52 replies to this topic

[Patchayada]

Advertisements

สะบายดี...ท่านผู้ชม

เวียงจันทน์เมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เมืองหลวง...ที่เต็มไปด้วยมนเสน่ห์ทางอารยะธรรม
เมืองหลวง...ที่มีที่ตั้งติดกับราชอาณาจักรไทย
เมืองหลวง...ที่การใช้ชีวิตของผู้คนดูสงบ เรียบง่าย ไม่วุ่นวาย
เมืองหลวง...ที่เดินทางง่าย ไปได้ทุกช่วงฤดู
การมาเที่ยวเวียงจันทน์ในครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของพัชค่ะ
ตามจริงแล้วจุดมุ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะไปเวียงจันทน์
เพราะแท้จริงแล้วพัชจองตั๋วเครื่องบินไปอุดรธานีเพื่อจะเดินทางต่อไปงานแต่งงานเพื่อนสาวที่จังหวัดเลย
แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะเพื่อนต้องเลื่อนกำหนดการเพราะคุณยายเสียชีวิตแบบกระทันหัน
ทำให้พัชเลยต้องเปลี่ยนแผนมาเที่ยวเวียงจันทน์แท้ เพราะครั้งก่อนพัชได้เที่ยวเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น
คราวนี้ใช้เวลาวางแผน2วันก่อนออกเดินทาง โรงแรมก็ไม่ได้จองหวังเดินWake Inเอาดาบหน้า
กระเป๋าเดินทางก็จัดก่อนเดินทางเพื่อแค่2ชั่วโมงเท่านั้น ทริปนี้ชิวจริงๆค่ะ
ไปเวียงจันทน์ครั้งนี้ก็เพื่อจะเก็บตกสถานที่บางแห่งที่ครั้งก่อนพลาดที่จะได้ชม เลยจัดทริป2วัน1คืนค่ะ
เชิญติดตามรับชมรีวิวกันได้เลยนะค่ะ

Attached Thumbnails

• 

[Patchayada]

หลังจากที่บินกับนกแอร์มายังท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ก็โดยสารรถตู้ของอุดรแก้วทัวร์มาลงที่ขนส่งเก่า ราคา80บาท ราคาค่อนข้างเป็นมิตร
มาถึงขนส่งเก่ารีบไปเช็คเวลาเดินรถที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด้านในทันที เส้นทางอุดรธานี-เวียงจันทน์ มีวันละ6เที่ยว พัชได้เที่ยวเวลา10:30น.
การซื้อตั๋วต้องแสดงพาสปอร์ตด้วยนะค่ะ



หน้าตาของตั๋วรถโดยสารระหว่างประเทศ



พาหนะของเราในวันนี้เป็นรถจากฝั่งลาว ของรัฐวิสาหกิจรถเมล์ลาว

[Patchayada]

จากนั้นไปนานรถก็ได้นำมาถึงด่านตรวจนเข้าเมือง หนองคายบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่1 เนื่องจากเป็นวันหยุดคนเยอะมากเลยค่ะ

[Patchayada]

ใช้เวลาไม่นานนักนั่งรถคันเดิมข้ามมายังฝั่งส.ป.ป ลาว เพื่อผ่านต.ม.ลาวอีกครั้ง ในวันหยุดแบบนี้ต้องเสียค่าล่วงเวลาด้วยนะค่ะถือPassportเสีย9.000Kipเป็นเงินไทย40บาทค่ะ
ตรงด่านต.ม.มีเรื่องน่าเจ็บใจตรงที่รถที่พัชโดยสารมาด้วยไปรอผู้โดยสารค่ะ คาดกันแค่เสียวนาที มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ที่ต.ม.3คน มีพัช ชาวต่างชาติที่บินมาจากเชียงใหม่พร้อมกันอีก1คน
และชายไทยที่พิการทางหูอีก1คน เลยต้องแชร์ค่ารถจัมโบ้ไปส่งที่ตลาดเช้า คนขับคิดให้3คน 250 บาทก็ถือว่าไม่แพง แต่มันเจ็บใจตรงที่คนขับกับเด็กรถไม่เช็คยอดผู้โดยสารเลยหรืองัย
รถจัมโบ้ขับไปส่งที่ตลาดเช้าซึ่งรถที่ว่าก็พึ่งมาถึงได้ไม่นาน พัชเลยรีบขึ้นไปเอากระเป๋าบนรถลงมาทันที ตอนแรกว่าจะวีนล่ะแต่ฝรั่งที่มาด้วยกันใส่จนยับล่ะเลยพอ จากนั้นก็ร่ำลาผู้ร่วมชะตากรรม
ไปยังตลาดเช้าใหม่เพื่อแลกเงินเป็นสกุลกีบ



อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น 1บาทเท่ากับ262.41กีบ

[Patchayada]

แลกไป1,000บาทได้มา2แสนกว่ากีบ



หลังจากแลกเงินเรียบร้อยก็มุ่งหน้าเดินไปหาที่พักทันที หลังจากนั้นก็เข้าพักและฝนก็ตกลงมาทั้งวันเลยไม่ได้ออกไปไหนเลย

เช้าวันรุ่งขึ้นเลยเช่าจักรยานปั่นไปเที่ยวที่แรกคือวัดศีรษะเกศ

[Patchayada]

วัดศีรษะเกศ สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 หรือพระเจ้าอนุวงศ์ในปี พ.ศ. 2361 เนื่องจากในสมัยนั้นลาวตกเป็นเมืองขึ้นของไทย เจ้าอนุวงศ์จึงออกแบบวัดตามอย่างศิลปะไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งกล่าวกันว่า พระองค์ทรงโปรดปรานศิลปะเช่นนี้ตั้งแต่ครั้งได้มาศึกษาเล่าเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ ภายใต้การอุปถัมภ์โดยรัชกาลที่ 2 จึงเป็นสาเหตุให้วัดศีรษะเกศเป็นวัดเดียวในเมืองเวียงจันทน์ที่ไม่ถูกเผาโดยกองทัพไทยเมื่อครั้งศึกเจ้าอนุวงศ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2371 วัดศีระษะเกศ ถือเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์ วัดนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า "วัดศีรษะเกศสตสหัสสาราม" แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดศีรษะเกศ เนื่องจากกล่าวกันว่า ยามพระเจ้าอนุวงศ์บรรทอยู่ในพระราชวังนั้น จะต้องหันพระเศียรมายังทิศที่ตั้งของวัดนี้เสมอ

[Patchayada]

ลวดลายประตูพระอุโบสถ



พระระเบียงรอบพระอุโบสถ

รอบ

[Patchayada]

วัดสีสะเกด เสียค่าเข้าชม 5.000กีบสำหรับชาวต่างประเทศนะซึ่งราคานี้เป็นราคามาตราฐานในการเข้าชมวัดและโบราณสถานในเวียงจันทน์

เวลาเปิดให้ชมตอนเช้า 08:00 น.-12:00น. ตอนเย็น 13:00น.-16:00น.



ประวัติวัดสีสะเกดอ่านกันเองนะค่ะไม่สามารถแปลกเป็นไทยได้จริงๆค่ะ

[Patchayada]

สิ่งที่น่าชมในวัด ได้แก่ หอไตร ซึ่งยกคอสองเป็นชั้นคล้ายวัดไทยใหญ่หรือวัดพม่า แต่คัมภีร์ถูกกองทัพสยามอัญเชิญไปไว้ยังกรุงเทพฯ หมดแล้ว ส่วนผนังด้านในของพระระเบียงที่ล้อมรอบพระอุโบสถเอาไว้นั้น มีการเจาะซุ้มเล็กๆ ขึ้นสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปเงินและพระพุทธรูปดินเผากว่า 6,840 องค์ ส่วนใหญ่เป็นพระที่สร้างขึ้นที่เวียงจันทน์ในช่วงศตวรรษที่ 16 ถึง 19 ระเบียงด้านตะวันตกเป็นที่เก็บรวบรวมเศษชิ้นส่วนพระพุทธรูปที่ถูกทำลายลงในสงครามปี 1828 ด้านหลังพระอุโบสถมีรางไม้รูปคล้ายพญานาคสองตัว สำหรับใช้เป็นรางสำหรับสรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์โดยเฉพาะ ปัจจุบัน วัดศีรษะเกษเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชของลาว



หอไตร

[Patchayada]

...

[Patchayada]

กุฎิเจ้าอาวาส

[Patchayada]

หอกลองเพลา



เก็บภาพก่อนออกไปที่เที่ยวที่ใหม่

[Patchayada]

หอพระแก้ว
ที่ตั้ง: ตรงข้ามกับวัดสีสะเกด ติดทำเนียบประธานประเทศ
ปีที่สร้าง: พ.ศ.2108
รัชสมัย: สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช



เวลาเปิด-ปิด: 08.00 น. – 12.00 น. และ 13.00 น. – 16.00 น.
ค่าธรรมเนียมในการเข้าชม: เสียค่าธรรมเนียม 5.000 กีบ/คน

[Patchayada]

