44 replies to this topic

[liyia]

Advertisements

สวัสดีค่ะ

ทริปที่จะรีวิวนี้ คือทริปจาก ออสเตรีย ไป อเมริกา โดยสารการบิน Austrian Airlines โดยเริ่มเดินทางจากเมือง Graz ของออสเตรีย เปลี่ยนเครื่องที่ Vienna และไปลงที่สนามบิน JFK, New York ส่วนขากลับ กลับจาก Washington D.C. สนามบิน Washington Dulles International Airport (IAD) กลับมาเมืองกราซ โดย เปลี่ยนเครื่องที่เวียนนาเหมือนเดิมค่ะ

รายละเอียดไฟลท์:
------------------------------------------
ROUTE 1
---Flight No.: OS 964
Departure from: Graz, Austria
Departure Time: 30 December 2010 06:00
Destination: Vienna
Arrival Time: 30 December 2010 06:35
Fleet: Fokker 70
Airline: Tyrolean Airways (VO)
---Flight No.: OS 087
Departure from: Vienna, Austria
Departure Time: 30 December 2010 10:35
Destination: New York Terminal: 1
Arrival Time: 30 December 2010 14:15
Fleet: Boeing 767-300
Airline: Austrian Airlines (OS)

ROUTE 2
---Flight No.: OS 094
Departure from: Washington D.C. Terminal: B
Departure Time: 7 January 2011 17:35
Destination: Vienna, Austria
Arrival Time: 8 January 2011 8:30
Fleet: Boeing 767-300
Airline: Austrian Airlines (OS)
---Flight No.: OS 963
Departure from: Vienna, Austria
Departure Time: 8 January 2011 10:00
Destination: Graz, Austria
Arrival Time: 8 January 2011 10:35
Fleet: Bombardier DHC-8Q-402 (Dash 8Q400)
Airline: Tyrolean Airways (VO)

[liyia]

ตั๋ว และ ภาพบรรยากาศสนามบิน Graz-Thalerhof ตอนตี 5 ค่ะ

ปล. Graz อ่านว่า กราซ เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ2 ของออสเตรีย รองจากเวียนนาค่ะ โดยกราซ เป็นเมืองหลวงของรัฐ(เรียกว่ารัฐ แต่พื้นที่ไม่ใหญ่นะคะ) Styria แต่ภาษาเยอรมันจะเรียกว่า Steiermark ค่ะ และเมืองกราซนี้ อยู่ทางด้าน ตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรีย ห่างจากเวียนนาโดยรถไฟหรือรถยนต์ ประมาณ 2.5 ชั่วโมงค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[liyia]

สนามบินกราซ เป็น International Airport (มีไฟลท์นอก เชงเก้น) ด้วยค่ะ แต่พื้นที่สนามบินไม่ใหญ่ค่ะ รูปจากด้านบนนี่คือครึ่งนึงของสนามบินแล้ว เวลา board ก็เดินจากตัวตึกขึ้นเครื่องกันเองเลย ไม่ไกลค่ะ

สำหรับไฟทล์ กราซ-เวียนนา เราขึ้นเครื่องบินที่ชื่อว่า Innsbruck ค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[liyia]

เครื่องเป็นลำเล็ก เพราะฉะนั้น ที่นั่งจะเป็น ข้างนึง3 ข้างนึง 2 นะคะ

ตัวเก้าอี้มาตรฐานออสเตรียนแอร์ แคบเป็นปกติ อิอิ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[liyia]

เนื่องจากเป็นไฟลท์สั้นๆ ของที่คุณแอร์ฯแจกมีแค่น้ำเปล่าขวดเล็กๆอย่างเดียวค่ะ คุณแอร์แจกรวดเร็ว เว้นระยะให้ทานน้ำกันแปร็บนึง แล้วก็เดินเก็บแก้วกับขวด อย่างรวดเร็วค่ะ

บินได้แค่ 20 นาที ก็ถึงเวียนนาแล้วค่ะ เครื่องบินลำเล็กแบบนี้ ได้เป็น Bus Gate ค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[liyia]

