|
|
| ||||||||||
0
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 04:09 PM
มีไม้กายสิทธิ์คู่ใจแล้ว ไปร่ายเวทย์กันเถอะ
ฐานสนุก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 6 จุดค่ะ แต่ละจุดก็จะอยู่กระจายกันไปทั่วโซนนี้ เช่น
ที่ตรอกลับแถวร้านฮันนี่ดุกส์ มีผู้เชี่ยวชาญสอนการเสกมนต์ให้หิมะตก ซึ่งหากทำไม่ได้ในครั้งแรกก็ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ จุดนี้เราเองก็ลองมากกว่า 3 ครั้ง กว่าหิมะจะโปรยลงมา 
(Cr. USJ)
หรือแม้ในวันที่ฝนตก คุณก็ยังจะเสกให้ไฟพวยพุ่งขึ้นมาจากปล่องไฟก็ได้เช่นกัน ...แต่คุณต้องร่ายมนต์และทำตามวิธีที่เค้าหรือเธอสอนให้ถูกต้องด้วยนะ
(Cr. USJ)
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 04:19 PM
นอกจากกิจกรรมที่กล่าวไปแล้ว การแสดงโชว์ก็มีนะ
โชว์จากโรงเรียนเจ้าถิ่น "ฮอกวอตส์"
(Cr. USJ)
โชว์จากผู้มาไกลจากดินแดนยุโรปเหนือ "เดิร์มสแตรงก์"
(Cr. USJ)
และโชว์จาก "โบซ์บาตง" วิทยาลัยเวทมนต์หญิงล้วนที่ขึ้นชื่อเรื่องนักเรียนสวยงามดั่งวีล่า จากประเทศฝรั่งเศส
(Cr. USJ)
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 04:27 PM
ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ... บัตเตอร์เบียร์ เครื่องดื่มยอดนิยมจากโลกเวทมนต์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์
คุณจะนั่งจิบแบบฟิน ๆ ในร้านไม้กวาดสามอัน หรือร้านหัวหมูก็ได้ หรืออุดหนุนร้านค้าแผงลอยภายในหมู่บ้านแห่งนี้ก็ได้ค่ะ โดยเค้าจะมีให้เลือก 2 สูตร ถ้าจำไม่ผิดก็จะเป็นรสเชอร์เบ็ทกับรสโซดา ...แต่ละสูตรก็จะให้เลือกแก้วได้ 3 แบบ แบบที่ราคาย่อมเยาว์ที่สุดจะเป็นแก้วพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง ราคากลาง ๆ ก็เป็นแก้วพลาสติกมีหู (อย่างในภาพ) และแบบแพงสุดก็จะเป็นแก้วโลหะมีหู
กลิ่นดี สัมผัสดี รสชาติดีมากกกก ...ส่วนแก้วนั้นเก็บมาเป็นที่ระลึก 
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 05:08 PM
น่าเสียดายที่ The Wizarding World of Harry Potter ปิดทำการในเวลา 17.00 ค่ะ
แต่เราก็ยังมีอีกโซนหนึ่งให้ Cool Down ก่อนไปทานมื้อเย็นให้เข้าไปชม นั่นคือ Universal Wonderland ที่น่ารักมุ้งมิ้ง โลกใสมาก ๆ 
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 05:09 PM
Universal Studios Japan ในช่วงค่ำเป็นอีกอารมณ์นึงเลยค่ะ
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 05:26 PM
กลับเข้าที่พัก Hotel Universal Port ที่อยู่ใกล้กับสวนสนุกมาก ๆ ใกล้แบบเหนื่อยมากก็ยังเดินกลับได้สบาย
จากนั้นก็ออกเดินทางกันต่อ...
