เรื่องจริงผ่านจอ!
ก้อยขอเอาเรื่องดีๆซึ้งๆ มาฝาก "ผู้นำ" และ "ผู้ที่ต้องการจะเป็นผู้นำ" ทุกคนค่ะ
อ่านแล้วจะมีกำลังใจในการพลิกชีวิต พลิกวิกฤติทางธุรกิจต่างๆ
ว่าอะไรๆ มันก็เป็นไปได้!
สายการบินหนึ่งที่ชื่อว่า JAL หรือ Japan Airline หายหน้าไปนานเพราะล้มละลาย ...
ล้มแล้วลุก ลุกได้อย่างสง่างามซะด้วย
จากฝีไม้ลายมือของ ลูกพระอาทิตย์ วัย 78 ปี
ผู้เป็นตำนาน ในการกอบกู้ JAL
เมื่อปี 2010 JAL มีหนี้สินกว่า 25,000 ล้านดอลล่าร์ (กว่า 7 แสนล้านบาท...อุ๊!แม่เจ้า)
ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และต้องถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์
แล้วใครล่ะ จะกล้า รับคำท้า เข้ามาเป็นคนพลิกฟื้นคืนชีวิต ให้กับองค์กรยักษ์ใหญ่
ที่กำลังจะตายแห่งนี้??
เพราะไม่มีใครกล้ารับ
รัฐบาลญี่ปุ่น จึงได้ส่งเทียบไปเชิญ นายคาซูโอ อินาโมริ (Mr. Kazuo Inamori)
ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก “Kyocera Corporation”
ให้เขาช่วยเสียสละ มาเป็นผู้นำในการฟื้นฟู JAL
แม้เขาจะมีข้อด้อยว่า บุรุษผู้นี้มิเคยอยู่ในสังเวียนธุรกิจการบินเลย
ทุกคนต่างกังขา แล้วเขาจะทำงานยากๆ หินมากๆงานนี้ได้จริงเหรอ?
คุณๆ จะเชื่อมั้ยค่ะ ถ้าจะ บอกว่า...
เพียงแค่ปีเดียว JAL พลิกขาดทุนเป็นกำไร จากที่เคยล้มละลาย
เพียงแค่ไม่ถึงสองปี ได้รับรางวัลเป็นสายการบินที่ตรงเวลาที่สุดของโลก (2012)
เพียงแค่ไม่ถึงสามปี บ.ก็ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้ง
มันเป็นไปแล้วล่ะค่ะ ท่านทั้งหลาย!
มันกลายเป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยาย
จนทำให้ JAL กลายเป็นกรณีศึกษาระดับโลก
ที่ฮาวาร์ด หรือที่ไหนๆ ต้องพากันสนใจมาศึกษาถึงความสำเร็จ
ประธานคาซูโอ ที่เข้ามาคืนชีพให้ JAL นั้น
อายุ 78 ปี
อายุขนาดนี้สำหรับคนทั่วไป คือ ไม้ใกล้ฝั่ง ที่คนรุ่นหลังอาจไม่เห็นหัวแล้ว
หรือ บางคนก็อาจจะปล่อยวาง ใส่เกียร์ว่าง
ขอใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงกับความท้าทายอะไรอีก
ตามประวัติ ประธานคาซูโอ ท่านเป็นทั้งนักคิด นักเขียน นักพูด รวมถึงเป็นนักบวช
ท่านมีปรัชญาในการบริหารงานที่น่าศึกษามากๆ
วันแรกที่ท่านเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ JAL นั้น
ท่านเปิดใจบอกกับพนักงานไปตรงๆ ว่า
“ผมเกลียด JAL มาก และไม่ใช้บริการ JAL มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว”
ท่านยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า
“พนักงาน JAL ทำหน้าที่ตามหนังสือคู่มือเท่านั้น
แต่ไม่ได้มีจิตใจในการให้บริการอันอบอุ่น แก่ผู้โดยสารที่เกิดจากหัวใจ”
(ฟังแล้วคุ้นๆ คล้ายๆแอร์สายการบินไหนม่ะค่ะ)
แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ในการบริหารสายการบิน
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
ท่านบอกว่า ปรัชญาในการบริหารที่ท่านใช้ได้เสมอ
ก็คือ องค์กรไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร ไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอน หรือ พิธีรีตองอะไรมากมาย
“ขอเพียงให้ฝ่ายบริหารตระหนักในปรัชญาเดียวกัน และตรงกันว่า
หน้าที่ของฝ่ายบริหาร ก็คือ การสร้างความสุขกาย สุขใจ ให้เกิดขึ้นกับพนักงาน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือก็คือสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นตามมาเอง”
สิ่งที่ท่านประธานคาซูโอ พบหลังจากเข้ามารับตำแหน่ง 6 เดือน คือ
“ผู้บริหารและพนักงาน แบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจน
องค์กรขาดข้อมูล ที่สะท้อนผลประกอบการที่เป็นปัจจุบัน
ความรับผิดชอบของพนักงานก็ไม่ค่อยชัด เกิดภาวะโยนงานไปมา"
รวมทั้ง ความไม่ใส่ใจอย่างแท้จริงของผู้บริหารระดับสูง ที่จะพลิกฟื้นองค์กรอย่างจริงจัง
ส่วนมากจะเข้ามาบริหารเพื่อหวังแต่ผลประโยชน์ ของตนและพวกพ้อง ซะมากกว่า
ถือว่าเป็นองค์กรที่อุ้ยอ้าย ไร้สมรรถภาพ
ผู้บริหารส่วนใหญ่ก็ขาดความรับผิดชอบ
แถมท่านยังเจออีกว่า มีข้าราชการเก่าๆหลายคนที่ใช้เส้นสาย
ลาออกจากราชการก่อนกำหนด เพื่อรับเงินชดเชยก้อนโตๆ
แล้วก็เบียดตัวเองเข้ามาเป็นผู้บริหาร JAL ในอัตราเงินเดือนสูงๆเกินจริง
(ฟังคุ้นๆ อีกแล้วม่ะค่ะ)
ว่าแล้วประธานคาซูโอ ก็ลงมือบริหารเริ่มจัดการความเปลี่ยนแปลงทันที!
โดยท่านกำหนดให้ ผู้บริหารระดับสูงสุดของ JAL 50 คน ต้องเข้า “โครงการอบรมผู้นำ” สัปดาห์ละ 4 ครั้ง รวมเวลาอบรม 17 ครั้ง
เพื่อให้ตระหนักว่า
“ผู้นำที่ดีนั้นเป็นเช่นใด”
งานนี้ ท่านเองทุ่มเต็มที่
มาเป็นผู้ร่วมบรรยายด้วยถึง 6 ครั้ง
ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาว่า
“ผู้นำที่ดีจะต้องมีความรอบรู้ในเรื่องข้อมูลทางการเงิน มีบุคลิกภาพที่ดี
มีความลุ่มหลงในงานที่ทำ และความทุ่มเท เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”
หลังจากนั้น
ท่านก็ฝึกอบรมผู้บริหารในระดับถัดไปจนครบ 200 คน
ประธานคาซูโอ ให้ความเป็นกันเองกับทุกคน ให้พนักงานทุกระดับขอเข้าพบได้โดยตรง เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของพนักงาน
นอกจากนั้น ท่านก็ยังพยายามลดต้นทุน และปลุกจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรของ บ.
ด้วยการติดป้ายราคา สิ่งของและเครื่องใช้ชนิดต่างๆ
ไม่ว่าของนั้น จะดูมีค่าเล็กน้อยในสายคนทั่วไปมากแค่ไหน
อย่าง บนกล่องบรรจุกระดาษถ่ายเอกสาร
ก็ติดป้ายว่า กระดาษแต่ละแผ่น มันราคาเท่าไหร่?
ในห้องน้ำ ก็มีติดป้ายไว้ ว่าทิชชูหนึ่งม้วน ต้นทุนมันมากน้อยแค่ไหน?