ถึงเวียนนาตอนหกโมงครึ่ง ก็ยังมืดอยู่ค่ะ แถมลงจากรถบัสมาแล้ว ประตูตึกไม่ยอมเปิด ต้องรอสักพักให้เจ้าหน้าที่มาเปิดให้ สงสัยเจ้าหน้าที่อาจจะยังง่วงนอนอยู่นะคะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[liyia]

ขอตัดเข้ามารอที่เกท สำหรับบอร์ดไฟลท์ เวียนนา-นิวยอร์ค เลยนะคะ

พอดีเรามีเวลาเปลี่ยนเครื่องเยอะ ก็เลยเข้ามานั่งรอในเกทเป็นกลุ่มแรกๆ ระหว่างรอจะเห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยเอาน้องหมามาดมๆๆ ตรวจๆ อยู่ 3ตัว
ตัวที่เห็นในรูปไม่ได้เรื่องค่ะ ไม่ยอมจะดม จะเล่นอย่างเดียว แถมเหยียบกระเป๋าเราด้วย คุณพนักงานฯที่จูงก็เข้ามาขอโทษ บอกว่าน้องหมาตัวนี้เป็น Trainee อยู่ค่ะ
สรุปคือ มีสามตัว ตัวนึงเป็นตัวจริง ที่เหลืออีกสองกำลังเทรนอยู่ค่ะ ขำดี

ระหว่างนั่งรอบอร์ด ก็นั่งดูน้องหมาโชว์ค่ะ เค้าเอากระเป๋าที่ข้างในคงใส่อะไรไม่ดีไว้ ไปวางทิ้งไว้บนเก้าอี้รวมๆกับกลุ่มผู้โดยสาร แล้วเจ้าหน้าที่อีกคนก็เอาน้องหมาที่กำลังเทรน มาดมๆ ตอนดมนี่นะคะ เราแทบไม่อยากให้มาที่เรา เพราะน้องหมาทั้งดม ทั้งเขี่ย ทั้งกางเกงผู้โดยสาร ทั้งกระเป๋าที่ตั้งไว้ แกทำงานเต็มที่ค่ะ ซึ่งก็แน่นอนค่ะ ขนร่วงติดเสื้อผ้าและกระเป๋าแน่นอน สำหรับคนที่ไม่ชอบสัตว์ ก็คงแย่นะคะ แต่ผู้โดยสารกลุ่มนี้เค้าเอ็นดูน้องหมาค่ะ

ส่วนน้องหมาตัวจริงนั้น นั่งรอที่ประตูเกท และจะมีเจ้าหน้าที่พาผู้โดยสารมาให้ดมสำรวจเป็นระยะๆ ซึ่งคนที่โดนดม ต้องไปนั่งเก้าอี้เดี่ยวๆ แบบไม่มีพนักพิง ให้น้องหมามาดมรอบตัวค่ะ ถึงเนื้อถึงตัวเช่นเดิม

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[liyia]

ก่อนบอร์ด มีการประกาศนิดนึงค่ะ

เนื่องจากก่อนเราเดินทาง 3 วัน มีพายุหิมะถล่มนิวยอร์ค แล้วสนามบินปิด ไฟลท์โดนแคนเซิ่ล ทำให้มีผู้โดยสารค้างเยอะค่ะ ทางออสเตรียนแอร์ลายส์ เลยประกาศหาผู้โดยสารที่จะเสียสละไม่ไปไฟลท์นี้

โดยที่จะให้เดินทางโดยใช้เส้นทาง เวียนนา-โตเกียว-นิวยอร์ค แทน และจะมีค่าใช้จ่ายให้เป็นเงินสดจำนวน 300 ยูโร และมีเป็นบัตรสมนาคุณ มูลค่าเราไม่แน่ใจนะคะว่าใช่ 450 ยูโร หรือเปล่า พอดีเกือบเดือนแล้ว เราลืมค่ะ
โดยไฟลท์นี้จะถึงนิวยอร์คในวันที่ 31ธันวาคม ซึ่งก็จะช้ากว่ากำหนดเดิม 1 วัน

