22 replies to this topic

[เที่ยวสุดขอบโลก]

Advertisements

สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

วันนี้ขอมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวจากประเทศที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้จักหรือไม่คุ้นชื่อ แต่ว่าเราเพิ่งมีโอกาสเดินทางไปเยือนประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้มาเมื่อไม่นานมานี้ แถมตอนที่ไปยังเป็นช่วงที่อากาศเริ่มอุ่นและดอกไม้ต้นไม้บานพอดี รวมไปถึงดอก Cherry Blossom หรือพันธ์หนึ่งของพืชในตระกูลเดียวกับซากุระ กำลังบานแล้วคนไทยกำลังฮิตไปดูกันที่ญี่ปุ่นพอดี

แต่ที่นี่ไม่ใช่ซากุระบานที่ญี่ปุ่น แต่เป็นประเทศ อันดอร์รา (Andorra)

Attached Thumbnails

• 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

อันดอร์รา (Andorra) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าราชรัฐอันดอร์รา (Principality of Andorra) หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อหรือรู้จักที่นี่มาก่อน แต่ประเทศนี้มีอยู่จริงและคงอยู่มายาวนานเกือบพันปีแล้ว โดยเป็นประเทศขนาดจิ๋ว ที่นิยมเรียกกันว่า Micronation ที่ซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาสูงระหว่างพรมแดนของฝรั่งเศสและสเปน ในทวีปยุโรป

ประเทศเล็ก ๆ นี้มีเนื้อที่เพียง 468 ตร.กม. หรือเล็กกว่าเกาะภูเก็ตเสียอีกและมีประชากรทั้งประเทศแค่ 85,000 คนเท่านั้น


ภาพจาก Wikimedia Commond โดย Bosonic dressing https://commons.wiki...orra_Europe.png

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ทั้งประเทศอันดอร์ราไม่มีสนามบินไม่ติดทะเล (เป็น Landlocked Country) การเดินทางไปที่นี่นั้นจะมีสนามบินใหญ่ ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง 2 แห่งคือ สนามบินของเมืองตูลุส ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส อยู่ห่างไป 165 กิโลเมตร และสนามบินบาร์เซโลน่าในสเปน อยู่ห่างออกไป 202 กิโลเมตร

ทริปนี้เราเดินทางไปธุระที่ตูลุสพอดี พอมีเวลาว่างก็เลยหาทางขับรถออกไปเที่ยวที่อันดอร์รา ก่อนจะไปถึงยังประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้นั้นก็เลยได้ชมบรรยากาศสองข้างทางของชนบทตอนใต้ฝรั่งเศสไปก่อน

Attached Thumbnails

• 
• 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ระยะทางของการขับรถจริง ๆ จากตูลุสไปยังจุดที่เป็นพรมแดนของประเทศอันดอร่านั้นประมาณ 160 กิโลเมตร แล้วถ้าจะเข้าไปยังเมืองหลวงของอันดอร์รา ที่ชื่อว่า อันดอร์รา ลา เวลล่า นั้นก็ขับรถต่อไปอีก ประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ว่าใช้เวลาในการเดินทางประมาณสองชั่วโมงเศษ ๆ เพราะก่อนจะข้ามเข้าพรมแดนเข้าไปในอันดอร่านั้นเราต้องขับรถบนทางขึ้นเขาที่คดเคี้ยวหน่อย อย่างที่บอกไปตอนต้นรีวิวแล้วว่าประเทศนี้ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา ซึ่งก็คือเทือกเขาพีเรนีส (Pyrenees) ที่ทอดยาวเป็นพรมแดนกั้นระหว่างฝรั่งเศสและสเปน จากฟากฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถึงทะเลเมดิเตอรเรเนียน บนคาบสมุทรไอบีเรีย

ในภาพนี้ยังไม่ถึงอันดอร์รานะครับ เป็นทิวทัศน์ระหว่างทางจากตูลุสไปยังพรมแดนอันดอร์รา-ฝรั่งเศส ตอนนี้ก็เริ่มเห็นภูเขาบ้างแล้ว

