62 replies to this topic

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

Advertisements

กานต์แอร์ บินข้ามภาค เชียงใหม่-หัวหิน และ เชียงใหม่-อุบลราชธานี ทุกวัน ศุกร์ และ อาทิตย์ 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

และเที่ยวบินแรกจาก Hub ดอนเมือง คือ ดอนเมือง-แม่สอด เฉพาะวันจันทร์ 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพื่อทดลองตลาด

ในระยะแรกใช้เครื่องบินส่วนตัว Private Jet แบบ Hawker Beechcraft Premier 1 ขนาด 6 ที่นั่งให้บริการ เหมือนนั่งเครื่องบินส่วนตัวกันเลยทีเดียว เพราะผู้โดยสารแค่ 6 ที่นั่งเท่านั้น กับการบินเพียง 1.10 ชั่วโมง จากเชียงใหม่ สู่เมืองชายทะเลหัวหิน หรือ 1.30 ชั่วโมง จากเชียงใหม่ สู่อุบลราชธานี 

(ในระยะต่อไป จะใช้เครื่องบินแบบ ATR72-500 ทำการบินแทน)

 

 

่ตารางบินเป็นดังนี้ครับ บินเฉพาะวันศุกร์ และ อาทิตย์ 2 เที่ยว/สัปดาห์

เชียงใหม่ - หัวหิน CNX-HHQ K8 821 9.00 - 10.30 น.

หัวหิน - เชียงใหม่ HHQ-CNX K8 822 11.00 - 12.30 น.

เชียงใหม่ - อุบลราชธานี CNX-UBP K8 823 13.50 - 15.20 น.

อุบลราชธานี - เชียงใหม่ UBP-CNX K8 824 16.00 - 17.30 น.

ดอนเมือง - แม่สอด DMK-MAQ K8 831 8.55 - 9.55 น. (เฉพาะวันจันทร์ เริ่ม 25 สค.)

แม่สอด - ดอนเมือง MAQ-DMK K8 832 10.55 - 11.55 น. (เฉพาะวันจันทร์ เริ่ม 25 สค.)

 

 

สวัสดีครับ ในกระทู้นี้ ผมจะพาไปบิน เที่ยวบินข้ามภาค เชียงใหม่-หัวหิน โดยกานต์แอร์ ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางไกลลำดับสอง (รองจากอุบลราชธานี)

จะเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนแรกที่ทางกานต์แอร์ติดต่อเข้ามา เนื่องจากเพิ่งเปิดให้บริการเป็นวันที่ 2 ผู้โดยสารยังไม่เยอะเท่าไหร่ พอมีที่นั่งว่างให้ไปทำรีวิวได้ สามารถเลือกได้ทั้ง หัวหิน หรือ อุบลราชธานี โดยส่วนตัวผม เคยบินไฟล์ทปฐมฤกษ์ เชียงใหม่-อุบลราชธานี ของ FD แอร์บัส A320 เมื่อปลายปี 2554 (บินได้ 1 ปีกว่าก็หยุดบิน ตอนปิด Hub เชียงใหม่ครั้งแรก สิ้น กพ. 2556) ในคราวนี้ก็เลยเลือกบินเส้นทาง หัวหิน แบบไม่คิดมากครับ

 

เพราะส่วนตัวผมชอบทะเล และชอบสนามบินหัวหิน ที่อยู่ติดกับทะเลพอดีนั่นเอง แถมมีถนนลอดผ่านใต้รันเวย์ด้วย ก็เลยจัดไปครับ

ในไฟล์ทที่ 2 ที่บินก็คือ 17 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา เป็นแบบ Quick Turn อยู่สนามบินหัวหินแค่แป๊บเดียว แต่อย่างไรก็จะเขียนถึงวิธีการเดินทางที่หัวหินด้วยเช่นกัน เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับชาวเชียงใหม่ หรือใครที่ต้องการบินไปพักผ่อนที่หัวหินในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

 

 

จองตั๋วเครื่องบินกานต์แอร์ง่ายๆ ที่เว็บไซต์ http://www.kanairlines.com ครับ

ปล. ปกติในเส้นทางนี้ มีสมบัติทัวร์ วิ่งอยู่วันละ 3 เที่ยว โดยใช้เวลาเดินทาง 13 ชั่วโมงครับ