มายังที่นี่ค่ะ
ไฮไลท์ของการมาเมืองโอซาก้าอย่างหนึ่งคือการมาถ่ายรูปคู่กับป้ายกูลิโกะที่ย่านริมคลองดงทงโบริ (Dongtongbori) เพราะที่โอซาก้าเป็นบ้านเกิดของขนมกูลิโกะ ซึ่งป้ายนี้เป็นป้ายไฟที่มีชื่อเสียงและเป็นป้ายกูลิโกะเวอร์ชั่นที่ 6 แล้วนะคะ เราจะเห็น Mr. Glico หรือ "กูลิโกะแมน" วิ่งอยู่บนลู่วิ่ง มีฉากหลังเป็นวงกลมสีแดงสัญลักษณ์ประเทศญี่ปุ่น
ภาพบนจอ LED นี้ก็จะเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ อย่างเช่นที่เห็นตอนนี้คือ Mr. Glico โดนบรรดากล่องขนมกูลิโกะทับหายไปแล้วว
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 05:28 PM
จากนั้นก็มาเดินเล่นกันที่ย่านซินไซบาชิ (Shinsaibashi) ที่อยู่ติดกัน
ร้านปูยักษ์ Kani Doraku ที่ขึ้นชื่อว่ารสชาติดีมาก
ไหน ๆ ขอลองชิมหน่อยยยย ...สมคำล่ำลือค่ะ
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 05:30 PM
เพียงป้ายร้านอย่างเดียวไม่พอนะคะ แต่ละร้านที่นี่ต่างแข่งกันดึงดูดใจลูกค้าด้วยปะติมากรรมนูนสูงต่าง ๆ อย่างที่เห็นเลยค่ะ
น่าเสียดายที่เรามาดึกไป ร้านคุณลุงตีกลอง (Kuidaore) ปิดแล้ว 
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 05:34 PM
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสู่โอซาก้ามักจะนิยมไปเที่ยวเมืองต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบโอซาก้า ไม่จะเป็นเกียวโต โกเบ นารา และอีกมากมาย เพราะที่ญี่ปุ่นนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกด้วยพาหนะยอดนิยมอย่างรถไฟ แต่มีอีกจังหวัดหนึ่งที่สามารถเดินทางไปเที่ยวแบบไปเช้ากลับเย็น เป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์และมีสิ่งน่าสนใจมากมาย
และวันนี้เราจะไปเที่ยวจังหวัดโอกายาม่า (Okayama) กันค่ะ
โดยเราจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ไปเที่ยว แล้วช่วงค่ำก็จะตรงสู่สนามบินคันไซ ...แต่นึกภาพว่าการมีสัมภาระใบใหญ่ ๆ ไปด้วยนั้นคงจะทุลักทุเลน่าดู โชคดีที่นี่เค้ามีบริการรับฝากส่งกระเป๋าไปส่งรอเราที่สนามบินได้ บริการนี้เป็นของบริษัท SAGAWA ซึ่งจัดส่งแบบวันต่อวัน คิดค่าบริการจะคิดตามจำนวนชิ้นที่ฝากส่ง โดยครั้งนี้จุดอันเหมาะสมที่เราแวะมาใช้บริการก็อยู่ที่สถานี Shin Osaka ค่ะ
สมาชิก Business Class
Posted 02 August 2016 - 05:35 PM
วิธีการเดินทางจากโอซาก้าออกไปสู่จังหวัดโอคายาม่าที่สะดวกสบายที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรถไฟเช่นเคยค่ะ และครั้งนี้เรามีโอกาสได้ใช้บริการของชินคันเซ็น (Shinkansen) รถไฟความเร็วสูง โดยความเร็วในการวิ่งของรถไฟนี้จะเริ่มต้นที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นจึงทำให้การเดินทาง 180 กิโมตรของเรานั้นใช้เวลาเพียงแค่ 50 นาที เท่านั้นเอง
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 02:00 PM
เก็บบรรยากาศภายในตู้รถไฟที่นั่งในครั้งนี้มาฝากค่ะ
ตู้นี้จะเป็นแบบระบุที่นั่ง การระบุก็จะคล้าย ๆ บนเครื่องบินเลยค่ะ แบ่งที่นั่งเป็นแบบ 2-3
