66 replies to this topic

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Advertisements

เห็นไหมครับว่าตอนนี้เครื่องบินจดทะเบียนไทย เรียบร้อยแล้วเป็น HS-BBZ เป็น แอร์บัส เอ320นีโอลำที่ 3 ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย โดยไทยแอร์เอเชียได้ทยอยรับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ320นีโอมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ลำแรก HS-BBX เข้าประจำการในฝูงบินตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 (ซึ่งเราก็เคยพาไปบินไฟลท์แรกของ เอ320นีโอ ที่ให้บริการผู้โดยสารมาแล้วด้วย ลองตามไปชมกันได้ที่กระทู้ http://www.hflight.n...s/topic/17279-/) ส่วนลำที่ 2 HS-BBY นั้นก็รับมอบมาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2559

ตอนนี้กัปตันก็กำลังตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องบินอีกครั้ง (Walk around) ก่อนนำเครื่องออกจากตูลุส

[ทีมข่าวHFLIGHT]

การเดินทางจากตูลุส กลับกรุงเทพฯ นั้นด้วยพิสัยของ เอ320นีโอ แม้จะบินเครื่องเปล่า ๆ เลยก็คงจะบินไม่ถึง จะต้องมีการแวะพักเพื่อเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง โดยในเที่ยวบินนี้จะใช้รหัสเที่ยวบินว่า FD7508 (หรือ AIQ7508 ตาม ICAO Code) ซึ่งเลข 7508 นั้นก็ตรงกับเลขรหัสสายการผลิต(MSN) ของเครื่องบินลำใหม่ลำนี้นั่นเอง

FD7508 จะออกเดินทางจากตูลุส ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติอัลมัคตูม (DWC) ใกล้ ๆ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง เพื่อแวะเติมน้ำมัน จากนั้นก็จะบินต่ออีก 5 ชั่วโมงเศษ ๆ จากดูไบ สู่ดอนเมืองที่กรุงเทพฯ เราจะออกจากตูลุสตอนสาย ๆ เกือบเที่ยง (เวลาช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) ไปถึงกรุงเทพฯ ก็จะช่วงเช้า ๆ ของวันรุ่งขึ้นนั่นเอง ก็ใช้เวลาบินรวมประมาณ 13 ชั่วโมง

ตอนนี้เครื่องบินเราก็ถอยจากหลุมจอดที่ Delivery Centre แล้วเตรียมพร้อมวิ่งไปยังทางวิ่ง

หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วคนที่เดินทางกับเที่ยวบินส่งมอบไม่ได้ออกจากอาคารผู้โดยสารหลักของตูลุสนี่จะผ่าน ตม. อย่างไร ก็คือที่ Delivery Centre นี่ก็จะเหมือนสนามบินย่อย ๆ ของแอร์บัส เพราะมีเครื่องบินส่งมอบออกแทบจะทุกวัน หากช่วงไหนจะมีเครื่องออกเดินทางแล้วผู้โดยสารต้องผ่าน ตม. แอร์บัสก็จะประสานไปทาง ตม. ให้มาทำการประทับตราพาสปอร์ตของผู้เดินทางที่นี่

[ทีมข่าวHFLIGHT]

อาคารที่เห็นในภาพก็คือ Airbus Delivery Centre ศูนย์ส่งมอบเครื่องบินของแอร์บัส ที่เราเพิ่งจากมา ตอนนี้เครื่องเลี้ยวมาตั้งลำในรันเวย์ของสนามบินตูลุส-บลังญัค พร้อมออกเดินทางแล้ว ขอไปฟังเสียงเครื่องยนต์ก่อน - ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องยนต์แบบใหม่ที่ทันสมัย ทำให้เสียงที่เกิดจาก เอ320นีโอนั้น เบากว่ามาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศถึง 19 เดซิเบล หรือสามารถลดเสียงที่เกิดขึ้นได้เกือบครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องบินยุคก่อน

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เอาหละเราพร้อมออกเดินทางจากตูลุสแล้ว พอเครื่องขึ้นเราก็จะมองเห็นพื้นที่ต่าง ๆ ของโรงงานแอร์บัส เอาเดี๋ยวเราพาทัวร์โรงงานแบบเร็ว ๆ จากมุมสูงละกัน

