เราเริ่มเดินชมที่ศาลาการเปรียญกันก่อนดีกว่า
ศาลาการเปรียญเป็นตำหนักไม้สักทั้งหลังที่พระเจ้าเสือ แห่งกรุงศรีอยุธยา พระราชทานแด่พระสังฆราชแตงโม ในคราวที่ถวายพระพรลาจากกรุงศรีอยุธยากลับมาอยู่ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม จ. เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ตำหนักดังกล่าวได้ถูกรื้อนำมาประกอบเป็นศาลาการเปรียญของวัดนี้สืบมาจนปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างพระราชมนเทียรสมัยอยุธยาที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ มีลักษณะเป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ 10 ห้องหน้าบันหลังคาด้านหน้าและหลังเป็นมุขประเจิดหรือมุขทะลุขื่อ แกะสลักเป็นลายกระหนกช่อพุ่มหางโต ระหว่างชายคาและตัวฝาผนังเรือนด้านนอกมีคันทวยลายหน้าตั๊กแตนรองรับโดยตลอด
นอกจากนี้ที่บานประตูจำหลักเป็นลายก้านขดสองชั้น ออกยอดเป็นลายกระหนกและหัวสัตว์ต่าง ๆ อยู่ในกรอบซุ้มเรือนแก้วที่สวยงามน่าชม ภายในยังมีภาพเขียนรูปเทวดาสมัยอยุธยาให้ชมอีกด้วยดีกว่า
เป็นตำหนักไม้สักทั้งหลังที่พระเจ้าเสือ แห่งกรุงศรีอยุธยา พระราชทานแด่พระสังฆราชแตงโม ในคราวที่ถวายพระพรลาจากกรุงศรีอยุธยากลับมาอยู่ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม จ. เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ตำหนักดังกล่าวได้ถูกรื้อนำมาประกอบเป็นศาลาการเปรียญของวัดนี้สืบมาจนปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างพระราชมนเทียรสมัยอยุธยาที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ มีลักษณะเป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ 10 ห้องหน้าบันหลังคาด้านหน้าและหลังเป็นมุขประเจิดหรือมุขทะลุขื่อ แกะสลักเป็นลายกระหนกช่อพุ่มหางโต ระหว่างชายคาและตัวฝาผนังเรือนด้านนอกมีคันทวยลายหน้าตั๊กแตนรองรับโดยตลอด
นอกจากนี้ที่บานประตูจำหลักเป็นลายก้านขดสองชั้น ออกยอดเป็นลายกระหนกและหัวสัตว์ต่าง ๆ อยู่ในกรอบซุ้มเรือนแก้วที่สวยงามน่าชม ภายในยังมีภาพเขียนรูปเทวดาสมัยอยุธยาให้ชมอีกด้วย
รอยขวานจามที่ประตูเชื่อว่าเป็นรอยที่พวกพม่าใช้ขวามจามพยามยามที่จะเข้าไปในศาลาการเปรีญครั้งกรุงศรีอยุธยา