60 replies to this topic

[peter]

Advertisements

รถคันสีเหลืองนี้กลุ่มผม 6 คนเดินทางมากับรถคันนี้ครับ นั่งหน้า 2 คน นั่งหลัง 4 คนครับ
อีกกลุ่มหนึ่งนั่งรถคันสีเขียวมา 6 คน รูปหมู่่ 12 คน ถ่ายรูปที่ทุ้งหญ้า สะวันนา หลัง ภูเขาไฟ Bromo ครับ ไชโย ๆ เย้...

[peter]

วิวหน้าที่พัก Cemoro Indah Hotel


Mt.Bromo และ Mt.Batok ตอนที่ไม่มีทะเลหมอก หลังจากนั้นช่วงบ่่ายท้องฟ้าปิดครับ ถ่ายจากที่พัก Cemoro Indah Hotel
หลังจากนั้นกลับที่พักที่ Cemoro Indah Hotel รับประทานอาหารเช้า เดินเที่ยวชมบ้านเรือน การปลูกพักสวนครัวรอบๆที่พัก เก็บสัมภาระออกจากโรงแรมตอนบ่่ายสองโมง นั่งรถ 4ชม.เข้าตัวเมืองสุราบายา

[peter]

เดินทางมาถึงเมืองสุราบายา 6โมงเย็น พักที่ Elmi Hotel จองไว้ 6 ห้องๆละ 1822บาท รวมอาหารเช้า ฟรีไวไฟ


กลางคืนเดินออกมาถ่ายรูปเล่นที่ วงเวียนเมืองสุราบายา ใกล้โรงแรมที่พัก รถยนต์เยอะมากๆ อากาศร้อนมากครับ


กลับที่พัก เพราะรถโรงแรมจะมีบริการ พาแขกของโรงแรมไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองครับ เลยได้เข้าไปทานอาหารในห้างครับ ผมสั่งข้าวผัดไก่ แถม ชาเขียว 1 ขวด 11000idr และ ก๊วยเตี๋ยว แถม ชาเขียว 1 ขวด 11000idr และ Soda Icecream (Häagen-Dazs) 20000idr กรรมวิธีการทำคือ ตักไอศรีมใส่ถ้วยแล้วใส่โซดาลงไป แล้วใช้ช้อนคนให้เข้ากัน ผมก็ลุ้นอยู่นานว่า เขาจะเอาไปใส่เครื่องปั่น เลยกลับไปดูเมนูอีกครั้ง ก็เขาเขียนว่า Soda Icecream ไม่ใช้ Soda Icecream Milkshake สักหน่อย

[peter]

15 เมษายน 12 เวลา 5:30AM นั่งรถแท็กซี่จาก Elmi hotel ไปสนามบินสุราบายา คันละ 85,000idr(4คน) ค่าภาษีสนามบินภายในประเทศ 40000idr/คน ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที เครื่องบินออกจาก Surabaya(SUB) 7:35AM ไปถึง Yogyakarta(JOG) 8:30AM โดยสายการบิน Batavia Air


Boeing 737-400 จุผู้โดยสาร 168 คน พนักงานต้อนรับ 4 คน และ นักบิน 2 คน Batavia Air มีเครื่องบินรุ่นนี้ประจำฝูงอยู่่ 10 ลำ สภาพเครื่องบินเก่า ระยะ Seat petch กว้างขวาง(ผมสูง 181cm.นั่งสบาย) มีขนมปังและน้ำบริการ


เครื่องบินมาถึง Yogyakarta(JOG) 8:30AM


ในขณะที่เดินเข้าไปในอาคารของสนามบิน ก็เห็น เครื่องบิน 737-400 ของ Garuda Indonesia เป็นสายการบินแห่งชาติครับ ลงตามมาติดๆ

[peter]

จะมีพนักงานขับรถเข้ามาเสนอราคาค่าเช่ารถ หลายคน สรุปพวกเราได้ตกลงเช่ารถตู้ จำนวน 1 คัน จุดได้ 12 คน จำนวน 2 วัน ราคา 1,700,000 idr ค่าทริปคนขับรถ 200,000idr โดยขับไปยังสถานที่ต่อไปนี้ Prambanan,Borobudur,Sulatan Palace,Gunung Merapi,Dieng Plateau,Dieng Plateau,Kawah Sikidang พวกเรานั่งรอรถที่สนามบิน ประมาณ 1 ชม.