เรานี่อยากจะรับข้อเสนอ ฮ่าๆ แต่สปอนเซอร์ที่มาด้วยกันไม่ยอม เพราะไม่ชอบเดินทางนานๆ ไอ้เราก็งก เสียดาย อิอิ

รูปแรกข้างล่างนี่คือ Business class เรายังไม่มีปัญญานั่งค่ะ ของเราคือรูปถัดไป ชั้นสมฐานะ ส่วนรูปถัดไป คือมีผู้โดยสารเป็นน้องหมาตัวเล็ก นั่งข้างหน้าเราเลย น้องเค้าไม่เห่า ไม่หอน เรียบร้อยน่ารัก ป้าที่เป็นเจ้าของเค้าบอกว่าน้องเดินทางบ่อย ชิน รู้งานค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[liyia]

บนที่นั่งมีหมอนสีแดง กับผ้าห่มสีเขียวขอบแดงวางไว้ค่ะ ส่วนหูฟังอยู่กับนิตยสารด้านหน้า เราไม่ถ่ายรูปนิตยสารมาเพราะเหมือนกับไฟลท์ที่แล้วนะคะ

รูปแองเจลิน่า โจลี่นี่เป็นแผ่นพับรายการหนังค่ะ

ไฟลท์นี้มี PTV แต่ไม่ On Demand จำนวนหนังมากพอสมควร รายการ Audio ไม่ถูกใจเราสักช่อง (สรุปก็นั่งฟังเพลงคลาสสิกกล่อมให้หลับอ่ะค่ะ)
มีรายการเกมด้วย แต่เล่นแล้วไม่สนุก คือภาพเกมส์มันเป็นแบบเก่าๆ ภาพกราฟฟิกไม่สวยเหมือนสมัยใหม่อ่ะค่ะ
ในเมนูมีรายการแนะนำ city informations แต่รายละเอียดน้อยมาก ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ค่ะ
ส่วน News กดดูแล้วไม่มีข่าวอะไรเลย เราถือว่าไม่ได้เรื่องค่ะ เพราะเราเคยกดของคาเท่แปซิฟิก 5-6 ปีก่อนโน้น มีข่าวละเอียดเยอะแยะ แต่นี่ปี 2010 ไม่มีอะไรเลย เราถือว่าแย่ค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[liyia]

เปิดแผ่นพับโจลี่(จากรูปด้านบน)ออกดูก็จะเป็นรายการหนังค่ะ ด้านซ้ายเป็นรายการสำหรับไฟลท์จากเวียนนา ด้านขวาคือสำหรับไฟลท์บินเข้าเวียนนา

รายการหนังเปลี่ยนทุก 2 เดือน เพราะฉนั้นแผ่นพับด้านล่างนี้คือของเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคมค่ะ รายการหนังเหมือนจะดี แต่ว่าก่อนเดินทางเราเพิ่งเช่า DVD มาดู หนังส่วนใหญ่ที่อยู่ในลิส เราดูมาหมดแล้ว เลยไม่ได้ดูค่ะ เราว่าหนังที่เค้าเลือกมามันเก่าไป ปกติแล้วหนังบนเครื่องน่าจะใหม่กว่านี้ แต่นี่แทบทุกเรื่องคือออก DVD มากันหมดแล้ว

เนื่องจากไม่ใช่ on demand เค้าจะฉายหนังเรื่องละ 2-4 ช่อง แต่ละช่องก็แยกภาษาที่พากษ์ไป ภาษาหลังคือเยอรมันและอังกฤษ ภาษารองคือ จีน และญี่ปุ่นค่ะ
เราไม่ได้ดูหนัง แต่เปิดเล่นๆ แล้วเจอว่าเสียงช่องที่ชัดๆ คือช่องภาษาเยอรมัน เสียงคมที่สุด ช่องที่เป็นภาษาอื่นๆ เสียง noise เยอะค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[liyia]

