15 มิถุนายน 2555 - สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลงนามเซ็นสัญญากับแอร์บัส ในการสั่งซื้อเครื่องบิน เอ320 ที่ติดตั้งชาร์คเล็ต ปลายปีกประหยัดเชื้อเพลิง จำนวน 17 ลำ ซึ่งอุปกรณ์ปลายปีกใหม่นี้มีความสูงราว 2.5 เมตร และจะติดตั้งแทนปลายปีกแบบ wingtip fence ที่จะช่วยลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงส่งผลให้เครื่องบินสามารถบินได้ไกลมากขึ้น
แอร์บัสจะเริ่มทำการส่งมอบเครื่อง เอ320 แบบติดตั้งชาร์คเล็ต ให้แก่สายการบินเอทิฮัด ในไตรมาสที่สามของ พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
ตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ ของปีพ.ศ. 2554 เป็นต้นมา ทางสายการบินเอทิฮัด ได้ทำการรับมอบเครื่องบิน เอ320 ไปแล้วทั้งสิ้น 20 ลำ และเมื่อเครื่อง เอ320 แบบติดตั้งชาร์คเล็ต เริ่มให้บริการจะเสริมให้ฝูงบินทางเดินเดี่ยวของเอทิฮัดเป็นหนึ่งในฝูงบินที่ทันสมัยและประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง
มร. เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานเจ้าหน้าบริหาร สายการบินเอทิฮัด กล่าวว่า “ในสภาวการณ์ปัจจุบัน สายการบินของเราได้ให้ความสำคัญไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของฝูงบิน”
“การเพิ่มฝูงบินโดยเลือกใช้เครื่องบิน เอ320 ที่มีความทันสมัยและติดตั้งด้วยชาร์คเล็ต ปลายปีกประหยัดเชื้อเพลิง เราสามารถลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงลงได้ซึ่งนั่นเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลกำไรให้แก่สายการบินในอนาคต”
ปัจจุบัน สายการบินเอทิฮัดมีฝูงบินแอร์บัส รวมทั้งสิ้น 50 ลำ แบ่งออกเป็น เครื่องบินตระกูล เอ320 17 ลำ เครื่องบินตระกูล เอ330และเอ340 33 ลำ และเครื่องบินขนส่ง เอ330-200 อีกจำนวน 2 ลำ อย่างไรก็ตาม สายการบินเอทิฮัดยังมีเครื่องบินอีก 43 ลำที่อยู่ในระหว่างรอการส่งมอบ อาทิ เครื่องบิน เอ380 10 ลำ ซึ่งจำนวนดังกล่าวจะทำให้สายการบินเอทิฮัดมีฝูงบินแอร์บัสอยู่ในครองครองถึง 95 ลำ
มร. จอห์น เลฮีย์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการลูกค้าสัมพันธ์ กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่เห็นสายการบินเอทิฮัดเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ใช้ชาร์คเล็ต ปลายปีกประหยัดเชื้อเพลิงของเรา”
“ในปัจจุบันเครื่องบิน เอ320 มีประสิทธิภาพในการใช้เชิงพาณิชย์และมีความน่าเชื่อถือสูงสุดในบรรดาเครื่องบินทางเดินเดี่ยว การติดตั้งชาร์คเล็ตยังช่วยเสริมศักยภาพของเครื่องบินรวมไปถึงสร้างความแข็งแกร่งให้สายการบินอีกด้วย” มร.เลฮีย์ กล่าวเพิ่มเติม
นับแต่ปลายปี พ.ศ.2555 เป็นต้นไป ชาร์คเล็ตจะเสริมศักยภาพใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มน้ำหนักในการบรรทุกและประสิทธิภาพในการออกตัวของเครื่องบิน นอกจากนี้ อุปกรณ์ปลายปีกใหม่ยังสามารถลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงลงได้ถึงร้อยละ 3.5 ซึ่งก็จะเท่ากับช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงปีละ 1,000 ตันต่อเครื่องบินหนึ่งลำอีกด้วย