่องชมแม่น้ำไรน์
จริงๆแล้วเรือนี่เป็นเรือโดยนิสารแล่นไปมาระหว่างเมือง ภายในเรือชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำและที่เก็บของ ชั้นสองจะเป็นห้องอาหารมีกระจกใสรอบห้องมีโต๊ะอาหารนับสิบๆโต๊ะ มีเมนูอาหารเครื่องดื่ม(แพง)ไว้บริการ ส่วนชั้นบนจะเป็นดาดฟ้าโล่งให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทิวทัศน์และถ่ายรูป ลงเรือที่ Boppard แล้วไปขึ้นที่ท่าเรือ ST.GOAR ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง โดยรถบัสไปรอที่ท่าเรือ ST.GOAR แล้ว

[parasail]

ภายในเรือชั้นล่าง

ดาดฟ้า