สวัสดีคะ ชาว Hflight ทุกท่าน เป็นสมาชิกใหม่ของ Hflight ค่ะ สารภาพตามตรงว่าเพิ่งรู้จัก Website ของ Hflight เมื่อไม่นานนี้เองค่ะ ( เฉยจัง อิๆ )และได้เข้ามาดูรีวิวของท่านอื่นๆหลังจากกลับจากญี่ปุ่นแล้ว ดังนั้น
รูปที่นำมาลงรีวิวนี้ จึงเป็นรูปที่ถ่ายติดเจ้าของภาพซะเป็นส่วนมากเพราะไม่เคยคิดว่าจะนำมาทำรีวิว ( เพราะทำไม่เป็นจ้ะ ) แต่หลังจากที่ได้เข้ามาอ่านรีวิวของท่านอื่นๆ ก้อเกิดแรงบันดาลใจว่า น่าจะทำรีวิวที่ได้ไปเที้ยวมาแชร์กัน
บ้าง เผื่อเป็นประโยชน์กับท่านที่กำลังจะไปญี่ปุ่นไม่มากก้อน้อยค่ะ แต่ถ้ารูปที่ทำรีวิวมีแต่ภาพเจ้าของภาพซะเป็นส่วนใหญ่ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะจ้ะ แต่จะพยายามนำรูปที่ไม่มีรูปคนมาลงนะคะ คราวหน้าถ้ามีโอกาสได้ไปเที้ยวต่างประเทศ
อีก จะพยายามถ่ายภาพที่เป็นสถานที่ล้วนๆ มาให้จ้ะ จิงๆ แล้วไป 2 ประเทศค่ะ คือ พม่า กับ ญี่ปุ่น หน่ะแต่ทำรีวิวครั้งแรกนี้ ขอเป็นประเทศญี่ปุ่นก่อนนะค่ะ
การทำรีวิวนี้เป็นการทำครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ ไม่เคยนำไปลง Website ไหนเลย ถ้าผิดพลาดประการใด ท่านเซียนหรือกูรูทั้งหลายให้อำภัยด้วยนะค่ะ
เรามาเข้าเรื่องดีกว่าค่ะ อรัมภบทมาตั้งนาน (55 ) เริ่มตั้งแต่การเตรียมตัวไปเที้ยวต่างประเทศด้วยตนเองแบบง่ายๆ ในฉบับของแอมแปร์นะค่ะ
ก่อนอื่น 1. ต้องรู้ว่า เราต้องการไปเที้ยวที่ไหน อันนี้สำมะคัญมาก เพราะจะได้เตรียมตัวในด้านข้อมูลและงบประมาณ ( กำลังทรัพย์สำคัญมากๆ ) รวมถึงระยะเวลาด้วยค่ะ
2. เช็คอากาศ หรือ อุณหภูมิของช่วงเวลาที่เราจะเดินทาง เพราะจะได้เตรียมจัดกระเป๋าเดินทางได้ถูก และเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสิน ใจว่าจะเดินทางในช่วงๆ นั้นดีหรือไม่ เช่น ถ้าต้องการไปดูดอกซากุระ ควรเดินทาง
ช่วง มีนา – พค . เพราะหลังจากเลยช่วงนี้ไปแล้ว เราจะไม่ได้เห็นดอกซากุระ แต่บางอย่างก็มียกเว้นนะ เช่น แอมแปร์เดินทางไปช่วงปลายเดือน กพ ได้ไปเห็นดอกซากุระบานที่สวน อุเอโนะด้วยค่ะ มหัศจรรย์มี
จิง อิๆ ( จะได้เห็นภาพรีวิวในช่วงต่อไปค่ะ )
3. วางแผนการเที้ยวแบบคร่าวๆ ค่ะ ว่าวันแรกจะเริ่มเที้ยวที่ประเทศไหน หรือเมืองไหนก่อน ภายใน 1 วันจะเที้ยวที่ไหนบ้าง , เดินทางแบบไหน , ใช้ตั๋วประเภทใด , สถานที่เที้ยวมีอะไรบ้าง ,จะได้วางแผนเที้ยวลำดับ
ความสำคัญก่อน – หลังได้ค่ะ ทำให้สามารถเที้ยวได้มากขึ้นสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด รวมถึง การวางแผนการเที้ยวนั้น สามารถนำแผนนี้ไปยื่นวีซ่าเพื่อประกอบความน่าเชื่อถือได้มาก ยิ่งขึ้น เพื่อให้ทางสถานฑูตมั่น
ใจว่าเรากลับประเทศเราแน่นอน อิๆ
4. หลังจากนั้น เตรียมจองตั๋วเครื่องบิน และที่พัก การจองตั๋วเครื่องบิน มีหลายวิธีค่ะ สามารถจองผ่าน สำนักงานขาย ของสายการบิน นั้นๆ ได้ หรือ จองผ่าน Agency เช่น Hflight หรืออีกหลายๆที่ หรือ จอง
