83 replies to this topic

[po@first]

Advertisements

จากนั้นเราก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนสุดกันครับ แล้วต่อด้วยการขึ้นบันไดไปชั้นดาดฟ้าครับ จะมีสวนและศาลาที่มีวัตถุทรงกระบอกใหญ่ๆนะครับ แล้วเขียนภาษาทิเบตไว้รอบๆตัวถังครับผม เวลาถังหมุนไปจะมีเสียงดัีง ตึง.... เรื่อยๆน่ะครับ แล้วมีคนมาเดินจับวนสามรอบแล้วสวดมนต์ก็มีครับผม

วัดนี้เหมือนศูนย์รวมศาสนาพุทธทุกนิกายของสิงคโปร์เลยนะครับผม

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[po@first]

พระเครื่ององค์เล็กๆประดับผนังที่ศาลาแห่งนี้ครับผม งดงามมาก

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

จากนั้นลงมาจากชั้นดาดฟ้าก็จะเป็นชั้นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วน่ะครับ ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาครับเพราะเขาห้ามถ่ายรูปครับผม เลยปฏิบัติตามกฎของเขา
พอไหว้ขอพรจากพระเขี้ยวแก้วเสร็จ เราก็ลงมาเรื่อยๆครับผม จะมีพระพุทธรูปและภาพวาดต่างๆทางศาสนาครับผม อันนี้เป็นตัวอย่า่งที่ผมถ่ายมามาชมกันนะครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[po@first]

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ เจ้าแม่กวนอิม ครับผม

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

พระพุทธรูปของประเทศไทยครับ

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

แบบจำลองของวัดนี้ครับผม

Attached Thumbnails

• 
• 

[po@first]

รูปภาพของ พระภิกษุเสวียนจั้ง (Xuan Zang) หรือ พระถังซัมจั๋ง ครับผม

พระถังซัมจั๋ง เป็นชาวมณฑลเหอหนาน เมื่อเยาว์วัยได้ติดตามพี่ชายคนที่สอง ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุในเมืองลั้วหยาง และได้รับเลือกให้เป็นนาคหลวง บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 13 ปี และมีความสามารถในการแสดงธรรมเป็นอย่างมาก เมื่อสิ้นราชวงศ์สุย และเปลี่ยนเป็นราชวงศ์ถังแล้ว ท่านจึงตัดสินใจเดินทางไปแสวงธรรมในประเทศอินเดีย ได้ออกเดินทางเมื่อปี พ.ศ. 1172

พระถังซัมจั๋ง ได้ศึกษาพระธรรมในอินเดีย ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา นานถึง 17 ปี รวมระยะเวลาไปกลับทั้งสิ้น 19 ปี เป็นระยะทางกว่า 5 หมื่นลี้ ส่งให้จดหมายเหตุชิ้นนี้ของท่านนั้นอุดมไปด้วยข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับดินแดนในเอเชียกลางและเอเชียใต้เมื่อพันกว่าปีที่แล้วกว่า 138 แว่นแคว้น โดยในจำนวนนี้มี 110 แคว้นที่ท่านเดินทางไปด้วยตนเอง ขณะที่อีก 28 แคว้นนั้นท่านบันทึกจากคำบอกเล่าของผู้อื่น นับเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง

พระถังซัมจั๋ง เดินทางกลับจีนพร้อมทั้งนำพระไตรปิฎกฉบับภาษาสันสกฤตกลับมาด้วย ท่านเดินทางถึงเมืองหลวงของจีนคือ เมืองฉางอาน ในปี พ.ศ. 1188 ในสมัย พระเจ้าถังไท่จง พระองค์ทรงเป็นปราชญ์ผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงทรงอุปถัมภ์การแปลพระไตรปิฎก จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีน และ พระเจ้าถังไท่จงได้ทรงอาราธนาพระถังซัมจั๋งให้เขียนบันทึกการเดินทางไปอินเดีย จึงปรากฏหนังสือเรื่อง ต้าถังซีวีจี้ ในรัชกาลต่อมาพระเจ้าถังเกาจง พระองค์ทรงรับอุปถัมภ์งานแปลพระไตรปิฎกต่อ พระถังซัมจั๋งดำเนินงานต่อไปจนมรณภาพในปี พ.ศ. 1207

ที่มา: พระเสวียนจั้ง

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

จากนั้นก็ชมพระพุทธรูปและศิลปวัตถุต่างๆกันต่อครับผม

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[po@first]

ชมกันต่อครับผม

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[po@first]

มาถึงสิงคโปร์ตั้งแต่ห้าโมงเช้าแต่ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยครับ เที่ยวเพลินจนนี่ก็บ่ายสามโมงแล้วอ่ะครับ งั้นเราข้ามถนนไปกินข้าวเที่ยงที่ศูนย์อาหาร Maxwell ที่อยู่ตรงกันข้ามกับวัดพระเขี้ยวแก้วดีกว่า่ครับผม

ข้ามถนนไปก็พบห้องแถวทางสีโทนสว่างสวยๆครับผม

อ้อ ที่นี่ผมเห็นคนข้ามถนนหลายคนไม่เคารพกฎจราจรเท่าไหร่อ่ะครับ แบบว่าสัญญาณข้ามยังไม่เขียวเลย ก็เดินวิ่งตัดหน้ารถซะงั้น ที่นี่คนขับรถขับเร็วมากครับ แต่ถ้าจะข้ามถนนเขาจะชลอความเร็วให้นะครับ แต่ต้องข้ามตรงทางข้ามและก็ได้สัญญาณข้ามเท่านั้นนะครับ เขาจะหยุดให้เราข้ามทันที ถ้าไม่ทำตามนี้รถก็จะไม่เบรคแถมวิ่งมาอย่างไวพร้อมบีบแตรใส่ประจานให้อายชาวบ้านแถวนั้น 555+

