0
20 กรกฎาคม 2555 - แอร์บัสบรรลุข้อตกลงในการสั่งซื้อเครื่องบิน จำนวน 115 ลำ มูลค่า 16, 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่งาน 2012 Farnborough International Air Show โดยข้อตกลงนี้ แบ่งออกเป็นบันทึกความเข้าใจสำหรับการสั่งซื้อเครื่องบิน (Memorandum of Understanding: MoU) จำนวน 61 ลำ มูลค่า 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐและคำสั่งซื้อเครื่องบินที่ได้รับการยืนยันแล้ว จำนวน 54 ลำ มูลค่าราว 11,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เอ350-1000 รับบทเด่นในงานจัดแสดง โดยคาเธ่ย์ แปซิฟิค หนึ่งในสายการบินชั้นแนวหน้าของโลก ไม่เพียงทำข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบิน เอ350-1000 โฉมใหม่ จำนวน 10 ลำ เท่านั้น แต่ยังได้เปลี่ยนคำสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น เอ350-900 จำนวน 16 ลำจากเดิมเป็น เอ350-1000 ที่มีขนาดใหญ่กว่า รวมมูลค่าเกือบ 4, 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เอ350-1000 ของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคจะติดตั้งเทรนท์ เอ็กซ์ดับเบิลยูบี เทอร์โบแฟน (Rolls-Royce Trent XWB turbofan) เครื่องยนต์ไอพ่นสมรรถนะสูงแห่งค่ายโรลส์-รอยซ์ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนสูงสุดถึง 97,000 ปอนด์
ด้านเครื่องบินตระกูล เอ330 นั้น แอร์บัสได้ประกาศเปิดตัว เอ330 โฉมใหม่ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถในการรับน้ำหนักระหว่างบินขึ้นเป็น 240 ตัน มีพิสัยการบินเพิ่มอีก 400 ไมล์ทะเลและพิกัดบรรทุกที่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 ตัน โดยกลุ่ม CIT ได้ทำการสั่งซื้อเครื่องบินดังกล่าวไปแล้ว จำนวน 10 ลำ มูลค่า 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้น บริษัท Synergy Aerospace ยังทำการสั่งซื้อเครื่องบิน เอ330-200 จำนวน 6 ลำและเครื่องบินขนส่ง เอ330 อีกจำนวน 3 ลำ ทำให้ยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินตระกูล เอ330 พุ่งขึ้นเป็น 19 ลำ
เครื่องบินตระกูล เอ320 ได้รับคำสั่งซื้อทั้งสิ้น 86 ลำ มูลค่ากว่า 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แยกเป็น เอ320 ซีโอ (current engine option: CEO) จำนวน 57 ลำ ซึ่ง 36 ลำจากจำนวนดังกล่าวเกิดจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจกับบริษัท China Aircraft Leasing Company (CALC) โดย CALC เปิดโอกาสให้สายการบินผู้เช่าสามารถเลือกติดตั้งชาร์คเล็ต อุปกรณ์ปลายปีกประหยัดเชื้อเพลิงโฉมใหม่ได้ อีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับเครื่องบิน เอ320 ซีโอ คือ การลงนามยืนยันคำสั่งซื้อเครื่องบิน เอ321 จำนวน 20 ลำ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของสายการบินยูทีแอร์ (Utair) ส่วน เอ320 นีโอซึ่งเพิ่งเริ่มกระบวนการการผลิตนั้น ยังครองส่วนแบ่งการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยคำสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 29 ลำ จากสายการบิน อวาลอน (Avolon) มิดเดิล อีสต์ แอร์ไลน์ส (Middle East Airlines) และอาร์เกีย อิสราเอล แอร์ไลน์ส (Arkia Israel Airlines)
“ที่งาน Farnborough มีคำสั่งซื้อหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จากลูกค้าชั้นแนวหน้าซึ่งไว้วางใจในนวัตกรรมและการพัฒนาประสิทธิภาพเครื่องบินของเรา” มร.ฟาบริซ เบรกิเฌ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์บัส กล่าวพร้อมเสริมว่า “จากแถลงการณ์ล่าสุดของแอร์บัสซึ่งสร้างสายการผลิตเครื่องบิน เอ320 ขึ้นที่อเมริกา รวมไปถึงเรื่องเริ่มต้นกระบวนการการผลิตเครื่องบิน เอ320นีโอ ที่เมืองตูลูส ทำให้บริษัทผูกขาดความเป็นผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมการบินโลก”
นอกจากการแถลงข่าวเรื่องคำสั่งซื้อเครื่องบินแล้ว ศูนย์บริการลูกค้าแอร์บัสยังขยายฐานการให้บริการไปทั่วทุกมุมโลกด้วยการลงนามสัญญาความร่วมมือ ระยะเวลา 10 ปีกับ GMF AeroAsia บริษัทซ่อมบำรุงในเครือสายการบินการูด้า อินโดนีเซีย ซึ่งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้จะช่วยพัฒนาศักยภาพศูนย์ฝึกอบรมการซ่อมบำรุงให้มีความแข็งแกร่งเพื่อรองรับลูกค้าในแต่ละภูมิภาคของแอร์บัส พร้อมกันนี้ แอร์บัสได้เขย่าวงการอุตสาหกรรมการบิน โดยเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายแรกที่เปิดตัว ‘Electronic Flight Bag (EFB)’ แอพพลิเคชั่นอัจฉริยะคำนวณสมรรถนะการทำงานของเครื่องบินบนอุปกรณ์ไอทียอดนิยมอย่าง iPad และ the SpaceFlex lavatory concept นวัตกรรมห้องโดยสารทางเลือกใหม่สำหรับเครื่องบินตระกูล เอ320 เพื่อสร้างความสะดวกสบายเหนือระดับให้แก่ผู้โดยสารและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น
แอร์บัสยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของ Farnborough Innovation Zone และ Future’s Day เพื่อส่งเสริมโครงการวิจัยและพัฒนาทางเทคโนโลยี ให้บรรลุวิสัยทัศน์แห่งอุตสาหกรรมการบินที่ยั่งยืน ภายในปี พ.ศ.2593 โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากทางแอร์บัสมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องพลังงานทางเลือก ทางแก้ปัญหาและขีดความสามารถในอนาคต
Attached Thumbnails