มีที่ให้ชาร์ตไฟ
มีโต๊ะหน้าที่นั่งสำหรับทำงานหรือทานอาหาร (มีรถเข็นจำหน่ายอาหารคอยบริการด้วยนะคะ)
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 02:03 PM
เปิด-ปิดม่านหน้าต่างได้
มีที่สำหรับแขวนสัมภาระ
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 02:07 PM
เก้าอี้สามารถปรับเอนได้นิดหน่อย
และสำหรับผู้ที่เดินทางเป็นกลุ่ม ก็สามารถปรับแถวเก้าอี้ให้หันหน้าเข้าหากันได้ด้วยนะคะ โดยการเหยียบที่จุดใต้เก้าอี้แล้วก็ใช้มือหมุนแผงเก้าอี้เพื่อให้หันเข้าหากันได้เลย
แท่แด๊นนน เป็นแบบนี้ หันมานั่งมองหน้ากันดีกว่า
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 02:31 PM
เพลินเพลินไปกับบรรยากาศริมทาง
แล้วเราก็มาถึงสถานี Okayama เป็นที่เรียบร้อย 
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 02:44 PM
จุดหมายแรก เราเดินทางมาที่สวนโคระคุเอ็น (Okayama Korakuen Garden) ในเมืองโอกายาม่าค่ะ
โคระคุเอ็นที่นี่นะคะได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 3 ของสวนที่สวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เป็นสวนที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและยังสามารถมองเห็นตัวปราสาทโอคายาม่าได้จากภายในสวนอีกด้วย
นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมสวนแห่งนี้ได้ตลอดทั้งปีค่ะ เพราะว่าแต่ละฤดูกาลก็จะมีไฮไลท์ที่น่าสนใจต่างกันไป อย่างเช่นในตอนนี้เรามาในหน้าร้อนก็จะเห็นความชุ่มชื่นเขียวขจีไปทั่วทั้งสวน ถ้ามาตรงช่วงเทศกาล เวลากลางคืนก็จะมีการประดับประดาดวงไฟ และเปิดให้เข้าชมสวนในช่วงค่ำด้วย
สวัสดีจ้ะเหมียววว อย่าดุเราสิ
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 02:54 PM
ในอดีตเจ้าเมืองโอคายาม่าโปรดที่จะมาผ่อนคลายอารมณ์นั่งชมสวนที่เรือนหลังนี้แหละค่ะ ...ส่วนตัวหลังคาที่เห็นเป็นตาข่ายนั้นเค้าเล่าว่าเอาไว้ป้องกันไม่ให้นกตัวใหญ่เข้าไปได้
จากมุมที่เจ้าเมืองโปรดนั่งชมสวน ก็จะเห็นบรรยากาศเป็นแบบนี้ 
ถ้าเป็นในช่วงฤดูอื่น ๆ สวนก็เต็มไปด้วยดอกไม้บ้าง ใบไม้เปลี่ยนสีบ้าง หมุนเวียนกันไป โดยสวนเนี่ยเป็นสวนที่ออกแบบและสร้างขึ้นใหม่ เนินดินที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเค้าก็สร้างขึ้นเพื่อให้สวนดูมีมิติ
และนี่เป็นเป็นภาพที่มองลงมาจากเนินค่ะ
ภายในสวนก็จะมีจุดให้นั่งพักอยู่ทั่วไป
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 03:18 PM
วันนี้เราเที่ยวในสไตล์ศิลปินนะคะ เราจะเพลิดเพลินและผ่อนคลายไปกับสิ่งรอบตัวที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ มีกลิ่นอายของความเป็นท้องถิ่นญี่ปุ่น ดังนั้นในเวลานี้เราจึงกำลังจึงนั่งจิบชาเขียวและชมสวนกันค่ะ
ขนมที่เสิร์ฟมาพร้อมกับชาเขียวเย็นของเรานี้มีชื่อว่า "คิบิดังโงะ" ซึ่งเป็นขนมที่ปรากฎอยู่ในนิทานญี่ปุ่นเรื่องโมโมทาโร่ (โอคายาม่าเป็นบ้านเกิดของนิทานเรื่องนี้)
ที่นี่มีการออกแบบให้ตู้กดน้ำดูเข้ากับบรรยากาศของสวนด้วย น่ารักจัง