ซึ่งกานต์แอร์ บินตรงใช้เวลาเพียง 1.10 ชม. เท่านั้นเอง เป็นอะไรที่สะดวกสบายมาก เพราะถ้าบินลงกรุงเทพ (ไม่ว่าจะดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิ) แล้วต่อรถไปถึงหัวหิน อาจใช้เวลาบวกเพิ่มไปอีกอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง ไม่รวมรถติดอีก

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

การเดินทางเริ่มที่สนามบินเชียงใหม่ครับ

 

กานต์แอร์ เป็นสายการบินขนาดเล็ก ประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่ มาแทนที่ นกมินิ (SGA) ซึ่งถอนเส้นทางการบินที่ใช้เครื่องเซสน่าออกทั้งหมด

(แต่เป็นผู้ถือหุ้นของสายการบินต้นทุนต่ำแห่งใหม่ ประจำสุวรรณภูมิ คือ ไทยเวียดเจ๊ท ซึ่งมีกำหนดเปิดในปลายเดือนกันยายนนี้

และที่สำคัญ เป็นเจ้าของสนามบินเกาะพะงัน ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอย่างเร่งด่วน มีกำหนดเปิดราวปลายปีนี้)

ให้บริการด้วยเครื่องบินใบพัด Cessna Grand Caravan 208B ขนาด 12 ที่นั่ง 

ในเส้นทางย่อยจากเชียงใหม่ ไปยังเมืองต่างๆ (ที่ไกลสุดคือ ขอนแก่น บินตรงทุกวันเสาร์ ช่วงกลางคืน)

ดังนั้น ด้วยความที่เป็นเครื่องบินเล็ก จึงมีความคล่องตัวค่อนข้างสูงมากครับ และสามารถออกเดินทางก่อนเวลาได้ หากผู้โดยสารครบ

 

 

 

กานต์แอร์มีเครื่องบินขนาดมินิ แค่ 2 ลำ ก็คือ เจ้าเซสน่าตัวจิ๋ว HS-KAB ประจำ Hub เชียงใหม่

และอีกลำก็คือ Private Jet เครื่องบินส่วนตัว Hawker Beechcraft Premier 1 แบบไอพ่นขนาด 6 ที่นั่ง ประจำดอนเมือง

เพื่อให้บริการในธุรกิจเครื่องบินเช่าเหมาลำขนาดเล็ก สำหรับนักธุรกิจ แต่ช่วงนี้อาจจะว่างๆ ก็เลยนำมาให้บริการในเที่ยวบินประจำเปิดใหม่

แค่ชั่วคราว ก่อนที่เครื่องบิน ATR72-500 ที่สั่งไว้จะมาในบริการที่ Hub เชียงใหม่ และ ดอนเมือง-เกาะพะงัน

 

ก็เหมือนเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าครับ เพราะรู้อยู่แล้วว่า เที่ยวบินแบบประจำ ที่มีผู้โดยสารแค่ 6 ที่นั่ง

เป็นอะไรที่คอ่นข้าง Exclusive มาก พิเศษยิ่งกว่านั่งรถตู้ แต่มีความปลอดภัยสูงเพราะเป็นเครื่องบินแบบไอพ่น ที่ทันสมัย

(ลองนึกถึงนะครับ เครื่องบินนี้มีให้บริการแบบเช่าเหมาลำสำหรับ นักธุรกิจ เศรษฐี ที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง แต่กานต์แอร์นำมาให้บริการแบบประจำชั่วคราวไปก่อน ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองกัน)

 

 

ดังนั้น เที่ยวบิน เชียงใหม่-หัวหิน K8 821 กำหนดออก 9.00 น.

จริงๆ เคาน์เตอร์เช็คอินปิด 30 นาทีก่อนเวลาออกเดินทางครับ ผมก็กะไปถึงซัก 8.20 น.

 

ตอน 7.50 น. จนท. โทรมาเรียกแล้วครับ ก็เลยนึกแปลกใจว่ายังเหลืออีกเป็นชั่วโมงเลย บอกว่ามาถึงสนามบินเช็คอินที่เคาน์เตอร์หมายเลข 17 เลยค่ะ

พอตอนมาถึงก็เข้าใจ เพราะผู้โดยสารเที่ยวบินนี้มีแค่ 2 คนเท่านั้นเอง กับเครื่องไพรเวทเจ๊ท โอ้ว !!