จากวัดสีสะเกดสามารถข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเพื่อมาชมหอพระแก้ว แต่เดิมหอพระแก้วเคยเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ลาว สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากล้านนา และเมื่อต้องเสด็จกลับมาครองราชย์บัลลังก์ล้านช้าง หลังจากที่พระราชบิดาคือพระโพธิสาระราชเจ้าสิ้นพระชนม์ลงในการทำศึกกับสยามประเทศเมื่อปี พ.ศ.2322 นครเวียงจันทน์ถูกกองทัพสยามตีแตก กองทัพสยามบุกเข้าปล้นสะดมช่วงชิงเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของนครเวียงจันทน์ไปพร้อมทั้งกวาดต้อนพระราชวงศ์ลาวกลับไปยังกรุงเทพฯ มากมาย แม้กองทัพลาวจะได้บูรณะวัดวาอารามเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ แต่วัดเหล่านี้ก็เป็นอันต้องถูกกองทัพสยามเหยียบย่ำทำลายลงอีกครั้งในปี พ.ศ.2371 หอพระแก้วที่เห็นอยู่ในปัจจุบันได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมดในระหว่างปี พ.ศ.2480-2483 ภายใต้การควบคุมดูแลก่อสร้างของเจ้าสุวรรณภูมา ผู้ที่จบการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์จากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และต่อมายังได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศลาว หลังจากได้รับชัยชนะในสงครามปลดปล่อยอีกด้วย นอกจากนี้สมัยอาณานิคมบริเวณรอบๆ วัดสีสะเกดและหอพระแก้ว เคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานปกครองของฝรั่งเศสมาก่อน แม้ในปัจจุบันหอพระแก้วจะไม่ใช่วัดอีกต่อไปแล้ว ได้เปลี่ยนสภาพเป็นหอพิพิธภัณฑ์เพื่อเก็บรวบรวมพระพุทธรูปและโบราณวัตถุต่างๆ มากมายแต่นักท่องเที่ยว (โดยเฉพาะชาวไทย) ก็ยังเดินทางมาสักการบูชากันเป็นจำนวนมาก ในส่วนของพิพิธภัณฑ์นั้นจัดแสดงพระแท่นราชบัลลังก์ปิดทองจารึกพระไตรปิฎกภาษาขอมและกลองสำริดประจำพระราชวงศ์ลาว สำหรับประตูใหญ่ทั้งสองประตูเป็นของเก่าแก่ที่หลงเหลือมาแต่เดิม บานประตูจำหลักเป็นรูปองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริเวณโดยรอบของหอพระแก้วเงียบสงบ ร่มเย็น ก่อนกลับไม่ควรพลาดชมไหขนาดกลางจากทุ่งไหหินในแขวงเซียงขวางตั้งอยู่ 1 ใบภายในศาลาหลังเล็กด้านหน้าของหอพระแก้ว

[Patchayada]

ประวัติหอพระแก้ว



บันไดพญานาคราช

[Patchayada]

...

[Patchayada]

ไม่แน่ใจว่าเป็นพระพุทธรูปปางไหนนะค่ะ แต่เท่าที่หาข้อมูลได้คิดว่าเป็น ปางประทานอภัย (ยืน)



ศิลปกรรมแบบนี้ลักษณะคล้ายสมัยขอมเลืองอำนาจ



หอพระแก้ว

[Patchayada]

หอคำ (ทำเนียบประธานประเทศ)
ที่ตั้ง: ถนนเชษฐาธิราช ทางทิศตะวันออกอยู่ติดกับหอพระแก้ว



แต่เดิมนั้นสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นจวนข้าหลวงฝรั่งเศสสำหรับปกครองอาณานิคมลาวที่ยึดมาได้ในปี พ.ศ.2436 ในอดีตที่ผ่านมาหอคำยังเคยเป็นประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์และเจ้าศรีสว่างวัฒนา เมื่อครั้งเสด็จจากหลวงพระบางมาเยือนนครเวียงจันทน์ ปัจจุบันทางรัฐบาลลาวใช้เป็นที่รับรองอาคันตุกะต่างประเทศ ปัจจุบันท่านประธานประเทศไม่ได้พำนักอยู่ที่นี่แล้ว ทางรัฐบาลลาวไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมภายในทำเนียบ

[Patchayada]

หลังจากเที่ยวชมและนมัสการพระพุทธรูปทั้งวัดสีสะเกดและหอพระแก้วแล้วก็ปั่นจักรยานคู่ใจไปตามถนนล้านช้าง สิ่งที่เห็นเด่นตระหง่าด้านหน้าหรือ ประตูไซ หรือ ประตูชัย นั้นเอง

[Patchayada]

ปั่นจักรยานผ่านวัดนี้แต่ไม่ได้แวะเข้าไปชมด้านใน



ขับมาจนถึงแยกประตูไซ