หลังจากเครื่องขึ้น พนักงานชุดแรกเดินแจกแคร๊กเก้อค่ะ จากนั้นก็มีพนักงานบริการน้ำตามมา คือถ้านั่งหน้าๆ จะได้น้ำตามอย่างรวดเร็ว แต่เรานั่งด้านหลังเครื่อง กว่าจะได้น้ำก็คอแห้งเหมือนกัน

ส่วนอาหาร มาถึงเราตัวเลือกหมดค่ะ เหลือแต่ลาซานย่า ซึ่งปกติคนออสเตรียทานเนื้อบดผสมหมูบด เราซึ่งไม่ทานเนื้อก็แอบเซ็ง แต่เลือกไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ ก็ทานไปแค่พออิ่ม ของเค้าก็รสชาตไม่เลวค่ะ

หลังจากทานเสร็จ พนักงานเก็บอาหาร ก็บริการน้ำค่ะ เนื่องจากไฟลท์นี้เป็นไฟลท์กลางวัน พนักงานบริการน้ำไม่ขาดค่ะ เดินถือถาด ใส่น้ำต่างๆไว้บนแก้ว บริการตลอดเวลา เดินกันแบบถี่ยิบ จริงๆ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[liyia]

ห้องน้ำ สะอาดตามสภาพค่ะ ในห้องน้ำมีสบู่ก้อนเล็กๆ และก็แก้วกระดาษจิ๋วไว้ให้ใช้ ด้านล่างซิ๊งล้างหน้าจะมีช่องสำหรับทิชชู่ และช่องสำหรับแผ่นกระดาษรองโถ แต่ผู้โดยสารคงจะเข้าใจผิดเยอะ เลยยัดทิชชู่ที่ใช้แล้วลงไปซะแน่นช่องเก็บกระดาษรองโถ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[liyia]

สักพัก พนักงานเดินแจกใบเข้าเมืองสหรัฐฯ พนักงานให้ข้อมูลไม่เหมือนกันด้วยค่ะ คือพอดีเราคุยกับคนแรกอยู่ แล้วคนที่สองมาสะกิดขอรับช่วงต่อ แล้วบอกไม่เหมือนกัน เราตัดปัญหาก็เลยกรอกมันทุกใบ เพราะไม่มั่นใจที่พนักงานบอก สรุปใครบอกถูกบอกผิดเราก็ไม่รู้ เพราะให้ ตม. ไปหมดทุกใบอ่ะค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[liyia]

อาหารที่ได้รอบที่สอง ก่อนเครื่องแลนด์ เป็นของเบาๆอย่างในรูปด้านล่างเนี่ยอ่ะค่ะ กินไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ อิอิ แต่ขนมปัง อบมาร้อนๆ พนักงานเดินบริการ ไม่อั้น เราชอบค่ะ อร่อยดี

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[liyia]

เครื่องแลนด์แล้ว เจอติดไฟแดงระหว่างทางไป terminal เพราะทางวิ่ง ตัดกับเส้นที่ลำอื่นต้องแลนด์ รอไม่นานค่ะ แต่เข้าเกทไม่ได้ จอดรอนานพอสมควรค่ะ เราอึดอัดอยากจะออกจากเครื่องแล้ว เพราะหายใจไม่สะดวก คือบนเคบิ้นอากาศแห้งมากๆ ตลอดเวลาที่อยู่บนอากาศเหมือนคุณขึ้นรถเมล์เก่าๆอ่ะค่ะ อากาศก็ร้อนๆ เราแจ้งแอร์แล้วแต่ดีขึ้นแค่นิดเดียว เราก็เลยช่วยตัวเองด้วยการเอาน้ำหยดตรงปลายจมูกให้ชื้นๆบ่อยๆ ก็ช่วยได้พอสมควรค่ะ

ออกจากเครื่องแล้ว คิวที่ ตม.ยาวมากๆๆๆๆๆๆๆค่ะ ตอนแรกไม่เต็ม Hall ตอนหลังนี่แบบล้นเลย จนพนักงานห้ามคนลงมาต่อคิว ให้รอด้านบน แล้วเรียกแต่คนที่เป็น citizen หรือมี green card เข้ามาได้

ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ผ่าน ตม.มาแล้ว ไม่ต้องรอกระเป๋าแล้วค่ะ กระเป๋ามานอนกลิ้งรออยู่แล้ว แต่กระเป๋าพังค่ะ ล้อมีอยู่ 2ล้อ หายไปเลยข้างนึงพร้อมแกนตั้งล้อ แล้วก็มีรูข้างรอยตะเข็บ เราสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าจะแจ้งdamage ได้ที่ไหน เค้าก็บอกให้ไปออฟฟิตของ Lufthansa ตรงทางออกค่ะ เพราะออสเตรียไม่มีออฟฟิตทางนี้ เลยให้ลุฟฮันซ่าจัดการ ระหว่างทางออกไปด้านนอกเราผ่านกองกระเป๋าเยอะมากๆ เพราะมีกระเป๋าตกค้างเยอะ ตั้งแต่เหตุสนามบินปิดเพราะพายุหิมะ กว่าจะแทรกตัวเข้าไปออฟฟิตลุฟฮันซ่าได้ คือลำบากมาก เข้าไปเจอพนักงานคนเดียว กับคนกลุ่มนึง ซึ่งทุกคนมาตามกระเป๋าตัวเองที่ตกค้างค่ะ พนักงานของ Lufthansa คงจะยุ่งจัด เลยหัวเสีย เลยบริการโดยปราศจากมารยาท ไล่คนออกไปจากออฟฟิตเพราะชีหายใจไม่ออก (อันนี้พอเข้าใจค่ะ ออฟฟิตเล็กมากๆ แต่ข้างนอกไม่มีที่ยืน จริงๆค่ะ กระเป๋ากองเต็ม แต่มารยาทที่ใช้ไล่คนก็เกินไป คืออากาศไร้อากาศขนาดนั้น) บอกให้ไปรอข้างนอก ตอนนี้ยุ่ง ไม่ให้บริการใครทั้งนั้น เรารออยู่นานมากๆๆ จนมีพนักงานอีกคนมา เราถึงได้ถามเค้า ปรากฏว่าเค้าให้เราส่งเมล์หา Austrian Airlines ที่ osclaims@austrian.com เอาเอง เพราะเค้าเป็นลุฟฮันซ่าไม่รับผิดชอบเคสของออสเตรียนค่ะ (แต่เราถามพนักงานที่วอชิงตัน ดีซี ซึ่งพนักงานเช็คอินที่เป็นลุฟฮันซ่า บอกว่าความจริงเค้าต้องออกรหัสกระเป๋าชำรุดให้เราได้ตั้งแต่ JFK แล้ว แล้วตอนขากลับคือมันเลยกำหนด 7 วันมาแล้ว เค้าทำเรื่องเคลมให้เราไม่ได้ค่ะ ให้กลับมาติดต่อที่เวียนนาเอาเอง) เราส่งเมล์ไปตั้งแต่คืนแรกที่มาถึง จนกลับมาถึงเวียนนาแล้วก็ยังไม่ได้เมล์ตอบกลับ เราเลยติดต่อออฟฟิตที่ขาเข้าเวียนนา เค้าให้เราติดต่อที่ viellos@austrian.com ปรากฏว่าได้ผล เค้าออกรหัสกระเป๋าชำรุดให้ภายใน 3 วันค่ะ แต่จนถึงตอนนี้เป็นอาทิตย์แล้วเรายังไม่ได้จดหมายที่เค้าบอกจะส่งมา ก็รอกันต่อไปค่ะ

รูปสองรูปล่างคือสภาพสนามบิน ถ่ายตอนเราอยู่บน AirTran รถไฟฟ้าบริการรอบสนามบินค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[liyia]

สนามบิน JFK เคลียร์หิมะเร็วมาก ตั้งแต่วันแรกที่หิมะหยุดตก ทำให้สนามบินปิดแค่วันเดียว ดีกว่าหลายสนามบินในยุโรปเยอะเลยค่ะ รูปข้างล่างนี่ ผ่านมา 3วัน ซากหิมะยังกองๆอยู่สูงอย่างในรูปอ่ะค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 