ในระหว่างที่รอรถตู้ผมก็สำรวจรอบๆ สนามบิน จะเห็นสถานีรถไฟอยู่ติดสนามบิน ค่าโดยสารรถไฟเข้าตัวเมือง 10000idr 35บาท

[peter]

วิหารปรัมบานัน(Prambanan) ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปรัมบานัน เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยชวาภาคกลาง ราว ค.ศ.ที่ 10 โดยพระเจ้าบาลีตุง แต่จากหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ดี จี ฮอลล์ กล่าวว่า ผู้สร้างปรัมบานันน่าจะเป็นพระเจ้าทักษากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งสมัยชวาภาคกลาง ส่วนเหตุที่สร้างนั้นสันนิษฐานว่า สิ่งก่อสร้างทั้งหมดในเทวาลัยแห่งนี้น่าจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานบรรจุพระศพของกษัตริย์และสมาชิกในพระราชวงศ์ ปรัมบานันก็ถูกละทิ้งและเสื่อมลงในเวลาต่อมาจนมาในยุคปัจจุบันปรัมบานันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกใน ปี ค.ศ. 1991


ปี ค.ศ. 2006 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่บนเกาะชวา สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับปรัมบานัน อาคารหลายแห่งโดยเฉพาะเทวาลัยขนาดเล็กที่อยู่รายรอบนั้นพังทลายเสียหายหนักจนต้องผิดซ่อมแซมไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ว่าปัจจุบันวิหารปรัมบานันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อีกครั้ง

ปรัมบานันมีชื่อเรียกขาน (ภาษาถิ่น) อีกอย่างหนึ่งว่า "โลโรจงกรัง" มีที่มาจากตำนานพื้นบ้าน ที่ว่ากันว่าโลโรกรังเป็นเจ้าหญิงแสนงาม (โลโรจงกรังภาษาถิ่นหมายถึงสาวร่างอรชร) จึงมียักษ์มาขอแต่งงานเจ้าหญิงไม่กล้าปฏิเสธ แต่ทรงขอให้ยักษ์สร้างจันทิให้ได้ 1 พันหลังถึงจะแต่งงานด้วย ยักษ์จึงใช้เวทมนตร์สร้างจันทิจนเกือบจะเสร็จสิ้น ส่วนเจ้าหญิงก็ใช้เวทมนตร์ทำลายจันทิเหล่านั้น เพราะไม่ต้องการแต่งงานด้วย ทำให้ยักษ์โกรธจึงสาปเจ้าหญิงให้กลายเป็นหิน แล้วนำรูปมาทำประติมากรรมประดิษฐานอยู่ในปรัมบานันแห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่า "รูปโลโรจงกรัง"

สำหรับความยิ่งใหญ่ของจันทิปรัมบานันนั้น มันช่างดูอลงการดีแท้ แม้เหล่าจันทิเล็กๆ รอบนอกจันทิหลักที่สร้างเรียงเป็น 4 แถวจำนวน 224 หลังส่วนใหญ่จะถูกผลกระทบของแผ่นดินไหวจนพังทลายเหลือแต่ซาก แต่ว่าก็ยังทิ้งร่องรอยความยิ่งใหญ่ไว้ให้เห็น ถ้าหากยูเนสโกบูรณะซากจันทิเหล่านั้นขึ้นมาได้ ปรัมบานันก็คงจะกลับมายิ่งใหญ่อลังการอีกครั้ง ไม่แพ้บุโรพุทโธ