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

อาหารแพงมากเลยอ่ะครับ (ในสายตาของนักศึกษาปริญญาโทที่ไม่มีรายได้นอกจากเป็นผู้ช่วยอาจารย์และขอเิงินพ่อแม่ให้ส่งเรียน) ข้าวมันไก่สิงคโปร์จานนี้ราคา 2.5 S$ = 62.5 บาท และน้ำมะนาวแก้วล่ะ 1.5 S$ = 37.5 บาท แพงมาก... คงเพราะเขานำเข้าอาหารมั้งครับ เหมือนกับว่าประเทศเขาไม่มีพื้นที่เกษตรกรรมมากเท่าไหร่อ่ะครับ (แต่ที่นี่มีท่าเรือประมงในการจับปลาทะเลครับ)

อีกอย่าง ข้าวมันไก่เขามีเอกลักษณ์ดีนะครับ คือเขาจะราดน้ำมันงาลงที่เนื้อไก่ด้วย เลยทำให้ข้าวมันไก่ของที่นั่นหอมและอร่อยมากขึ้นอ่ะ ส่วนน้ำมะนาวไม่รู้ว่าเขาเอามะนาวที่ไหนทำอ่ะ มันไม่เปรี้ยวเท่าไหร่อ่ะ เหมือนดื่มน้ำส้มมากกว่าครับ

สรุปรวมๆก็อร่อยมากๆครับผม หรือเพราะหิวก็ไม่รู้ 555+

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

จะเข้าไปที่องค์การพัฒนาเขตเมืองใหม่ของสิงคโปร์ครับ (URA Centre; Urban Redevelopment Authority) แต่ว่าปิดทำการแล้วอ่ะครับ เพราะผมไปถึงก็ 16:30 แล้ว เวลาปิดทำการพอดี เลยไว้วันหลังค่อยกลับมาชมใหม่อีกครั้งล่ะกันครับผม ส่วนนี้คือรูปปั้นชาวบ้านสิงคโปร์ที่ข้างๆศูนย์ URA ครับผม

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

เจอธนาคารกรุงเทพที่สิงคโปร์ล่ะครับ

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

วัดเซียนฮกเก๋ง (Thian Hock Keng Temple) ครับผม ตั้งอยู่บนถนน Telok Ayer Road ครับ เขาไม่ให้ถ่ายรูปข้างใน เลยถ่ายข้างนอกวัดแทน 555+

หนังสือท่องเที่ยวของคุณอดิศักดิ์ จันทร์ดวง กล่าวว่าวัดแห่งนี้มีความหมายว่า "วัดแห่งความสุขบนสรวงสวรรค์" สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1839-1842 เพื่ออุทิศแด่เจ้าแม่มาจู่ เทพธิดาแห่งท้องทะเล ที่มีความเมตตาช่วยเหลือผู้อพยพที่มาทางเรือให้เดินทางด้วยความปลอดภัยและปราบคลื่นลมให้สงบ

และวัดนี้สร้างโดยนำวัสดุก่อสร้างมาจากประเทศจีนทั้งหมด โดยไม่ใช้ตะปูตอกยึดติดแม้แต่ตัวเดียวครับ บนหลังคาจะมีรูปปั้นมังกรที่เชื่อกันว่าจะคุ้มครองภัยจากทะเลครับผม

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

มัสยิด Nargore Durga สีชมพูครับผม

Attached Thumbnails

• 

[po@first]

จากนั้นก็มาที่พิพิธภัณฑ์ฟุกตั๊กกี่ (Fuk Tak Chi Museum) ครับ เข้าชมฟรีครับผม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงการอพยพของคนจีนจากแผ่นดินใหญ่มาอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ครับ

อันนี้เป็นสัญลักษณ์ของอาคารที่ได้รับการอนุรักษณ์และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติครับผม จะติดไว้ตามตึกต่างๆที่เข้าเกณฑ์การอนุรักษ์ของคณะกรรมการการอนุรักษ์อนุสรณ์สถานและคณะกรรมการมรดกแห่งชาติครับผม

Attached Thumbnails

• 
• 

[po@first]

ภายในพิพิธภัณฑ์ครับ จะจัดแสดงการตั้งถิ่นฐานของชาวจีนในสิงคโปร์ และมีโมเดลจำลองเรือสำเภอของจีนด้วยครับผม

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[po@first]

ออกมาจากหลังพิพิธภัณฑ์ฯก็จะเข้ามาสู่ Far East Square ครับผม ในนั้นมีโรงเรียนจีนโบราณและก็ประตูของจตุรัสครับผม หนังสือท่องเที่ยวบอกว่ามี 5 ธาตุครับ แต่ผมถ่ายมาแค่ธาตุไฟประจำตัวของผมครับ (ราศีธนู = ธาตุไฟครับ)

Attached Thumbnails

• 
• 

[po@first]

จากนั้นผมก็มาเดินเล่นต่อริมแม่น้ำสิงคโปร์ที่คล๊าคคีย์ (Clarke Quay) ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[po@first]

เรือสัญลักษณ์ของที่คล๊าคคีย์มั้งครับ เพราะว่าตอนออกจากสถานี SMRT Clarke Quay จะมีรูปหัวเรือแบบนี้ที่พื้นของสถานีด้วยน่ะครับผม

Attached Thumbnails

• 
• 
•