[liyia]

ขากลับ

อย่างที่แจ้งข้างบนค่ะ ขากลับเรากลับจาก Washington D.C. ที่สนามบิน IAD
เราใช้บริการรถบัสเบอร์ 5A จากกลางเมือง ผ่านเพนตาก้อนและสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่เหมือนกันค่ะ ให้อารมณ์ทัวร์สั่งลาได้อย่างดี รถเมล์ราคาคนละ 6 ดอลล่าร์ จ่ายที่คนขับรถ แต่ต้องเตรียมเงินให้พอดีเป๊ะ เพราะเค้าไม่มีทอนค่ะ

ใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากกลางเมือง เพราะสนามบินอยู่นอกเมืองมาไกลมากๆค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[liyia]

เช็คอินรวมกับลุฟฮันซ่าเหมือนเดิมค่ะ

หลังจากเช็คอินเราเดินดูสนามบินนิดหน่อย เห็นจอแสดงเที่ยวบินเป็นกระจกสะท้อนแสง เลยถ่ายมาด้วยค่ะ เราไม่ชอบเลย มองหาไฟลท์ลำบาก

ส่วนรูปล่างสุดเราเห็นเครื่องของออสเตรียนแอร์ลายจอดรอเราอยู่แล้วที่ terminal B ค่ะ เราต้องนั่งรถไฟไปterminalนู้นกันค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[liyia]

อ้อลืมบอกค่ะ เจ้าหน้าที่สายการบินลืมเก็บ I-94 ออกจากพาสปอร์ตเราค่ะ เรานึกได้หลังจากเช็คอินเสร็จแล้วเลยเปิดดูว่าเค้าเก็บไปหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่ได้เก็บไป เราต้องวิ่งกลับไปให้ เกือบซวยค่ะ เพราะเราจะหาหลักฐานวันที่ออกนอกสหรัฐฯไม่ได้ เพราะ ตม.ออสเตรียก็ไม่ปั้มอะไรบนพาสปอร์ตของเราเลยทั้งขาเข้าและขาออก

กว่าจะได้ไปขึ้นรถไฟเราต้องต่อคิวยาวเพื่อให้คุณ ตม.เช็คพาสปอร์ตกับบอร์ดดิ้งพาสก่อนรอบนึง แล้วค่อยไปเอ็กซเรย์กระเป๋าอีกรอบค่ะ ที่นี่ตรวจกันเข้มมาก รองเท้าต้องถอดทุกคน เสื้อคาร์ดิแก้นบางๆของเราก็โดนให้ถอด แล้วเค้าสุ่มตรวจพิเศษเพิ่มอีก ผู้หญิงเอเชียอย่างเรา จะเหลือหรอคะ โดนชี้เลือกเลยค่ะ คือผ่านเครื่องเอ็กซเรย์แบบปกติแล้วก็โดนให้ไปสแกนเครื่องเอ็กซเรย์พิเศษอีกรอบ ไม่แน่ใจว่าใช่ naked scan หรือเปล่าอ่ะค่ะ คือเจ้าหน้าที่บอกว่า เค้าจะเห็นเราเป็นเหมือนมัชเมลโล่ ไม่ต้องกลัวโป๊ค่ะ คือให้ยกมือไว้เหนือศีรษะ แล้วยืนนิ่งๆ หลายวิอยู่ แล้วต้องยืนรอผล ได้ผลมาแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เอาที่ตรวจชิ้นเล็ก ไล่ตรวจรอบตัวอีกรอบ '

ผ่านการตรวจมาแล้ว ก็ได้เวลาไปขึ้นรถไฟไป terminal B ค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[liyia]

ที่เทอร์มิน่อล B มีร้านอาหารเยอะค่ะ ราคาปกติเท่าข้างนอก รูป สองรูปล่างนี้เป็นบริเวณหน้าเกทค่ะ

Attached Thumbnails

• 
• 
•