วิหารองค์กลาง คือ วิหารศิวะ (Candi Siwa : คำว่า Candi ในภาษษอินโดนีเซีย หมายถึง วิหาร หรือวัด) ที่มีปรางค์สูงถึง 47 เมตร และเป็นศูนย์กลางของโบราณสถานแห่งนี้ โดยภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปสลักของพระศิวะขนาดสูงใหญ่ถึง 3 เมตร ในท่าประทับยืนอยู่บนดอกบัว

[peter]

ในระหว่างที่พวกเราชมโบราณสถานอยู่นั้น จะมีนักเรียนมาคอยสัมภาษณ์ เพื่อฝึกภาษาอังกฤษครับ

[peter]

พระพรหม
นอกจากนี้ยังมีวิหารลูกอีก 2 แห่งตั้งเคียงคู่อยู่กับปรางค์องค์กลาง คือ วิหารพระพรหม (Candi Brahma) อยู่ทางทิศเหนือ และ วิหารพระวิษณุ (Candi Wisnu) อยู่ทางทิศใต้
ลวดลายส่วนใหญ่จะสลักเป็นเรื่องราวรามายณะ วิถีพื้นบ้าน เทพ เทพี โยคี ฤาษี และสัตว์ในเทพนิยายของฮินดู


วิหารพระวิษณุ อยู่ทางทิศใต้ ด้านหลังจะเป็นวิหารพระอิศวร


าวกลางศตวรรษที่ 16 ศาสนาฮินดูเริ่มเสื่อมไปพร้อมกับราชวงศ์สัญชัย ที่เคลื่อนไปเสาะหาพื้นที่ใหม่แถบชวาตะวันออกและเกาะบาหลี นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่าเหตุที่ราชวงศ์สัญชัยต้องละทิ้งดินแดนชวากลางอันอุดมไปก็เพราะ บริเวณนี้เกิดภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยครั้ง ก่อความเสียกายแก่ทั้งพืชผล ชีวิตคน และโบราณสถาน รวมถึง Prambanan และบูโรพุทโธด้วย

[peter]

วัดเซวู (Sewu Temple) เป็นวัดพุทธมหายาน สร้างประมาณกลางคริสตศตวรรษที่ 8 เป็นวัดใหญ่เหมือนกัน มียอดเป็นเจดีย์เต็มไปหมด คนไทยเรียก วัดเจดีย์พันยอด ที่เขามาปลุกเสกจตุคามกัน

[peter]

ชม Sulatan Palace ค่าเข้าชมวัง+ที่จอดรถ 70,000idr ไกด์ + tip 100,000idr ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร (สำหรับผม)

ชมการเพ้นท์ผ้า ใกล้ๆ วัง Sulatan Palace หลังจากนั้นเดินทางไป Mt. Merapi

[peter]

ไปถึง Mt.Merapi ถึงช่วงเย็น ท้องฟ้าปิด เสียค่าธรรมเนียมเข้าสถานที่ คนละ 3000 idr,ค่าจอดรถ 5,000idr
สภาพรถที่โดนพิษสง จากการระเบิดของภูเขาไฟ Merapi


รองรอยของการไหลผ่านของลาวาเป็นทางยาว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2010 ได้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟเมอราปี (Gunung Merapi) จนเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงภูเขาไฟดังกล่าว

ภูเขาไฟเมอราปี(Gunung Merapi) ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดเขตการปกครองพิเศษยอกยาการ์ตาและจังหวัดชวากลาง จากบริเวณยอดของภูเขาไฟเมอราปีนั้นตั้งอยู่ห่างจากเมืองยอกยาการ์ตาประมาณ 30 กิโลเมตร มีหมู่บ้านรอบๆ ภูเขาไฟเมอราปี ถึง 32 หมู่บ้าน ภูเขาไฟเมอราปีมีผลต่อกระทบต่อประชาชน 2 อย่างคือ หมอกที่ร้อนแรงที่เรียกในภาษาชวาว่า Wedus Gembel และ การพ่นของลาวา




