6 replies to this topic

[lovetofly]

Advertisements

เป็นรุ่นเครื่องบินที่ผมชอบที่สุด ก็เพราะไม่มี winglet และมีเครื่องยนต์ใหญ่นี่แหละครับ เคยทราบมาว่า winglet ช่วยให้เครื่องประหยัดน้ำมันถ้าบินเกิน2ชัวโมงขึ้นไปใช้มั้ยครับ (ไม่แน่ใจ) แล้ว Boeing 777 ส่วนมากก็บินระยะไกลกัน ทำไมเค้าถึงไม่ใส่ winglet กันอ่าครับ

*ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเครื่องบินเท่าไหร่ครับ แต่ชอบดูเครื่องบินมาก

[nutnano]

เนื่องจาก Boeing 777 ถูกออกแบบและทดสอบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์คาเทียทั้งหมด จึงทำให้ได้ค่าที่เหมาะสมที่สุดในการออกแบบ จึงทำให้ตัวเครื่องนั้นไม่มี Winglet เนื่องจากถูกออกแบบมาดีแล้ว

อุปกรณ์ Winglets กับการเพิ่ม Wing Span นั้นมีผลทำให้ Aerodynamic efficiency ดีขึ้นในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้เราจะติดตั้ง Winglets เมื่อมีข้อจำกัดในเรื่องของ Wing Span ที่จะกว้างเกินไป ทำให้เครื่องจอดในที่จอดของสนามบิน หรือโรงเก็บเครื่องบินในขณะเข้ารับการบำรุงรักษาไม่ได้ ดังนั้น Winglet จึงถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางดังเช่นเครื่องบินอย่าง 747-400 หรือ MD-11

สำหรับกรณีของ B777 นั้น ใช้ปีกที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงจนขนาดของ Wing Span ไม่เป็นปัญหา (ดีจนไม่จำเป็นต้องใช้ Winglets, 773) ในตอนแรก Boeing มี option ให้ลูกค้าสามารถเลือกปีกที่มี folding wingtip ด้วย แต่ในที่สุดทาง Boeing ก็ได้เลือกขนาดของ Wing Span ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถลดส่วนประกอบของปีกลงไป โดยไม่ทำ Winglets ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาลงไปได้มาก

From : Cat III@Thaiflight.net

แต่ Boeing 777 บางรุ่นมี Wingtip นะครับ คือ 777-200/LR, 777-300/ER, 777 Freighter แต่จะเป็น Raked Wingtip คือจะเป็นมุมหักไปทางด้านหลัง ส่งผลให้พิสัยการบินมากขึ้น

Raked wingtips are a feature on some Boeing airliners, where the tip of the wing has a higher degree of sweep than the rest of the wing. The stated purpose of this additional feature is to improve fuel efficiency and climb performance, and to shorten takeoff field length. It does this in much the same way that winglets do, by increasing the effective aspect ratio of the wing and interrupting harmful wingtip vortices. This decreases the amount of lift-induced drag experienced by the aircraft. In testing by Boeing and NASA, raked wingtips have been shown to reduce drag by as much as 5.5%, as opposed to improvements of 3.5% to 4.5% from conventional winglets.

From : http://en.wikipedia..../Wingtip_device

Raked Wingtip shown on the right 777.
From : imageshack.com


Raked Wingtip on Boeing 777-300/ER
From : Airliners.net

[lovetofly]

อ่อ ขอบคุณมากๆครับ

[Tassana E.]

อธิบายแบบง่ายๆก็แล้วกันนะครับ .... ถ้าดูวิวัฒนาการของเครื่องบินจากรุ่นแรกๆ จนมาถึงรุ่นหลังๆ "โดยพิจารณากันเฉพาะที่ความกว้างของปลายปีก"จะเห็นว่า เครื่องบินรุ่นแรกๆ เช่นเครื่องบินปีกตรง(ที่ไม่ใช่เครื่องบินปีกลู่ไปข้างหลัง) อย่างเช่นเครื่องบินสมัยสงครามโลกนั้น ความกว้างที่ปลายปีกจะมากเท่าหรือเกือบเท่าโคนปีกซึ่งเครื่องบินพวกนี้บินได้เร็วไม่มาก ต่อมาเมื่อพัฒนาเป็นเครื่องบินที่บินด้วยความเร็วสูงขึ้นปลายปีกจะลู่ไปข้างหลัง(sweep back wing) จะเห็นว่าความกว้างที่ปลายปีกเริ่มเล็กลงจนมาเป็น Raked Wingtip ที่มีลักษณะเหมือนปีกนกนางนวลอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