โอคายาม่าเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็น "อาณาจักรแห่งผลไม้" ค่ะ ผลไม้ขึ้นชื่อที่คนท้องถิ่นภูมิใจนำเสนอก็คือลูกท้อและองุ่น ซึ่งผลผลิตจะออกมาในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง แหม...มาได้ถูกช่วงพอดีเลย
นี่ไงคะ ลูกท้อ หรือที่เราเรียกว่า "ลูกพีช" (Peach) ในภาษาอังกฤษ ส่วนคนญี่ปุ่นนั้นเค้าเรียกว่า "โมโม่" กันค่ะ
ไอศครีมพีชแบบนี้มีให้ชิมตลอดทั้งปีค่ะ แต่พิเศษมากสำหรับหน้าร้อนเพราะเค้านำชิ้นเนื้อพีชเนี่ยลงมาผสมในเนื้อไอศครีมด้วย มีกลิ่นที่หอมหวานเสริมให้กับรสชาติของไอติมดีมาก ๆ เป็นสัมผัสที่ดีสุด ๆ ใครเตรียมจะไป เราอยากให้มาร์กไว้เลยว่าห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด
ในช่วงเที่ยงเราแวะเข้ามาทานในร้านอาหารบริเวณสวนกันค่ะ เมนูนี้มีชื่อว่า "บาระซูชิ" ที่เป็นการนำเอาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทั้งจากทะเลและภูเขาที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์มารวมกัน สำหรับเซ็ทนี้ก็จะมีชื่อว่า "เฟสติวัล" เมนูท้องถิ่นเมนูนี้สามารถหาทานได้ทั่วไปเลยค่ะตามร้านซูชิแถบเมืองโอคายาม่าและคุราชิกิ
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 03:26 PM
จากนั้นเราเดินทางมาสู่เมืองโคจิม่า (Kojima) เมืองชิค ๆ อีกเมืองหนึ่งของจังหวัดนี้ โดยจุดหมายของเราอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ยีนส์ (Jeans Museum) ค่ะ
นี่คือมาสคอตของแบรนด์ Betty Smith
ที่นี่เค้าจะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของยีนส์ตั้งแต่การกำเนิดขึ้นของยีนส์ เมื่อที่ยีนส์เข้ามาในญี่ปุ่น การผลิตยีนส์ ตลอดจนแฟชั่นในยุคต่าง ๆ ของยีนส์
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 03:30 PM
ชั้นสองของอาคารจะเป็นสถานที่ตัดเย็บยีนส์แบบแฮนด์เมดค่ะ โดยที่นี่เค้าจะทำตามออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งลูกค้าก็จะสามารถเลือกองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองทั้งหมดเลย เมื่อสำเร็จเสร็จมาก็เรียกได้เลยว่าเสื้อหรือกางเกงตัวนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคุณ
สมาชิก Business Class
Posted 03 August 2016 - 03:35 PM
ที่อาคารสองจะจัดแสดงเกี่ยวกับการผลิตยีนส์
ลายบนยีนส์มีวิธีการทำอย่างไร ...วิธีแรกคือใช้พิมพ์ค่ะ
อีกวิธีหนึ่งคือใช้เครื่องโม่ ซึ่งก็จะมีความร้อนและหินนี่ล่ะค่ะเป็นตัวทำให้เกิดลายบนยีนส์
เมื่อหินถูกใช้ไปนาน ๆ เหลี่ยมมุมก็หายไป กลายเป็นหินก้อนกลมแบบตู้โม่นี้เลย
แล้วก็ยังจัดแสดงแฟชั่นของยีนส์ในยุคต่าง ๆ และผลงานของศิลปินที่น่าสนใจด้วย
0 members, 0 guests, 0 anonymous users
| ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Galileo (แสดงผล waiting list) | ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Amadeus (เแสดงเฉพาะที่นั่งว่าง) | |
|
| ||
Community Forum Software by IP.Board 3.4.7
Licensed to: HFlight Co., Ltd.