แต่ถ้าใครจะมาตูลุสแล้วอยากมาชมแอร์บัส เขาก็มีบริการทัวร์สำหรับบุคคลทั่วไปลองไปดูรายละเอียดที่ http://www.manatour....-discovery-tour

อาคารแรกที่เห็นหลังคามีโครงเหล็กสีฟ้า ๆ นี่เป็นสายการประกอบขั้นสุดท้ายของ เอ330


ส่วนนี่คือสายการประกอบขั้นสุดท้ายของ เอ350เอ็กซ์ดับเบิลยูบี


จะเห็นเครื่องบินที่อยู่ระหว่างการผลิตจอดกันมากมาย ในภาพนี้จะเห็นอาคาร M91 และ M15 ซึ่งใช้เป็นสายการประกอบขั้นสุดท้ายของ เอ320 ด้วยอยู่ด้านซ้ายกลางภาพ

ที่ตูลุสยังเป็นโรงงานผลิตเครื่องบินเอทีอาร์ด้วยนะไม่ใช่เพียงแค่แอร์บัส

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ดูโรงงานแล้วก็มาดูทิวทัศน์รอบ ๆ เมืองตูลุสกันบ้าง คู่กับเครื่องยนต์ CFM Leap-1A26 ให้กำลังขับ Take off Thrust 12064 daN (27120 lbs) และแรงขับต่อเนื่องสูงสุด 11868 daN (26680 lbs)

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

มาชมวิวจากอีกด้านกันบ้าง ก็จะเห็นเมืองตูลุส อยู่ข้างล่างในขณะที่เราเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางตะวันออก

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เอาหละ เรากำลังจะเริ่มต้นการเดินทางยาวนานหลายชั่วโมงข้ามทวีป แต่เดี๋ยวเราพาไปสำรวจกันก่อนว่าหน้าตาของห้องโดยสารของ เอ320นีโอ ของแอร์เอเชียนั้นเป็นอย่างไร

แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้นไหน ๆ ก็ถ่ายรูปนี้ คือรูปปลายปีกแบบชาร์กเล็ทมาแล้วก็ขอเล่าถึงเรื่องนี้หน่อย ข้อแตกต่างหนึ่งของแอร์บัส เอ320นีโอที่พัฒนาขึ้นนั่นก็คือ เอ320นีโอทุกลำจะติดตั้งปลายปีกแบบชาร์กเล็ท ทดแทน wingtip แบบเดิมที่ เอ320ใช้มา

เอ320นีโอทุกลำจะต้องมีชาร์กเล็ท แต่เครื่องบินที่มีชาร์กเล็ททุกลำไม่จำเป็นต้องเป็น เอ320นีโอ (เอ๊ะงงไหม) นั่นก็คือว่าเครื่องเอ320ซีโอจะเลือกติดปลายปีกแบบชาร์กเล็ทก็ได้ ซึ่งเฉพาะตัวชาร์กเล็ทก็จะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึงร้อยละ 4 โดยกลุ่มแอร์เอเชียก็เป็นสายการบินแรกในโลกที่ได้รับมอบ เอ320 ที่ติดชาร์กเล็ทรูปแบบใหม่นี้ตั้งงแต่ปี 2012 นู่น ส่วน เอ320นีโอลำแรกของกลุ่มแอร์เอเชียนั้นรับมอบไปให้กับสายการบินแอร์เอเชียมาเลเซียเมื่อเดือนกันยายน 2016 และของไทยแอร์เอเชียก็ตามมาติด ๆ ในเดือนตุลาคม

 

 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ห้องโดยสารของ เอ320นีโอลำนี้นั้นก็เช่นเดียวกับลำอื่น ๆ ของแอร์เอเชีย นั่นคือจัดห้องโดยสารแบบชั้นโดยสารเดียว ที่นั่งก็จัด 3-3 แต่ว่า จากเดิมที่มี 30 แถว 180 ที่นั่ง บนลำที่เป็น A320ceo บนเอ320นีโอ จะเพิ่มเป็น 31 แถว รวม 186 ที่นั่งแต่ว่าไม่ได้ลดระยะห่างระหว่างแถวลงนะครับ เดี๋ยวเราจะไปหาคำตอบกันว่าแล้วที่มันเพิ่มมาจากไหน เครื่องบินก็ไม่ได้ยาวขึ้น

