เมื่อเติมพลังกันเสร็จแล้วผู้โดยสารสามารถเดินมาชมสถาปัตยกรรมที่ห้อยอยู่บริเวณโถงอาคารผู้โดยสารชั้นสองได้ครับโดยสถาปัตยกรรมนี้มีชื่อว่า "PETALCLOUDS" โดยจะตั้งอยู่เรียงรายบริเวณโถงอาคารผู้โดยสารขาออก (ขาเข้าก็เห็นได้บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง) โดยตามปกติแล้วจะขยับไปมาครับแต่วันที่ทีมงาน HFLIGHT ไปกลับไม่เปิดให้ชมเสียอย่างนั้น
หลังจากที่เพลิดเพลินกับ PETALCLOUDS กันมาแล้วเราก็จะกลับสู่ประเทศไทยใชช่วงบ่ายของวันเดียวกันกันแล้วครับ
โดยเราจะเดินไปทางขวามือของ PETALCLOUDS เพื่อผ่านด่านรักษาความปลอดภัยและเดินทางออกประเทศสิงค์โปร์นั้น ซึ่งจะแบ่งเป็นสองช่องคือ 1.ช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ 2.ช่องเจ้าหน้าที่ตรวจหนังสือเดินทางประทับตราตามปกติ เช่นเดียวกับขาเข้าครับเพียงแต่ว่าในรอบนี้เราในฐานะนักท่องเที่ยวที่ได้รับการลงทะเบียนในคราวตรวจคนเข้าเมืองในฝั่งขาเข้าเมื่อช่วงเช้านั้นจะสามารถเดินทางออกผ่านช่องระบบอัตโนมัติได้เลย
มาถึงจุดนี้ทีมงาน HFLIGHT ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ในการใช้งานช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติของอาคารผู้โดยสาร Terminal 4 ให้ฟังนะครับ โดยระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัตินั้นใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วมากรวมเวลาการตรวจหนังสือเดินทางหากทำถูกต้องทั้งหมดจะใช้เวลาไม่ถึง 15 วินาทีเท่านั้น
หลังจากนั้นประตูของช่องตรวจหนังสือเดินทางจะเปิดออกและให้เราเดินไปยังจุดตรวจค้นสัมภาระซึ่งใช้เทคโนโลยีใหม่ในการตรวจสอบ(ในจุดนี้ไม่สามารถถ่ายภาพได้) โดยระบบนั้นจะตรวจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้นประกอบกับสายพานลำเลียงสัมภาระที่จะถูกตรวจค้นนั้นถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความเร็วในการตรวจ ทำให้สามารถตรวจทั้งสัมภาระและคนได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
สรุปแล้วทั้งสองกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 30-45 วินาทีเท่านั้นในขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางและการรักษาความปลอดภัยซึ่งถือว่าไวมากๆสำหรับในปัจจุบัน