ผู้โดยสารอีกท่านมาเช็คอินเรียบร้อยแล้ว กัปตันฝรั่งก็เลยค่อนข้างเร่งนิดนึง แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ สบายบรื๋อ ทันอยู่แล้ว

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เช็คอินโดยใช้บัตรประชาชนเพียงอย่างเดียวครับ

 

จนท.จะให้เลือกที่นั่งด้วยว่า สะดวกนั่งตรงไหน บนเคาน์เตอร์ก็จะมีผังที่นั่งอยู่

แม้จะบินแค่เครื่อง Cessna ลำจิ๋วก็ระบุหมายเลขที่นั่งครับ เช่นกัน บิน Private Jet 6 ที่นั่งก็ระบุที่นั่ง

โดยเครื่อง Private Jet จะจัดที่นั่งแบบ 1-1 เรียง 3 แถว

ที่นั่ง 1A 1B จะนั่งหันหลัง หันหน้าชนกับแถว 2A 2B และ 3A 3B จะอยู่แถวหลังสุด

ซึ่งที่นั่งที่สบายที่สุดคือ 2A และ 2B 

 

 

ถ้าบินมาคู่กัน โดยปกติเขาจะจัดที่นั่งแบบ 1A 2A หรือ 1B 2B จะได้นั่งหันหน้าเข้าหากันได้ครับ

พอเครื่องไต่ระดับได้ ก็สามารถพับโต๊ะออกมานั่งคุยกันได้เลย

ส่วนแถว 3A 3B จะค่อนข้างอาภัพ เพราะอยู่แถวหลัง ค่อนข้างอึดอัดกว่าที่นั่งอื่น

แน่นอนว่า เครื่อง Private jet ในช่วงราวไม่เกิน 3 เดือนนี้จะใช้เฉพาะ 2 เส้นทางจากเชียงใหม่คือ หัวหิน และ อุบลราชธานี เท่านั้นครับ

 

 

แป๊บเดียวก็ได้บอร์ดดิ้งพาสออกมาแล้ว เป็นแบบสลิป (ค่อนข้างลงทุนนะ สำหรับสายการบินเล็กๆ แบบนี้)

ตรงขึ้นไปห้องขาออกด้านบนได้เลยครับ (ก่อนเข้าห้องขาออก ต้องแสดงบัตรประชาชน คู่กับบอร์ดดิ้งพาสด้วย เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัย)

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ไฟล์ท K8 821 เชียงใหม่-หัวหิน พร้อมออกเดินทางแล้วครับ

เรียกขึ้นเครื่องที่ Gate 11 เป็น Bus Gate ชั้นล่าง

 

 

พอลงไปปุ๊บ แน่นอนครับ ผู้โดยสาร โล่งๆ เครื่องบินลำจิ๋วๆ

ช่วงนี้ทำโปรโมชั่น 2,990 บาท/เที่ยวบิน สำหรับ 2 ที่นั่งแรก ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าใครต้องบินประจำ ก็ไม่ได้ถือว่าแพง

อย่าลืมว่า "บินด้วยเครื่องบินส่วนตัว" นะครับ ถ้าเช่าเหมาเองต่างหาก ไม่ใ่ช่ราคานี้แน่ๆ

 

 

ความพิเศษของกานต์แอร์ .... ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็คือ

แน่นอนครับ เขาเป็นสายการบินเล็ก ที่ใช้เครื่องบินขนาดจิ๋วบิน ดังนั้น บนเครื่องบินจะไม่มีลูกเรือ (สจ๊วต หรือ แอร์โฮสเตส) ครับ

จะมีเพียงกัปตัน และนักบินผู้ช่วย และผู้โดยสาร เท่านั้นเอง

 

ดังนั้น .... เจ้าหน้าที่ภาพพื้นจะทำการแจก Snack Box ให้กับผู้โดยสารตรงหน้า Gate 11 นั่นเองครับ

ถือหิ้วไปทานบนเครื่อง หรือจะทานกันที่หน้า Gate ก็ตามสะดวกเลย

 

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ส่วนตัวผม มองว่า ปริมาณของที่อยู่ภายใน อาจจะเหมาะสำหรับเที่ยวบินสั้นๆ ไม่เกิน 30-40 นาที อย่างที่กานต์แอร์

บินด้วยเครื่องเซสน่า แต่สำหรับเที่ยวบินระยะมากกว่า 1 ชั่วโมง อาจจะต้องมีการปรับของที่อยู่ภายในกล่องให้มีมากขึ้น

ผมคิดว่าอย่างน้อยเป็นเบเกอรี่ ร้านแดง หรือ ฝ้าย อาจจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่านี้นะครับ 

(อันนี้ผมมองรวมๆ เปรียบเทียบกับ Premium Airline อื่นๆ เพราะกานต์แอร์ไม่ใ่ช่สายการบินโลว์คอสต์)

 

ของที่อยู่ภายในประกอบไปด้วย

1. น้ำแร่มองเฟลอ 330 ซีซี (แบบเดียวกับที่เสิร์ฟพร้อมกับอาหารร้อน บนเครื่องบินแอร์เอเชียเอ๊กซ์)

2. ขนมเอแคลร์ 2 ชิ้น
3. ลุกอมซูกัส 2 เม็ด

4. หลอดดูด และ กระดาษทิชชู่รองก้นกล่อง

 

สำหรับน้ำดื่มไม่ต้องเป็นห่วงครับ บนเครื่องบิน Private Jet มีน้ำแร่มองเฟลอวางให้ ดื่มตามอัธยาศัยเลย

 

ป๊ะ เกาะรถตู้ไปที่เครื่องกันครับ

 

เครื่องลำน้อยที่จอดอยู่ตรงคาร์โก้ นู้นหล่ะ ใช่เลย

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ถึงเครื่องแล้วครับ

จริงๆ ผมได้ยินว่ากานต์แอร์ มีเครื่อง Private Jet สำหรับเช่าเหมาลำอยู่

ก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ลองบินจริงๆ จังๆ (เคยได้รับการชวนให้ไปถ่ายรูปอยู่)

 

ตอนเดือนมิถุนายน 3 วัน ช่วง 3-4-5 มิถุนายน กานต์แอร์จัดเจ้า Private Jet

ให้บริการในเส้นทาง เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ แทนเจ้าเซสน่า เนื่องจากเหมือนเซสน่าครบกำหนดช่อมบำรุงพอดี

ก็เลยเป็นการคืนกำไรไปยกหนึ่งแล้ว เพราะค่าตั๋วพันกว่าบาท แต่ได้นั่งไพรเวทเจ๊ท

คราวนี้ ตอนแรกที่บอกว่าเปิดเส้นทาง เชียงใหม่-หัวหิน กับ เชียงใหม่-อุบลราชธานี ผมก็นึกสงสัยว่า กานต์แอร์จะเอาอะไรมาบินน๊อ

คงไม่ใช่ เซสน่าแน่ๆ เพราะไกลไปไหม ก็ค่อนข้างทึ่ง ที่กานต์แอร์จัด ลำนี้มาเลยทีเดียว

 

สำหรับสัมภาระ จะใส่บริเวณท้ายเครื่อง ซึ่งปกติกานต์แอร์อนุญาตให้ผู้โดยสารโหลดสัมภาระได้สูงสุด 20 กิโลกรัม/คน ครับ (ไม่รับสัตว์เลี้ยง)

 

มีคนถามผมว่า ..... ลำเล็ก เล็กมาก เหมือน รถตู้บินได้ น่ากลัวไหม ??

ส่วนตัวผม ผมมองว่า เซสน่า อาจจะสั่นกว่า เพราะเป็นเครื่องยนต์ใบพัด

แต่พอได้ลองเจ้า Private Jet แล้ว ไม่ได้ให้ความรู้สึกต่างจากเครื่องบินลำใหญ่เท่าไหร่

ความนิ่ง มีมากกว่า บินเร็วเหมือนกัน และบินอยู่ในระดับความสูงที่พอๆ กัน แต่ด้วยความที่ผู้โดยสารสูงสุดก็แค่ 6 คนจึงเป็นส่วนตัวมากกว่ามาก

พูดง่ายๆ ว่า ผมรู้สึกประทับใจในความนิ่ง มากกว่า ATR72-500 เสียอีก

 

ประจำการทีที่นั่ง 2B แล้ว ผู้โดยสารอีกท่านนั่งที่ 2A ครับ รวมเป็น 4 ชีวิตบนเที่ยวบินนี้

เกิดมา นานๆ ทีจะเจอบินแบบส่วนตัวซะขนาดนี้

(เคยอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่ได้บิน นกมินิ เส้นทาง เชียงใหม่-เชียงราย เมื่อปี 2551 ครับ ก็ 4 คน นักบิน 2 คนและผมกับแฟนบินด้วยกัน )

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เมื่อผู้โดยสารขึ้นเครื่องครบ 

กัปตันฝรั่ง ทำหน้าที่ 1. ปิดประตูเครื่องบิน 2. อธิบายแนะนำการใช้เข็มขัดนิรภัย 3. แนะนำสภาพอากาศในการบินวันนี้ (เป็นภาษาอังกฤษ)

(ระหว่างการเดินทาง จะไม่มีการประกาศใดๆ อีก แต่กัปตันจะหันมาชำเลืองดูความเรียบร้อยตลอด)

 

สำหรับสัมภาระที่ติดตัวขึ้นเครื่องมา สามารถวางไว้ตรงช่องเก็บสัมภาระหลังที่นั่ง 1B ได้ครับ

(ที่นั่งคู่หน้าที่เห็นในภาพ คือทีนั่ง 1A และ 1B จะเห็นว่าจะต้องนั่งหันหลัง มาสบตากับผู้โดยสาร 2A และ 2B

ตามสไตล์เครื่องบิน Private Jet เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถนั่งคุยกันได้ ประชุมกันบนอากาศก็ย่อมได้ ใครจองมา 6 ที่คือจัดปาร์ตี้ส่วนตัวบนเครื่องได้เลย)

 

ก่อนที่กัปตันจะกลับไปนั่ง จะคอยดูว่าผู้โดยสารคาดเข็มขัดได้เรียบรร้อยดีไหม และสามารถปลดล๊อกเข็มขัดได้ด้วยหรือเปล่า

สำหรับเข็มขัด จะเป็นเหมือนกับเข็มขัดรถยนต์คือพาดบ่าด้วย ซึ่งถ้าใครไม่ชอบจะปลดออก คาดแค่เอวก็ได้

แต่ดูจากเครื่องบิน คิดว่าพาดบ่าสบายใจกว่าครับ ด้านข้างจะเป็นโต๊ะพับ และ ... ช่องวางขวดน้ำ มีน้ำแร่มองเฟลอร์วางไว้ เปิดดื่มได้ตามอัธยาศัย

 

ก็ค่อนข้างทึ่งอยู่ครับ กัปตันเป็นทุกอย่างจริงๆ (ถ้าบินเครื่องเซสน่า ใส่หูฟังจะได้ยินบทสนทนาระหว่างนักบินกับหอบังคับการบินด้วย แต่ไพรเวทเจ๊ทไม่ได้จัดตรงนี้ให้) สัญญาณเตือนรัดเข็มขัดดังขึ้น ก็คาดเข็มขัด แล้วก็นั่งไปครับ ทุกอย่างเหมือนปกติ

 

แล้วก็ออกเดินทาง ไม่ต้อง push back ใดๆ หมุนหัวออกได้เลยครับ เครื่องยนต์ทำงานค่อนข้างเงียบ แต่อากาศช่วงแรกๆ จะค่อนข้างอบอ้าวเล็กน้อย

(พอไต่ระดับได้ ก็จะรู้สึกถึงความเย็นทันที)

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ระหว่างเครื่อง taxi อาจจะโยกนิดนึงครับ (ความนิ่งอย่างไร เครื่องใหญ่ได้เปรียบ ณ จุดนี้)

เหมือนที่นั่ง 2A 2B จะอยู่เหนือฐานล้อหลักพอดี

 

และแล้วเราก็ได้เวลาหลังติดเบาะ

กัปตันจะหันมาชำเลือง 1 ครั้ง พร้อมกับชูนิ้วโป้ง เพื่อให้สัญญาณว่าคุณพร้อมแล้วนะ

เมือพร้อม กัปตันก็จะเร่งเครื่องเทคออฟแล้ว

 

เป็นครั้งแรกของผมที่ได้นั่ง Private Jet ครับ ตอนแรกก็รู้สึกว่าเครื่องมันเล็กนะ

แต่ผมก็มีความเชื่อว่า ถึงเครื่องจะเล็กแต่ก็ได้ถูกออกแบบมาอย่างปลอดภัย ไม่งั้นมหาเศรษฐีเขาจะเช่าบิน หรือ มีเป็นของตัวเองไว้ทำไม

เครื่องยนต์ทำงานได้ค่อนข้้างเงียบในความรู้สึกของผม ไม่ได้ดัง หรือหูอื้อเลย วิ่งแค่นิดเดียว ก็ลอยแล้วครับ

 

จะมีอึ้อนิดเดียวก็ตอนที่ล้อพ้นจากพื้นแต่ก็เป็นปกติ เครื่องนิ่่งมากๆ ไม่สั่นไหวเลย ไม่รู้สึกกลัวซักนิด

 

แล้วก็ได้เวลาพักผ่อนครับ บรรยากาศเงียบสงบมาก หลังสัญญาณรัดเข็มขัดดับ สามารถเดินเล่นในห้องโดยสารได้นะครับ

กัปตันก็อนุญาตว่า อยากถ่ายอะไรก็ถ่ายเลย ไ่ม่มีปัญหา

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ได้เวลาสำรวจเคบินกันหน่อยครับ ผู้โดยสารอีกท่านหลับไปแล้ว

1. สำหรับหมอนหนุน อยู่ที่นั่งแถว 3A 3B ครับ ถ้าไม่มีใครนั่งก็เอาหมอนมาใช้ได้ โดยที่นั่ง 2A และ 2B สามารถปรับเอนนอนได้ เหมือนเบาะรถยนต์

คือเอนได้แบบนอนได้เลย

 

2. ที่นั่งแถว 3A และ 3B อารมณ์เหมือนทำมาเพื่อเป็นที่นั่งของผู้ติดตาม (เจ้านาย หรือผู้บริหารนั่ง 2A 2B)

 

3. ระบบความบันเทิง ไม่มีนะครับ แต่บนเครื่องติดนิตยสารให้อ่านเล่นมากพอสมควร

เก็บไว้ตรงกระเป๋าหลังที่นั่ง 1ฺฺB และ 2B เลือกดูได้ครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

บางท่านอาจนึกสงสัยว่า .... บนเครื่องบิน Private Jet จิ่วนี้มีห้องน้ำไหม ??
จริงๆ ตามสเป็ค เหมือนจะมีครับ แต่ด้วยการบำรุงรักษา ก็เลยตัดห้องน้ำออกไป

เป็นเหมือนห้องเก็บของเก็บเอกสารท้ายเครื่องเฉยๆ ดูจากสภาพประตูแล้ว คิดว่าไม่น่าจะใช่ที่สำหรับทำธุระอะไรได้เลย

ชะโงกไปดูเป็นห้องเปล่าๆ ครับ มีแต่เอกสารนิดๆ หน่อยๆ 

 

สรุป ใครบิน อย่าลืมเข้าห้องน้ำที่สนามบินให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่องนะครับ

 

ดูเอกสารแผ่นพับความปลอดภัยกันซักหน่อย

 

และดูตัว Original ที่มากับเครื่องเลย

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

มี .... แผ่นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ แผ่นที่อธิบายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือต้องร่อนลงจอดฉุกเฉิน มีอะไรยังไงบ้าง

ประตูฉุกเฉินคือประตูตรงที่นั่ง 2B ครับ เปิดออกไปได้

 

ส่วนอันล่างนี่ ... ค่อนข้างเทคนิคพอสมควร ผมก็ดูไม่ค่อยจะเป็นแฮะ 555+

รู้แต่ว่าข้างล่างอธิบายว่า มีอะไรอยู่ตรงไหน หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รู้ครับ

 

ลำเหมือนจะเล็ก ดูจิ๋วแต่แจ๋วอยู่ครับ อย่างที่บอกว่า ถ้ามีโอกาส ถ้ามีเวลาบินได้ลองหาโอกาสดูครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ไปทางโซนหน้ากันบ้าง ....

 

แอบดูนักบินบนอากาศ แต่ผมดั๊น ไม่ได้สนใจเรื่องการบินเลย (ขอเป็นผู้โดยสารดีกว่านะ)

ถ้าใครที่รักการบินมากๆ เล่น Flight Sim บ่อยๆ มาเจอของจริงน่าจะตื่นเต้นสุดๆ นะครับ

 

ดูช่องเก็บสัมภาระกันซักหน่อย ใครเอากระเป๋าขึ้นเครื่องติดตัวมาก็ใส่ที่นี่ได้ครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

มาดูอะไรที่ใกล้ตัวกันหน่อย ..... เรื่องม่านบังแสงครับ !!