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ตามมาที่ด้านหลังกันครับ เมื่อเราเดินมาถึงท้ายเครื่องเราก็จะพบว่าหน้าตามันแปลก ๆ ไป เดิมทีพอหมดแถวสุดท้ายก็จะเจอห้องน้ำ แล้วนี่ห้องน้ำหายไปไหนหละ กล้ายเป็นตู้อะไรมาแทน

ที่นั่งในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้นจาก 180 ที่นั่งเป็น 186 ที่นั่ง เป็นผลมาจากการใช้วิธีการจัดห้องโดยสารแบบใหม่ที่นำเสนอโดยแอร์บัส เรียกว่า Airbus Space-Flex ซึ่งปรับตำแหน่งห้องน้ำและครัวท้ายเครื่องใหม่ ทำให้มีพื้นที่เหลือในการใส่ที่นั่งเพิ่มขึ้น สายการบินก็เลยสามารถใส่ที่นั่งเพิ่มขึ้นได้อีก 1 แถว โดยไม่ต้องลดระยะห่างระหว่างแถว(Pitch)ลง

อย่างไรก็ตามการจัดห้องโดยสารแบบ Airbus Space-Flex นี้ไม่จำเป็นต้องใช้กับห้องโดยสารบน เอ320นีโอเท่านั้น เครื่องบินเอ320ซีโอหรือที่ใช้ในปัจจุบันก็สามารถนำไปปรับห้องโดยสารโดยใช้ Airbus Spece-Flex ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายสายการบินนำการจัดห้องโดยสารแบบนี้ไปใช้กับเครื่องบินเอ320ซีโอบ้างแล้ว เช่น กลุ่มลุฟท์ฮันซา สายการบินอีซี่เจ็ท เป็นต้น (แต่สำหรับกลุ่มแอร์เอเชียเลือกที่จะจัดห้องโดยสารแบบใหม่บน เอ320นีโอเท่านั้น โดยเครื่องบินอีกลำที่รับมอบในปีนี้แต่ เป็น เอ320ซีโอ คือ HS-CBA นั้นจะมีแค่ 180 ที่นั่งและจัดห้องโดยสารแบบเดิม)

และสำหรับความจุที่นั่งสูงสุดที่ทางแอร์บัสได้ยื่นให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการบิน(EASA)รับรองให้ติดตั้งบน เอ320นีโอได้นั้นคือ 195 ที่นั่ง ดังนั้นแล้ว ความจุ 186 ที่นั่งของกลุ่มแอร์เอเชียนี่ก็ยังถือว่าไม่ได้ถึงขั้นเต็มพิกัดที่ห้องโดยสารจะจุได้

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สรุปว่าที่ที่เพิ่มขึ้นมาก็เพราะเอาห้องน้ำที่เคยไว้ขวางตอนท้านเคบินไปไว้ตามยาวด้านหลังติดกันสองห้องฝั่งหนึ่ง แล้วก็ลดพื้นที่ครัวเหลือครึ่งเดียว แล้วก็จะนำตู้เก็บของมาไว้เป็นผนังที่ใช้แบ่งพื้นที่ระหว่างห้องโดยสารหลังที่นั่งแถวสุดท้ายกับพื้นที่ด้านหลังแทน

ซึ่งจริง ๆ แล้วก็น่าจะมีพื้นที่พอกับการให้บริการอยู่นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการในรูปแบบโลคอสต์แอร์ไลน์หรือการให้บริการในเส้นทางระยะใกล้ ๆ ที่ไม่ได้เน้นการบริการอาหารหรืออะไรมากมายที่ต้องโหลดขึ้นมาเยอะ ๆ ในแต่ละไฟลท์ ส่วนห้องน้ำนั้นจริง ๆ แล้วอาจจะดูว่าความกว้างมันลดลง แต่ว่าพื้นที่มันไม่ได้เล็กลงนะเพราะมันจะลึกไปตามยาวแทน