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

จากถนนเส้นใหญ่ ๆ ก็เริ่มเล็กลงเรื่อย ๆ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่า เอ๊ะนี่เป็นถนนที่ใช้วิ่งข้ามประเทศจริง ๆ หรอ แต่ดูจาก GPS ก็ไม่ผิดนี่นา แล้วก็เริ่มเห็นยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมมากขึ้นแล้วด้วย หน้าจอใน GPS ก็บอกความสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากหลักร้อยเป็นหลักพันเมตรเหนือระดับน้ำทะเล(จุดที่สูงที่สุดของเส้นทางนั้นสูงมากว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล)

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

นี่ก็เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในฝรั่งเศสอยู่ครับ ระหว่างทางไปยังพรมแดนอันดอร์รา

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

พอยิ่งขับไปสูงขึ้น หิมะก็เริ่มเห็นมากขึ้น ตอนที่เราไปนั้นเป็นช่วงกลาง ๆ เดือนมีนาคมแล้ว ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาวแล้วเพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ จริง ๆ อากาศเริ่มอุ่นแล้วและหิมะก็จะเริ่มละลายแล้ว แต่ว่าบนที่สูง ๆ ก็ยังจะมีหิมะที่หนาอยู่ และก็ยังมาเล่นสกีกันได้ (อันดอร์รา มีชื่อเสียงอีกด้านคือเป็นประเทศสำหรับกิจกรรมสกีและกีฬาฤดูหนาว)

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

พอสีขาวเริ่มมากขึ้นสีเขียวก็ค่อย ๆ หายไป เมื่อเราขับรถเข้าไปในเทือกเขาพีเรนีสมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเข้าไปยังพรมแดนอันดอร์รา

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ส่วนถนนก็อย่างที่เห็นในภาพ เป็นถนนสองเลน ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปตามลาดเขา มีด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูงขึ้นไป อีกด้านก็เป็นลาดเขาลึกลงไป

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ถนนที่เรากำลังวิ่งอยู่ตอนนี้สูงมากกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลแล้ว แต่ว่าก่อนจะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านถนนอันแสนคดเคี้ยวมากด้วย จำได้ว่าต้องโค้งหักไปหักมาเกือบสิบรอบ เพื่อไต่จากในหุบเขาด้านล่างขึ้นมาสู่ด้านบนเขา ลองมองไปที่ถนนในภาพสิครับ นั่นคือเส้นทางที่เราเพิ่งขับผ่านมาไม่กี่นาทีที่แล้ว คดไปคดมาลาดลงไปตามหุบเขาด้านล่าง

 

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

แล้วในที่สุดเราก็มาเจอด่านศุลกากรของฝรั่งเศสและอันดอร์ราที่ชายแดน (จริงๆ แล้วจุดที่ด่านตั้งอยู่ไม่ใช่จุดที่แบ่งเขตแดนระหว่างสองประเทศ แต่พรมแดนจริง ๆ จะเลยไปอีกเล็กน้อย แต่ว่าตรงนั้นไม่มีที่ที่จะสร้างด่าน)

ประเทศอันดอร์ราไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (แต่ฝรั่งเศสเป็น) ดังนั้นแล้วตามหลักการคือจะเป็นคนละเขตศุลกากรกัน จะต้องมีการตรวจสินค้าหรือสิ่งของที่มีการผ่านแดน (แต่ในทางปฏิบัติก็คือแทบจะไม่มีการทำอะไร รถทุกคนขับรถผ่านด่านไปได้เลยโดยไม่ต้องหยุด แต่เราหยุดเพราะแวะเข้าห้องน้ำที่ด่านกับถ่ายรูปธง) อ้อ แม้ว่าอันดอร์ราจะไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรป แต่ว่าใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลัก

และอีกหนึ่งเกร็ดน่าคือและเป็นข่าวดีคือ อันดอร์ราไม่ต้องใช้วีซ่า สามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าไม่ว่าจะมาจากสัญชาติใด ๆ ในโลก รวมถึงประเทศไทย(แค่มีพาสปอร์ตเท่านั้นก็ไปได้) โดยประเทศอันดอร์ราไม่ได้เป็นสมาชิกของความตกลงเชงเก้น .... แต่ว่าประเทศข้าง ๆ ทั้งสองประเทศคือฝรั่งเศสและสเปนอยู่ในเชงเก้น ดังนั้นแล้วคนที่จะมาอันดอร์ราได้จะต้องมีวีซ่าเชงเก้น(หรือเป็นสัญชาติที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเชงเก้น) เพราะต้องผ่านไม่ฝรั่งเศสหรือสเปนก่อนถึงจะมาอันดอร์ราได้ เพราะประเทศนี้ไม่มีสนามบิน ไม่มีท่าเรือ มีแต่การเดินทางทางบกเข้าไปเท่านั้น ดังนั้นถ้าเราเข้าเขตเชงเก้น(คือฝรั่งเศสหรือสเปน)ไม่ได้ก็ไม่มีทางไปอันดอร์ราได้ (แต่ถ้ามีคอปเตอร์ไม้ไผ่หรือประตูทุกหนทุกแห่งที่เปิดไปแล้วไปถึงตรงเขตแดนอันดอร์ราได้เลยก็ไม่ต้องใช้วีซ่านะ) และโดยหลักการจริงๆ คือต้องมีวีซ่าเชงเก้นประเภทDouble Entries หรือ Multiple Entries ด้วย เพราะว่า อันดอร์รา อยู่นอกเขตเชงเก้น สมมติเราใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าฝรั่งเศสแล้วข้ามไปอันดอร์ราก็ถือว่าใช้วีซ่าเชงเก้นไปแล้ว 1 ครั้ง หากจะข้ามออกจากอันดอร์ราเข้าสเปนหรือฝรั่งเศสก็ถือเป็นการเข้าเขตเชงเก้นครั้งที่ 2 ... อย่างไรก็ตามในทางความเป็นจริงที่พรมแดนอันดอร์ราทั้งที่ติดกับฝรั่งเศสและสเปน นั้นไม่มีการหยุดผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองใด ๆ (ในภาวะปรกติ) ทุกคนสามารถขับรถหรือเดินทางผ่านเข้าไปได้เลยเสมือนหนึ่งไม่มีพรมแดน เสมือนเราไม่ได้ออกจากเขตเชงเก้นแล้วเข้าใหม่เลยสักนิด

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

จากด่านศุลกากรขับรถต่อมาอีกหน่อยจะถึงพรมแดนจริง ๆ ที่แบ่งเขตระหว่างฝรั่งเศสและอันดอร์รา นั่นก็คือสะพานที่เห็นในรูป และพอถึงพรมแดนปุ๊ปก็จะมีโรงแรมและสกีรีสอร์ทใหญ่ตั้งอยู่เลย (แต่เราแอบเห็นคนแบกขาสกีเดินตามถนน ไปแถวๆ  เนินที่เราขับรถผ่านมาก่อนเข้าด่านศุลกากรเมื่อกี๊ก็มี) เห็นธงสีน้ำเงินเหลืองแดงนั่นไหมครับ นั่นคือธงชาติอันดอร์รา

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ขับเข้ามาเรื่อย ๆ ก็จะเจอสกีรีสอร์ทอีกสองสามแห่ง และก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวมาเล่นสกีกันอยู่แม้ว่าหิมะจะละลายไปมากแล้วก็ตาม แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาอันดอร์รามากกว่า 10 ล้านคน ส่วนใหญ่ก็มาเพื่อกีฬาฤดูหนาวนี่แหละ และที่สำคัญอีกอย่างคือเมืองนี้เป็น Tax Free สินค้าราคาถูก แค่ราคาน้ำมันก็ถูกกว่าในฝรั่งเศสและสเปนมากโขแล้ว

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

บรรยากาศบริเวณสกีรีสอร์ทแห่งหนึ่งระหว่างทางจากพรมแดนเข้าไปยังเมืองหลวง

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ระหว่างทางก็จะผ่านเมือง(หรือเรียกว่าชุมชนดีกว่า) ต่าง ๆ ของประเทศนี้หลายแห่ง แต่ว่าจุดหมายที่เรากำลังจะไปนั้นคือเมืองหลวงของประเทศขนาดเล็กจิ๋วนี้ที่ชื่อว่า เมืองอันดอร์รา ลา เวลล่า (Andorra la Vella) 