เครื่องบินประเภทปีกลู่ไปข้างหลังนั้นการทดสอบประสิทธิภาพที่ทำในอุโมงค์ลมทำให้เห็นว่าความกว้างที่ปลายปีกเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสอากาศหมุนวนที่ปลายปีกและเกิดแรงฉุด(vortice drag) วิศวกรผู้สร้างจึงทดสอบการลดแรงฉุดที่ปลายปีกอันนี้ออกไปหลายวิธีก็พบว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงที่ปลายปีกในลักษณะต่างๆกัน สามารถลดแรงฉุดที่ปลายปีกได้ ซึ่งเมื่อลด vortice drag ตัวนี้ได้ก็ทำให้เครื่องบิน บินได้เร็วขึ้นเล็กน้อย(แต่เขาเอามาแปลผลเสียใหม่ว่าเป็นการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง) ถ้าจำตัวเลขไม่ผิด เขาทดสอบในอุโมงค์ลมแล้วพบว่าได้ความเร็วเพิ่มขึ้นราวๆ 0.02 มัค

เครื่องบินพานิชย์แบบแรกๆที่ลดแรงฉุดปลายปีกนี้เป็นของบริษัท Airbus Industry คือเครื่องบินแบบ A300-600 ซึ่งเข้ามาประจำการในฝูงบินของบริษัทการบินไทย ในต้นปี 1985 ส่วนเครื่องบินแบบ A310 ก็ออกมาในเวลาใกล้เคียงกันแต่ปลายปีกมีลักษณะต่างกัน(ถ้าลงรายละเอียดจะยาวกว่านี้มาก) ต่อมาอีกหลายปี เครื่องบินแบบ MD-11 ของบริษัท McDonald Douglas ก็ผลิตออกมาด้วยปลายปีกที่เปลี่ยนไปจากเดิม อีกไม่กี่ปีต่อมาเครื่องบินแบบ B747-400จากค่าย Boeing และ A330 จากค่าย Airbus ก็ออกมาสู่ท้องตลาดด้วยรูปร่างของปลายปีกที่เปลี่ยนไปจากเดิม .... อีกหลายปีต่อมา B777รุ่นแรกๆคือ B777-200/300 ก็ผลิตออกมาด้วยปลายปีกแหลมเรียวโดยไม่มี wingtip/winglet และเครื่องบินที่สร้างในเวลาต่อมาอย่างเช่น B747-8 หรือ B787(Dream liner) ก็พัฒนาปลายปีกให้แหลมและลู่ไปด้านหลังมากขึ้นเป็นรูปทรงเหมือนปีกนกนางนวล ทั้งนี้ก็เพื่อลดแรงฉุดจากกระแสอากาศที่ปลายปีก

หากสังเกตุเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ จะเห็นว่าการพัฒนาสิ่งที่เห็นได้จากภายนอกนี้ยังมีที่ตัวเครื่องยนต์ด้วย เช่นเครื่องบินแบบ B747-8 จะใช้เครื่องยนต์รุ่น GEnx(เครื่องยนต์รุ่นนี้มีแรงฉุดมหาศาลถึงแสนปอนด์)ซึ่งฝาครอบเครื่องยนต์ส่วนท้ายจะมีรูปทรงเหมือนปีกค้างคาว ทั้งนี้เพื่อลดเสียงจากเครื่องยนต์ให้ดังเบาลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

[freedomtofly @John]

อยากจะกด Like ให้กับคุณ Tassana E. ล้านครั้งครับ อธิบายได้ยอดเยี่ยมมาก

ขอบคุณมากๆครับ

[lovetofly]

ได้ความรู้ใหม่ๆอีกแล้ว ขอบคุณมากๆครับ

[จามจุรี ๙]

ขอบคุณมากๆ เลยครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย