ขอลงรูปสถานที่ท่องเที่ยวใน Uluru เล็กน้ยละกันนะครับ
ผมอยู่ที่นี่สามวันถือว่ากำลังดี
คืนแรกเราออกไปทานอาหารที่จัดขึ้นกลางแจ้งชื่อว่า Sound of Silence ครับ ได้เสพบรรยากาศภูมิทัศน์ ดูพระอาทิตย์ตกพร้อมกับสีของ Uluru ที่เปลี่ยนไปตามจังหวะที่พระอาทิตย์ตกครับ จากนั้นก็ไปชมนิทรรศการชื่อ Field of Lights ซึ่งถือเป็นงานศิลปะอย่างนึงที่นำเอาหลอดไฟ LED เล็กๆจำนวยทั้งสิ้น 50,000 หลอดมาจัดวางให้เหมือนทุ่งดอกไม้ครับ พอท้องฟ้าเริ่มมือแสงไฟก็สว่างขึ้นมาสวยงาม บรรยากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ
วันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปที่ Kata Jtuta ซึ่งก็เป็นก้อนหินใหญ่หลายๆก้อนเท่าภูเขาที่เราสามารถเดินเข้าไปชื่อชนทัศนียภาพได้ครับ
วันถัดมาเราจึงไปที่ Uluru เพื่อเดินรอบเพื่อชื่นชนความสวยงามครับ
ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถปีนขึ้นบนยอดของ Uluru ได้นะครับ แต่ในช่วงหลังๆนี้มีการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวพิจารราให้ดีก่อนว่าควรปีนหรือไม่ เพราะสาถนที่นี่เป้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของบุคคลในพื้นที่ การปีนขึ้นไปอาจจะไม่เหมาะสมนัก ตัวผมกับเพื่อนร่วมทางเองพิจารณาแล้ว เราก็ไม่อยากปีนครับเพราะเราอยากแสดงความเคารพแกเจ้าของสถานที่ ทางการอุทยานเองก็มีป้ายปักไว้เตือนใครับว่าควรปีนหรือไม่ อย่างไรก็ดีการปีนขั้นไปก็ไม่ได้มีความผิดตามกฎหมายใดๆครับและก็ยังมีการปักเส้นทางเดินขึ้นไว้เพื่อคสามปลอดภัยครับ
รัฐบาลออสเตรเลียเองตระหนักถึงประเด็นความอ่อนไหวด้านนี้และก็มีการพยายามแสดงความเคารพต่อชนพื้นเมืองครับ เวลาเราเดินรอบก้อนหิน ก็จะมีเขตบางเขตที่ห้ามถ่ายรูปครับเพราะสถานที่บางที่เป็นสาถนที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อครับ ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจของสถานที่แห่งนี้ครับ
พวกผมใช้เวลาเดินรอบ Uluru ตามเส้นทางร่วม 14 กิโลทั้งหมดสามชั่วโมงครึ่งครับ
วันสุดต่อมาเราเดินทางไปค้างคืนที่ Kings Canyon ครับซึ่งเป็นทิวผาสวยๆอารณ์เดียวกับ Grand Canyon ห่างจาก Uluru สี่ชั่วโมงโดยการขับรถครับ วันที่เราไปถึงอากาศร้อนมากเกือบ 40 องศา ทางการอุทยานจึงปิดเส้นทางเดินขึ้นเขาครับ เราจึงได้แต่เดินรอบ และใช้โอกาสตอนเช้ามืดวันก่อนเดิทางกลับเดินขึ้นไปชมวิวครึ่งทางครับ