อ้อสังเกตดีๆ ห้องน้ำใหม่จะมีไฟแบบใหม่เป็นหลอด LED ด้วย

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เปลี่ยนมาดูวิวนอกหน้าต่างบ้างดีกว่า ตอนนี้เรากำลังบินผ่านเทือกเขาแอลป์นะ เราจะเห็นยอดภูเขาที่่มียอดปกคลุมด้วยหิมะ ช่วงนี้เริ่มร้อนแล้วนะครับ มองไปจะเห็นหุบเขาสีเขียว ๆ บ้างแล้ว ภาพนี้ก็แปลกดีนะครับ ไม่บ่อยที่จะเห็นเครื่องบินแอร์เอเชียบินเหนือเทือกเขาแอลป์ (แต่จริง ๆ แล้วเขาก็รับเครื่องบ่อยอยู่นะทั้งกลุ่มนี่ปีหนึ่งก็รับเครื่องใหม่เกิน 10 ลำ)

[ทีมข่าวHFLIGHT]

หิวแล้วเดินกลับไปด้านหน้ากัน

ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วบนเที่ยวบินส่งมอบแบบนี้จะมีอาหารกินไหม ต้องซื้อเข้าห่อเตรียมไว้ขึ้นมากินหรือเปล่า

เที่ยวบินบินไกลนานขนาดนี้ก็ต้องมีอาหารเครื่องดื่มนะครับ โดยทางทีมส่งมอบเครื่องบินเขาก็จะมีการสั่งอาหารโหลดขึ้นมาเพียบพร้อมเลยแหละทั้งอาหารเครื่องดื่มขนมขบเคี้ยว ของกินเล่น อาหารว่าง อาหารหลักนี่มีเสริฟกันสามมื้อเลยสำหรับการเดินทาง 13-14 ชั่วโมง

ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว พี่ ๆ ในทีมรับเครื่องของแอร์เอเชียก็เตรียมอุ่นอาหารมื้อเที่ยงให้เราแล้วครับ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เริ่มต้นด้วยคานาเป้เบา ๆ ก่อน

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ตามมาด้วยอาหารมื้อหลักสำหรับมื้อเที่ยงวันนี้

[ทีมข่าวHFLIGHT]

กินเสร็จแล้วก็เตรียมตัวนอน วันนี้เราบินกับเครื่องบินที่เป็นการจัดที่นั่งสำหรับ Low-Cost แบบ Short Haul มาบินไกล ๆ ข้ามทวีป

ก็เลยต้องพก Comfort Kit ชุดเครื่องนอนของแอร์เอเชียขึ้นมาเอง สำหรับการพักผ่อนในตอนนี้ เดี๋ยวพบกันอีกทีตอนตะวันใกล้ตกดินก่อนลงที่ดูไบ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

งีบไปได้สักแป๊ปก็ลุกมาถ่ายรูปแสงแดดตอนตะวันตกดินสักหน่อย วันนี้เราเดินทางไกลมาก ทิวทัศน์ภูมิประเทศก็จะเปลี่ยนไปตั้งแต่ยุโรป มาตะวันออกกลาง เลยไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

[ทีมข่าวHFLIGHT]

และแล้วความมืดก็มาเยือนตอนนี้เราบินมาได้เกือบ ๆ 7 ชั่วโมงแล้ว และกำลังลดระดับเพื่อลงจอดที่สนามบิน Al Maktoum International Airport (Dubai World Center - DWC) เพื่อแวะเติมน้ำมัน

[ทีมข่าวHFLIGHT]

และนี่ก็คือนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลางภาพนี้คือ Burj Khalifa ตึกที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน สูงกว่า 828 เมตร ก็เป็นอีกมุมแปลกตาที่เราจะเห็นเครื่องบินเอ320นีโอ บินอยู่เหนือนครดูไบ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ถัดไปอีกหน่อยมองไปอีกด้านก็จะเจอ Dubai Palm Islands อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของดูไบ

[ทีมข่าวHFLIGHT]

และเราก็ลงจอดที่สนามบิน Al Maktoum เพื่อแวะเติมน้ำมัน