อ่านแล้วรู้สึกเหมือนโฆษณาแฝงยังงัยไม่รู้ ดีนะที่ไม่ได้ฝากเบอร์เซลส์ไว้ด้วย เพราะว่าน้องเค้าบริการดี ถ้าใครสนใจติดต่อไปได้ อะไรทำนองนั้นไม่งั้นครบสูตร
ปัจจัยแวดล้อมหลายสิ่ง ทำให้ผมคิดเหมือนกันเลยครับ
แต่เอาเถอะ ถามมาก็จะตอบให้ครับ
ผมติดใจประโยค "ดอกแค่ 80 ตังค์เอง" ไม่ว่าคุณจะคิดเองหรือเซลล์บอก ผมอยากจะเตือนคุณครับ ในอนาคตอย่าเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อแบบนี้เด็ดขาดนะครับ
ผมยินก็ยินดีปล่อยกู้ 1 สตางค์ และเก็บ "ดอกแค่ 80 ตังค์เอง" ทุกวัน นะครับ
นอกนั้นก็เป็นตามที่ คุณ SS. ได้แจกแจงแหละครับ
เพราะฉะนั้น ตั๋วเนี่ยให้มองว่าเป็นผลพลอยได้เป็นของแถม
ถ้าคุณต้องการเงินแสนนึง ต่อให้ไม่แถมอะไรคุณก็กู้อยู่ดี ถึงจะคุ้ม
มาที่ตัวของแถม "ว่าจะเอาไปเที่ยวสิงคโปร์คะ ตอกแรกจะไปช๊อป ที่ HKG แต่ไปไม่ได้คะ
เค้ายกเว้นที่นี่ นอกนั้นไปได้หมด"
อันนี้ผมก็เพิ่งเคยได้ยินว่าตั๋วแบบนี้มียกเว้นด้วย ที่นี้ คุณตั้งใจจะไป HKG แต่กลับกลายเป็น SIN ยิ่งมากู้เงินอีก ผมว่าไม่คุ้มสุดๆ
เหมือนคุณผ่อนรถกระบะเอามาขนของค้าขายในกิจการของคุณ แต่พอได้รถมา คุณกลับเอาไปทำสองแถวรับส่งไปกลับ ปากซอย คุณได้ทำลายจุดมุ่งหมายตอนแรกของคุณ ยังไงก็ไม่คุ้ม
กลับมาสู่สามัญ ผมอยากให้คำแนะนำทางการเงินคร่าวๆแก่ทุกๆท่านนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง การติดหนี้มีความเสี่ยงยิ่งกว่าอีก คุณควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดที่สุด เป็นไปได้อ่านสัญญาทุกบรรทัดก่อน ศึกษาผลที่ตามมาของการผิดนัดชำระหนี้
ผมอยากจะเตือนคนอื่นๆด้วย ว่าอย่ามองแค่ว่าเราผ่อนไหวรึเปล่า หรือ 0% ตั้ง 6 เดือน ผมอยากให้มองว่าการติดหนี้ (personal loan) เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ควรกระทำ
อย่ามองว่าผ่อนเดือนละ 5000 ไหวก็จบ ในกรณีนี้ ดอกเบี้ยก็ฟันไปแล้ว 2 หมื่น หรือพวก 0% กี่เดือนก็ว่าไป ถ้าคุณผ่อนได้หมดภายในกำหนด 0% ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเกินคุณก็โดนไม่น้อยนะครับ
ต่อมาเงินได้ค่าใช้จ่าย และเงินเก็บ ง่ายๆครับ เงินเดือน 20000 ผ่อนอันนี้ 5000 ผ่อนรถ 5000 ผ่อนบ้าน 5000 ที่เหลือจะพอกินพอใช้ พอค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมัน? แค่ติดลบทุกเดือนก็ไม่สมควรผ่อนแล้วครับ ทำอย่างไร ก็ไปกัดกินเงินเก็บ
ที่นี้ถ้าเหตุสุดวิสัย ต้องออกจากงาน คุณมีภาระต้องผ่อน 15000 ทุกเดือน เงินเก็บก็โดนกินไปทุกเดือน จะเอาเงินจากไหนมาจ่ายครับ ท้ายสุด โดนยึดบ้าน ยึดรถ ทวงหนี้ ไล่เบี้ย คุณก็ไม่เหลืออะไร(จะทำให้คนค้ำคุณเดือดร้อนด้วย) โดนยึดที สิ่งที่คุณทำมาก็ล่มสลายหมดครับ ผ่อนรถผ่อนบ้านขาดแค่ 2 งวด เค้าก็ยึดไปหมดอยู่ดี
ไม่ใช่ว่าการผ่อนไม่ใช่สิ่งต้องห้ามนะครับ ยิ่งสภาพเศรษฐกิจแบบนี้แล้ว แต่ผมมองว่านอกจากผ่อนบ้านแล้ว อย่างอื่นเนี่ยสามารถแก้ไขโดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคได้ครับ car loan เนี่ยมองว่าจำเป็นก็ใช่ แต่มองว่าฟุ่มเฟือยก็ได้ คนอีกนับล้านที่ไม่มีรถ โดยเฉพาะ personal loan ถ้าคุณลดละเลิก สินเชื่อบุคคลแทบจะไม่ต้องยุ่งเลย(ยกเว้นคนหาเช้ากินค่ำที่มีอยู่มากมาย ที่ผมเข้าใจว่าไม่มีทางเลือก หรือไม่ทราบว่าตัวเองยังมีทางเลือก รวมไปถึงผู้ปกครองที่ต้องหาเงินจ่ายค่าเทอมลูกๆ)
ปิดท้ายที่บัตรเครดิต ใบนี้เลยผมคุ้นๆว่าสะสมเข้า SQ ได้แต้มเยอะ
คำแนะนำผมเลย บัตรทุกใบมีข้อดี(และแฝงข้อเสีย)ต่างกัน ขอให้เลือกบัตรที่ตอบโจทย์เราได้มากที่สุด แต่ถ้าบินบ่อยๆส่วนตัวผมมองว่าสะสมกับสายการบินดีกว่าสะสมจากบัตรครับ(แล้วแต่บัตรอะไร สายอะไร) ถ้าชอบทานก็แนะนำบัตรที่ชอบมีส่วนลดร้านอาหาร
ผมว่าบัตรมีหลายๆใบได้ไม่เสียหายอะไร ถ้าเราบริหารเป็น และไม่ทำหาย อีกปัจจัยคือค่ารายปี ถ้าไม่ได้ waive ผมก็ไม่สมัครครับ เก็บเฉพาะใบที่ใช้ถึง (เช่นมี 10 ใบละแสนถึง waive ปีละ ล้าน โอ้โห ขอบาย ไม่กี่ใบพอ) แต่พกติดตัวอย่างมาก 2-3 ใบก็พอแล้วครับ visa master amex อย่างละใบ เหลือเฟือทั่วโลกแล้วครับ
หวังว่าคงช่วยได้บ้างนะครับ