ผ่าน online ทาง Internet ทาง Website ของสายการบิน กรณีซื้อตั๋วผ่าน Agency อย่าเพิ่งใจร้อนรีบตัดสินใจนะค่ะ ควรหาเปรียบเทียบหลายๆ ที่ เพราะแต่ละที่มีโปรโมชั่นไม่เหมือนกัน หลังจากจองตั๋ว
เครื่องบินแล้ว เราก็จองที่พักต่อเลยค่ะ คล้ายกับจองตั๋วเครื่องบินค่ะ คือ สามารถจองผ่าน Agency หรือ จองผ่าน Online ของ Website การจองที่พักนั้นๆ ค่ะ อย่าลืมนะค่ะว่า การจองตั๋วเครื่องบิน หรือ จอง
ที่พัก อย่าเพิ่งจ่ายเงินก่อนนะค่ะ เพราะกรณีวีซ่าไม่ผ่าน เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินฟรี เราควรเลือกแบบที่ยังไม่ต้องจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าค่ะ
5. เตรียมเอกสารการทำวีซ่าค่ะ สำหรับเอกสารการทำวีซ่า คิดว่าทุกท่านคงสามารถหาข้อมูลตาม Web ได้นะค่ะ จึงไม่นำมารีวิวค่ะ นอกจากเอกสารการทำวีซ่าแล้ว อย่าลืมแนบ เอกสารการวางแผนเที้ยว และ ใบการ
จองตั๋วเครื่องบิน รวมถึง ใบจองที่พัก ไปประกอบด้วยนะค่ะ
6. กรณีวีซ่าผ่าน ตั๋วเครื่องบินและที่พักพร้อม เตรียมจัดกระเป๋า เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาลที่เราไป , ของใช้ส่วนตัว ,ยาพื้นฐาน ( แก้ปวดหัว , ท้องเสีย , อาเจียนเผื่อแพ้การขึ้นเครื่อง, แก้ปวดเมื่อย เผื่อหลง
ทางเดินเยอะ เป็นต้น ) , กล้องถ่ายรูปและเมโมรี่การ์ด , ปลั๊กไฟแบบหัวแบน 2ขา (ญี่ป่น) , แผนที่หรือข้อมูลสำหรับการท่องเที้ยว , รองเท้าคู่ใจ , สมุดโน้ตสำหรับการจดจำที่ดี , ข้อมูลสถานฑูตไทย
ในญี่ปุ่น , เบอร์โรงพยาบาล , เบอร์ตำรวจ เผื่อฉุกเฉินจะได้ไม่ฉุกละหุก จ้ะ , บัตรเครดิต (กันเหนียวสำหรับเงินหมด 55 ) , เงินสด ( สำคัญเลยหล่ะ ) แลกเงินได้ที่ Super rich หลังการบินไทย
(จริงแล้วมีหลายที่นะ )แต่แอมคิดว่า ที่นี่เรทจะได้ค่อนข้างดี ตอนนั้นที่ไป (เดือน กพ 53) 100 เยน ตกอยู่ที่ 36 บาทไทย
เกร็ด: สายการบินที่บินระหว่างไทย ไป ญี่ปุ่น มีอยู่หลายสายการบินด้วยค่ะ เท่าที่ทราบนะค่ะ มี สายการบินไทยค่ะ , JAL ( แอมไปสายการบินนี้ค่ะ อย่าว่าไม่อุดหนุนของไทยนะค่ะ คือ ตอนไปพม่าก้ออุดหนุนเจ้าดอกจำปีไป
แล้วค่ะ พอไปญี่ปุ่นก้ออยากเปลี่ยนบรรยากาศแบบญี่ปุ่นบ้างค่ะ มีแอร์คนไทยและแอร์ญี่ปุ่นด้วยค่ะ บริการดีมากๆๆ เลยค่ะ ) , นอกจากนี้มีสายการบิน คาเธ่ย์ , ไชน่า , เวียดนามแอร์ , สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ,
All Nippon , นอร์สทเวสต์ แอร์ไลน์ , ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เลือกตามอัธยาศัยนะค่ะ
เกร็ด : ฤดูที่ญี่ปุ่น มี 4 ฤดูด้วยกันค่ะ
1. ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มตั้งแต่เดือน มีค-พค เหมาะกับคนที่ชอบ ดอกไม้สวย เช่น ดอกซากุระ ช่วงนี้โดยเฉพาะเดือนเมษา เป็นช่วงดอกซากุระสะพรั่งที่สุด เรียกว่า เทศกาลฮานามิ (ไม่ช่ายข้าวเกรียบกุ้งนะ ) อากาศกำลังดี
ดอกไม้สวยมากค่ะ
2. ฤดูร้อน เริ่มเดือน มิย-สค ค่อนข้างร้อนค่ะ แต่ถ้าไปในช่วงนี้ก้อดีนะ เสื้อผ้าไม่ต้องเตรียมมาก ทำให้กระเป๋าเดินทางบรรจุของได้มากขึ้น
3. ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มเดือน กย-พย เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับคู่รักมาก ใบไม้เปลี่ยนสี โรแมนติกที่สุดค่ะ อากาศดี
4. ฤดูหนาว เริ่มเดือน ธค- กพ แอมแปร์ไปช่วง กพ. ค่ะ หนาวมากๆ ถ้าใครชอบความหนาวและลุยหิมะ เชิญเที้ยว ฤดูนี้ได้เลยค่ะ แล้วจะรู้ว่า ช่องแข็ง ในตู้เย็นเป็นอย่างไง เตรียมเสื้อผ้าหนาๆ , เสื้อโค้ด ,
แจ็คเกต, หมวก , ถุงมือ , ถุงเท้า ไปด้วยนะค่ะ
เกร็ด: สำหรับเรื่อง ภาษา ส่วนมากคนที่ญี่ปุ่น ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษเท่าไรนัก ยกเว้น ตามแหล่งท่องเที้ยวใหญ่ ที่มีวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ หรือ ตามโรงแรม และร้านอาหารใหญ่ๆ ถึงจะสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
ต้องทำใจนิสหนึ่งค่ะ แต่อย่างไรก็ตามคนญี่ปุ่นมีน้ำใจนะค่ะ ตอนที่แอมไปเที้ยว ก้อหลงทางบ้างเหมือนกัน ก็ได้น้ำใจจากคนญี่ปุ่นค่ะ ช่วยใช้ภาษาใบ้ ภาษามือช่วยได้เยอะเลยค่ะ จากการไปครั้งนี้ได้ภาษาญี่ปุ่นง่ายๆ มา
นิดหน่อย มาฝากกันค่ะ
สวัสดีตอนเช้า โอฮาโย โกไซมัสสึ
สวัสดีตอนบ่าย คอนนิจิวะ
สวัสดีตอนเย็น คมบังวะ
ขอบคุณ อะริกาโตะ
ขอโทษ โกเมนนาไซ
เชื้อเชิญ โดโซะ
อร่อย โออิชิ ( ใช้มากตอนไปทานข้าว และชมคนทำอาหาร เค้าจะยิ้มมีความสุข )
สุดยอด สุโกย ( ใช้ตอนที่ไปเห็นสิ่งแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน )
น่ารัก ขี้เหร่นะ ( ใช้ตอนชมหนุ่มๆ ญี่ปุ่นอ่ะ อิๆ แต่อย่าใช้ในเมืองไทยนะ งานเข้าเลยหล่ะ 55)
ยินดีที่ได้รู้จัก ฮาจิเมะ มาชิเตะ
ฉันเป็นคนไทย ไทจินเดส
ลาก่อน ซาโยนาระ
เกร็ด : เวลาที่ญี่ปุ่น เร็วกว่าของไทยเรา 2 ชม. ถ้าไปถึงญี่ปุ่น อย่าลืมปรับเวลาตามประเทศเค้าด้วยนะค่ะ เมื่อพร้อมทุกอย่างพร้อมแล้ว ( คิดว่าพร้อมนะค่ะ ) เราเริ่มเดินทางกันเลยค่ะ
เราเริ่มกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ การมา Check in เพื่อขึ้นเครื่อง ควรมาล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ชม. นะค่ะ เพราะต้องผ่านขั้นตอน การ Check in ที่เคาท์เตอร์ ซึ่งขั้นตอนนี้สามารถ แจ้งระบุที่นั่งได้เลย
นะค่ะ และแจ้งการสะสมไมล์ได้ด้วยค่ะ แต่เราต้องสมัครสมาชิกก่อนหน้านี้ก่อนนะค่ะ และ ด่านตม. ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา พอสมควรค่ะ หลังจากนั้น ต้องเดินหา Gate ทางเข้าอีก ซึ่ง Gate ที่แอมต้องไปเครื่อง
ค่อนข้างไกลค่ะ ต้องเผื่อเวลาด้วยค่ะ อย่ามัวดูของใน Duty Fee เพลินหล่ะ
มือใหม่ หัดทำรีวิว ยังทำติดๆ ขัดๆ จากตอนแรก เราได้แนะเรื่องการเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศ เรามาเริ่มเดินทางกันดีกว่าค่ะ เริ่มที่ สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ
เที้ยวนี้เราเดินทางโดยสายการบิน JAL ต้องไปหาทางเข้า 8 กันก่อนค่ะ
Act.ท่าซะหน่อย ก่อนเดินเข้าไป Check in ข้างในสนามบินค่ะ
เข้ามา Check in ที่เคาท์เตอร์ R กันค่ะ