 

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

ตอนนี้เราเดินทางมาถึงแล้วครับ

อันดอร์รา ลา เวลล่า เมืองหลวงของราชรัฐอันดอร์รา อยู่ห่างจากชายแดนฝั่งฝรั่งเศสที่เราขับรถเข้ามาประมาณ 30 กิโลเมตร เมืองนี้มีประชากรประมาณ 20,000 คน ก็ถือเป็นเมืองเล็ก อยู่ทางตอนใต้ๆ ของประเทศหน่อย และก็ถือเป็นเมืองหลวงที่อยู่สูงที่สุดในยุโรปคือสูง 1023 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง

บ้านเรือนก็มีทั้งที่อยู่บริเวณบนพื้นของหุบเขาและก็ไล่ขึ้นไปตามเชิงเขา

 

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

บรรยากาศในเมืองก็จะเงียบ ๆ หน่อยเพราะเมืองก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก (แถมวันที่่เราไปเป็นวันรัฐธรรมนูญของอันดอร์รา เป็นวันหยุด ร้านรวงปิดเยอะมาก เลยเงียบกว่าเดิมอีก)

มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ชื่อ La Valira ผ่านกลางเมือง

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

และที่ริมแม่น้ำกลางเมืองอันดอร์รา ลา เวลล่า นี่เอง จะมีสวนสาธารณะกลางเมืองชื่อ Parc Central ก็แปลว่าสวนสาธารณะกลางเมืองนั่นแหละ และตรงนี้ก็จะมีทางเดินริมแม่น้ำที่ปลูกต้น Cherry Blossom หรือก็คือซากุระนั่นแหละ(เพียงแต่มันไม่ได้อยู่ญี่ปุ่น) เต็มสองฝั่งแม่น้ำเลย

และตอนนี้ก็กำลังบานสวยงามมากด้วย ตรงทางเดินสองข้างทางนั้นจะมีกิ่งของ Cherry Blossom นี้แผ่สวยงามปกคลุมเหมือนกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ดอกไม้

 

 

 

 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

มาดูมุมอื่น ๆ ของ อันดอร์รา ลา เวลล่า กันบ้าง

อาคารยอดแหลมนี้เหมือนเป็นแลนด์มาร์กอย่างหนึ่งของอันดอร์รา เพราะเด่นแปลกตาอยู่กลางเมือง หลายคนอาจคิดว่าเป็นรัฐสภา เป็นที่ทำการรัฐบาล เป็นโบสถ์

แต่ที่จริงแล้วนี่คืออาคารที่ชื่อว่า Caldea หลัก ๆ คือเป็นสปารีสอร์ท โดยเป็นสปาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีความสูง 18 ชั้น เป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศอันดอร์รา

Attached Thumbnails

• 
• 

[เที่ยวสุดขอบโลก]

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าอันดอร์รามีจุดเด่นที่ดึงดูดผู้คนอย่างหนึ่งให้มาเยือนนอกจากสกีแล้วก็คือ ภาษีที่ต่ำหรือปลอดภาษีในบางประเภท และนี่ก็คือย่านถนนชอปปิ้ง หรือถนนคนเดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ที่ปรกติแล้วควรจะคึกคักกว่านี้(เล็กน้อย) แต่ว่าวันนี้ดูเงียบเหงา เพราะว่าส่วนมากร้านจะปิด มีเปิดไม่กี่ร้าน เพราะว่าเรามาในวันหยุด วันรัฐธรรมนูญนั่นเอง

ถนนนี้ชื่อว่า Avenue Calermany เป็นถนนคนเดินห้ามรถวิ่ง ก็หาที่จอดรถใกล้ ๆ แล้วเดินมา (เมืองเล็กมาก จริง ๆ ถ้ามีแรงเดินทั้งเมืองยังได้) อ้อค่าจอดรถที่อันดอร์รา ถูกมาก (เมื่อเทียบกับในฝรั่งเศสและสเปนที่ขนาบข้าง) และหลายที่ก็จอดฟรีแบบ ชั่วโมงแรก