ซ้ำตัวท่านยังทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ในการใช้ชีวิตอย่างสมถะ
จะบินไปไหนมาไหนก็ยังนั่งไปในชั้นประหยัดอีกด้วย
(ท่านดีจริงๆ ก้อยงี้ ประทับใจเลย ท่านไม่ได้ดีแต่พูด
ไม่ยักกะเหมือนพวกคนใหญ่คนโต ในรัฐบาลไทยบางคนเนอะ)
ทั้งหมดนี้ ท่านเข้ามาทำงานหนัก แต่ไม่ได้รับเงินเดือน ไม่รับผลประโยชน์ใดๆ
ขอเข้ามาทำหน้าที่อันหนักอึ้งนี้ เพื่อชดใช้ทดแทนบุญคุณแผ่นดิน เพียงอย่างเดียว!!!
รู้แล้วซึ้งใจมากๆ...จนอยาก ขอกราบงามๆ ด้วยความชื่นชมและศรัทธาในความดี
กับการมีใจมารับใช้ชาติของท่านเลยค่ะ
(อดคิดไม่ได้ ทำไม๊ ทำไม การบินไทย ไม่มีอะไรอย่างงี้บ้าง?)
ใครรู้เรื่องนี้แล้ว จะรู้ว่า นอกเหนือจากปรัชญาในการทำงาน
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ใจ”
แค่คิดว่าแก่ ก็คงไม่กล้ารับงานหรือความท้าทายอะไรใหม่
แค่คิดว่ายาก คนทั่วไปก็คงรีบปฏิเสธ
ท่านประธานคาซูโอ ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้
ท่านเป็นตัวอย่างเดินได้ เป็นบทพิสูจน์ที่ยังมีลมหายใจ
และสอนคนทั้งหลายให้ได้รู้ว่า
อย่าลดทอนใจคุณด้วยตัวคุณเอง คนอื่นอาจจะลดทอนใจคุณได้
แต่คนที่จะซ้ำเติมให้เจ็บปวดยิ่งขึ้น
หรือ คนที่จะเดินหน้าไปให้ถึงฝั่งฝัน มันก็คือ "ตัวคุณเอง" นั่นแหละ
ตัวและใจของคุณเท่านั้น จึงสำคัญที่สุด!
เรื่องราวของท่านประธานคาซูโอ เป็นเพียงอีกหนึ่งตัวอย่าง
ที่ก้อยประทับใจ จนต้องแบ่งปันว่า ทั้งอายุ ทั้งประสบการณ์ตรง ไม่ใช่ข้อจำกัด
หากเรา"มีใจและมีไฟ" ที่จะทำอะไรให้สำเร็จ
หากคนอายุเกือบ 80 ยังทำได้!
ก็ขอให้หนุ่มสาวทั้งหลาย
จงมุ่งมั่นทำตามความฝัน และบรรลุเป้าหมาย
ไม่ว่าระหว่างทางจะต้องลำบากมากมายแค่ไหน
ก็สู้กันต่อไปเถอะค่ะ !
(ก้อยก็ยังสาว งั้นเรามาเดินไปด้วยกันเนอะ ^^)
You'll never walk alone
Dr.P'Koi heart emoticon
PS- เรื่องของ JAL มีรุ่นพี่ส่งมาให้ ใครเขียนไว้ไม่รู้ (ขอขอบคุณต้นเรื่องไว้ ณ ที่นี้ เลยค่า)
แต่ ก้อยเอามาเรียบเรียงใหม่ ให้อ่านกันได้เพลินๆ จ้า
ไปอ่านต้นกำเนิดแรงดลใจของก้อยได้ที่
https://leaderswedes...kazuo-inamori…/
CR. FB
เห็นว่าตอนนี้สถานการ์ณของ TG ย่ำแย่หนักมาก เลยนำบทความนึง เกี่ยวกับ JAL ซึ่งเคยประสบวิกฤตทางการเงินหนักมาก หนักกว่า TG เราอีก แต่มีวีรบุรุษที่ขี่มาขาวมากอบกู้ได้ อยากให้ TG เราผ่านสถานการ์ณนี้ไปได้ด้วยดี เหมือน JAL นะครับ