ภูเขาไฟเมอราปีได้เกิดระเบิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว กล่าวกันว่าภูเขาไฟเมอราปีระเบิดขึ้นครั้งแรกในปี 1006 ซึ่ง R. W. Van Bamelen ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ทำให้อาณาจักรมาตารัม (ยุคฮินดู- พุทธ)ต้องย้ายศูนย์อำนาจจากชวากลางไปยังชวาตะวันออก มีการซ่อมแซมเจดีย์โบโรบูดูร์(Borobudur) ในปี 1815 หลังจากที่ภูเขาไฟได้ระเบิดขึ้นในปี 1768 และระหว่างวันที่ 18-19 ธันวาคม 1930 ภูเขาไฟเมอราปีก็เกิดประทุขึ้นมา ทำลายหมู่บ้านต่างๆหลายสิบหมู่บ้าน มีผลทำให้ประชาชนเสียชีวิต 1,369 คน ต่อมาในปี 1954 ภูเขาไฟได้ระเบิดอีกครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิต 64 คน และในปี 1961 เกิดการระเบิดทำให้มีหนึ่งหมู่บ้านเสียหาย ส่วนในวันที่ 14 มกราคมปี 1997 เกิดการระเบิดทำให้ต้องอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่อันตรายถึง 8,000 คน ก่อนเกิดการระเบิดครั้งล่าสุด ได้เคยเกิดการระเบิดมาแล้วเมื่อวันทื่ 15 พฤษภาคม และ 8 มิถุนายน 2006 ทำให้ประชาชนต้องอพยพหนีภัยจากการระเบิดของภูเขาไฟดังกล่าว และล่าสุดก็ได้เกิดการระเบิดอีกครั้ง

[peter]

18:00 เดินทางมาถึงโรงแรม Pondok Tingal ราคาห้องละ 145.000 IDR ไม่รวมอาหารเช้า ตั้งอยู่ห่างจาก Borobudur 1กม.


ทานอาหารเย็นที่ Pondok Tingal ราคาจานละ 20,000-30,000idr

[peter]

16 เมษายน 12 เวลา 6:00 น. มารอเพื่อนๆ หน้าโรงแรม Pondok Tingalเห็นดอกบัวบานเตรียมรับแสงแรกของวัน เมื่อรวมพลเสร็จก็เดินเท้าไปยัง Borobudur 1 กม. ค่่าเข้าชม 15us/คน บัตรนักศึกษาลด 50% ไกด์+ทิป150,000idr

[peter]

ระหว่างทางเดินจะได้กลิ่นหอมของดอกกรรณิการ์ (Night flower jasmine)ตลอดทาง ดอกนี้จะบานในตอนกลางคืน จะร่วงในตอนเช้า ก้านดอกสามารถนำมาทำเป็นสี ย้อมผ้าจีวรพระ หรือสีทำขนม


บุโรพุทโธเป็นสถูปแบบมหายาน สร้างขึ้นในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 14 ประกอบขึ้นด้วยหินภูเขาไฟ มีขนาดกว้างใหญ่แต่มีแผนผังแบบง่ายๆได้สัดส่วนแสดงถึงมณฑลของจักรวาล ประกอบขึ้นด้วยฐาน 5 ชั้น วงเป็นระเบียง 4 ชั้น และมีเขื่อนกั้นดินวงอยู่ภายนอกอีกชั้นหนึ่ง ระเบียงแต่ละวงมีภาพสลัก ความยาวของภาพสลักทั้งหมดเกือบ 4 กิโลเมตร ภาพสลักบนฐานและระเบียงนั้นหมายถึง กามธาตุ (ระเบียงชั้นที่ 1) รูปธาตุ (ระเบียงชั้นที่ 2-4) และอรูปธาตุ (ลานชั้นยอด)