 

เห็นแกนอะไรนั่นไหมครับ โยกเลยครับ โยก

 

ปิดม่านพรึบ เป็นฉากกันแสงแบบพับอยู่ด้านในนั่นเอง

 

เอาหล่ะครับ พูดถึงเรื่องโต๊ะซักหน่อย

เวลาดึงโต๊ะออกมาต้อง ยกให้แท่นยกขึ้นมาให้สุดก่อน จากนั้นค่อยกางโต๊ะออก

จะได้โต๊ะที่กางสวยงามแบนราบครับ

 

ซึ่งถ้าพยายามกางออกมาเลย โดยไม่ยกแท่นให้ขึ้นมาให้สุด โต๊ะจะเอียง ไม่่สวยอย่างที่เห็น แบบล่างนี้แปลว่ากางผิดครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ผมก็หิ้วเจ้า snack box มานั่งกินบนเครื่อง (อย่างที่บอกว่า ถ้าจัดเยอะกว่านี้จะดีมาก แต่ก็ดีแล้วครับ บนเครื่องไม่มีห้องน้ำ !!)

 

ชมวิวด้านนอกกันครับ สบายตาๆ

 

สำหรับเส้นทางการบิน จะบินไปทางภาคตะวันตก ผ่านทิศตะวันตกของกรุงเทพ ช่วงนครปฐม แล้ว ผ่านกลางจังหวัดสมุทรสงครามออกอ่าวไทยครับ

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เครื่องบินเริ่มลดระดับลงแล้วครับ ประจำที่รอชมวิวดีกว่า

ถึงแม่กลอง สมุทรสงครามแล้ว มองออกไปน่าจะเห็น แม่น้ำแม่กลอง ตลาดน้ำอัมพวา ด้านขวามือน่าจะเห็น ตลาดน้ำดำเนินสะดวกด้วย !!

 

แล้วก็โฉบผ่านดอยหอยหลอด ก่อนออกอ่าวไทย

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

บินผ่านแหลมผักเบี้ย โฉบๆ อ่าวไทยไปนิดหน่อยเท่านั้น

 

ก็บินผ่านเมืองเพชรบุรี เห็น เขาวังไหมครับ

 

ลดระดับลง สัญญาณเตือนรัดเข็มขัดขึ้น กัปตันหันมาดูว่าเรียบร้อยดีไหม พร้อมสัญญาณ ชูนิ้วโป้งให้เหมือนเดิม

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เตรียมตัวลงกันจ้ะ รัดเข็มขัด

รู้สึกว่าความกดอากาศเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

 

ร่อนลงจอดทางทิศเหนือนะครับ ตรงปลายรันเวย์ฝั่งที่มีถนนเพชรเกษมลอดนั่นหล่ะครับ

 

ว่าไปผมก็ยังไม่เคยลงหัวหินมุมนี้แฮะ เคยลงแต่ฝั่งทะเล

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

นิ่งแบบสุดๆ ลงแตะพื้นแล้วจ้ะ เบรกนิ่งอยู่นะ

 

ไปจอดที่อาคารผู้โดยสาร นู้นนน ครับ

 

ถึงแล้วครับ ท่าอากาศยานหัวหิน เดี๋ยวลงไปข้างล่าง เช็คอินขากลับกันครับ

แปลกดี ไม่มีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นอยู่ดีเลย กัปตันจอดเครื่องเอง เปิดประตูเอง ผู้โดยสารลง เดินเข้าอาคารกันตามอัธยาศัยจ้ะ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

Welcome to Hua Hin Airport

 

ถ้ามาวันศุกร์ น่าจะได้เจอกับ ATR72-600 ของสิงโต หาดใหญ่-หัวหิน-หาดใหญ่ แน่ๆ

 

เดี๋ญวกลับมาใหม่ครับ

 

เห็นแบบนี้ไม่ต้องนกใจครับ เป็นประตูอัตโนมัติ เดินไปเดี๋ยวก็เปิดเอง

 

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

สายพานนี้ คงใช้สำหรับเที่ยวบินสิงโต ... แต่ก่อนตอนนกมินิ เอา Saab 340 มาบิน ดอนเมือง-หัวหิน ก็คงได้ใช้สายพานเช่นกัน

 

ส่วนของกานต์แอร์ไม่ต้องครับ เปิดท้ายรถ เอ้ย ท้ายเครื่อง เอากระเป๋าลากไปได้เลย

 

ออกมาด้านนอก ก็จะเห็นเคาน์เตอร์เช็คอินอยู่ สำหรับกานต์แอร์ ติดต่อที่บูธขายตั๋วได้เลยครับ

 

ส่วนอันนี้ก็คืออดีตของน้องนกที่นี่ !!