ขอบคุณ ข้อมูลจาก หนังสือ "ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง" โดย ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล คุณ Ktu และ คุณ Neodicaprio


รูปหมู่หน้าลานหญ้า Borobudur ไกด์จัดท่าให้พนมมือครับ ขาดพี่นพและพี่หนู เพราะพักต่างโรงแรมกันครับ


ท่านี้ก็เป็นที่นิยมในการถ่ายรูป คือเอามือจีบผ้า และยกขึ้นครับ



ท่านี้ผมบอกให้ทุกคนทำเอง ครับ

[peter]

บุโรพุทโธ…มหาเจดีย์แห่งศรัทธา
“บุโรพุทโธ” หรือ “โบโรบูดูร์” (Borobudur) หรือ “บรมพุทโธ” แห่ง เมืองยอกยาการ์ตาหนึ่งในมรดกตั้งแต่ปี คศ. 1991 มีสถาปัตยกรรมแบบพุทธมหายาน-ชวาที่น่ามหัศจรรย์ ใจกลางดินแดนที่ถือได้ว่าเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างประเทศอินโดนนีเซีย


มีอีกท่าหนึ่งที่เป็นที่ยอดนิยมในการถ่ายรูปที่นี้คือ ใช้มือจีบผ้าขึ้นโดยประมาณครับ

[peter]

ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าบุโรพุทโธ น่าจะสร้างในปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๗ ถึง ๙ ในยุคราชวงศ์ไศเลนทรา (The Cailendra Dynasty) ซึ่งนับถือพุทธมหายานขึ้นมีอำนาจปกครองหมู่เกาะชวาตอนกลางและมีอำนาจแผ่ขยาย ครอบคลุมอาณาจักรศรีวิชัย

ศาสนาพุทธบนกาะชวาแห่งนี้โชติช่วงเหมือนดาวตกที่เปล่งประกายงดงามในช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะหายไปเนื่องจากอิทธิพลของศาสนาอื่นๆ

การก่อสร้างมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว ที่มีการขุดเจาะหินเป็นพื้นที่กว้างกว่าห้าหมื่นตารางเมตร และใช้การชักลากหินจากภูเขาไฟ

ด้วยความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์แห่งนี้ นักโบราณคดีคาดว่า จะใช้แรงงานมากกว่าแสนคน และใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานกว่าสองร้อยปี

ด้วยการใช้เงินและแรงงานอย่างมหาศาลอาจเป็นสาเหตุทำให้ราชวงศ์ไศเลนทราต้องล่มสลายลง และตัวเจดีย์ก็ปล่อยทิ้งร้างไว้ ไม่มีการใช้งานหลังจากสร้างเสร็จสิ้นแล้ว

[peter]

ระเบียงชั้นที่ 3 เป็นภาพสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตั้งแต่ก่อนประสูติ จนถึงปรินิพพาน วิธีเดิน ให้วนตามเข็มนาฬิกา คือเริ่มจากซ้ายมือ




ลายหน้าสัตว์ที่เรียกกันว่าหน้ากาล หรือลายหน้าราหู อยู่เหนือซุ้ม

[peter]

ทางขึ้นมีประตูลายกาล-มกร (Kala-makara) เป็นลวดลายที่พิเศษของชวา เป็นลายหน้าสัตว์ที่เรียกกันว่าหน้ากาล หรือลายหน้าราหู เป็นลายหน้าสัตว์ที่มองเห็นเต็มทางด้านหน้า แต่ไม่มีริมฝีปากล่าง

[peter]

พระพุทธรูปแสดงปางประทานปฐมเทศนา

[peter]

โชคดีมากได้เจอพระภืกษุ บนนี้ด้วย


ด้านหลังสถูป สามารถมองเห็นภูเขาไฟ Merapi


เดินขึ้นมาถึงข้างบนเป็นลานและมีสถูปหลายองค์มีพระพุทธรูปอยู่ภายใน