65 replies to this topic

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

Advertisements

We Treat You like an Angel คือ สโลแกนใหม่ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ตามแคมเปญ "Service with Passion" (แพชชั่นนะ ไม่ใช่ภัสสร !!)

หรือการบริการด้วยใจ และที่แน่นอน ปี 2014 นี้ บางกอกแอร์เวย์ส ได้รางวัลใหญ่จาก Skytrax ถึง 2 รางวัล
นั่นก็คือ World's Best Regional Airlines และ Best Regional Airlines - Asia หลังจากที่พลาดตำแหน่งมา 4 ปี (2010-2013)

 

 

ทริปนี้ก็เป็นหนึ่งในทริป Thailand Boutique Awards Seasons 3 ปี 2014-2015 โดยบัตรเครดิต KTC หรือ บริษัทบัตรกรุงไทยจำกัด (มหาชน) โดยได้รับการสนับสนุนการเดินทางจาก สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และ บริษัทรถเช่า ไทยเร้นท์อะคาร์ ส่วนตัวผมได้รับมอบหมายให้ไปทำรีวิวโรงแรมสุดท้าย จากทั้งหมด 7 แห่งที่ได้รับมอบหมาย คือ โรงแรมปานวิมานเกาะช้างรีสอร์ท และแ่น่นอนว่า การเดินทางจากเชียงใหม่ ก็ต้องเป็นบางกอกแอร์เวย์ส ลงสนามบินตราด ซึ่งเป็นสนามบินอีกแห่งหนึ่งของบางกอกแอร์เวย์สนั่นเอง โดย บางกอกแอร์เวย์ส ทำการบิน สุวรรณภูมิ-ตราด 3 เที่ยวบิน/วัน

 

 

การเดินทางของผม เริ่มต้นที่เชียงใหม่

เลือกไฟล์ทเช้าสุด PG222 CNX-BKK 6.55 น. ถึงสุวรรณภูมิ 8.15 น.
จริงๆ มีเที่ยวบิน PG301 BKK-TDX เวลา 8.45 น. แต่ minimum ในการ connecting flight ต้องอย่างน้อย 75 นาทีขึ้นไป ก็เลยจำเป็นต้องเลือกเที่ยวบินถัดจากนั้น คือ PG305 BKK-TDX เวลา 11.45 น. รอที่สุวรรณภูมิก็นิดๆ หน่อย 3.30 ชั่วโมง โหลดกระเป๋าเช็คอินทรูจากเชียงใหม่ รับกระเป๋าที่ตราด

ส่วนเที่ยวบินขากลับ ต่อแบบง่ายๆ ครับ PG308 TDX-BKK เวลา 18.40-19.40 น. แล้วต่อด้วย PG221 BKK-CNX เวลา 21.05 - 22.20 น. รอไม่นาน

 

ลองไปอ่านกันนะครับว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไม Angel ถึงได้โดนถีบออกจากเล้าจน์ !! 

และการที่ Flight Cancelled แบบกระชั้นชิดมากๆ บางกอกแอร์เวย์ส ได้ดูแล Angel ทั้งหลายอย่างไรบ้าง ??

 

เช้านี้ที่สนามบินเชียงใหม่ ผมมาถึงสนามบินเวลาราว 5.50 น. ครับ ฟ้ายังไม่สว่างดีเลย

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ลากกระเป๋าไปเช็คอินเคาน์เตอร์บางกอกแอร์เวย์ส ครับ

แจ้งไปเลยว่า เช็คอินเข้ากรุงเทพต่อไปตราด โดยอย่าลืมแจ้งหมายเลขเทียวบินด้วย จนท. ก็จะ print tag กระเป๋า ยิงยาวให้

ไปรับกระเป๋าที่สนามบินตราดกันเลย ได้บอร์ดดิ้งพาสมาทั้งหมด 2 ใบ ส่วนอีกใบหนึ่ง สำหรับผู้โดยสารสมาชิก FlyerBonus ระดับ Premier หรือ Blue Ribbon Class จะได้รับคูปองสำหรับไปแลกอาหารที่ร้านที่เข้าร่วมรายการ มูลค่า 250 บาท ซึ่งผมก็ได้ฤกษ์ไปถลุงที่ McDonald's ในสนามบินนั่นเอง

 

มีหลายๆ ท่านบอกว่า คุ้มกว่าได้เข้าเล้าจน์ Blue Ribbon Class อีก ทั้งนี้ ทั้ง 2 เล้าจน์ที่เชียงใหม่ปิดปรับปรุงถึง 31 สิงหาคมครับ

ส่วนตัวผม ก็เป็นอานิสงค์ของทริป TBA ก็เลยได้ลองเข้าเล้าจน์ BRC และได้รับสิทธิพิเศษนี้ เลยได้ตุ๊กตา McDonald's กลับบ้านเลย

 

สำหรับเล้าจน์ชั่วคราว ที่อยู่ทางเดินไปอาคารระหว่างประเทศ ก็มีของว่างครบเครื่องครับ ตอนนี้เสิร์ฟขนมเป็นชิ้นๆ แล้ว เลือกหยิบได้ตามอัธยาศัยเลย

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

น่าจะกลายเป็นสัตว์ประจำจังหวัดเชียงใหม่ไปซะแล้ว เนาะ !!

 

เอาหล่ะครับ ได้เวลาตรงดิ่งไปรอขึ้นเครื่องกันแล้ว วันนี้ Gate 5

 

ลงไปเดินเล่นข้างล่าง พบนังสิงโต ที่จอดนอนค้างคืน กำลังเตรียมกลับกรุงเทพรอบ 6.50 น. 

ผู้โดยสารสิงโตไม่น้อยเลยนะครับ เพราะพี่แกทำราคาเร้าใจตลอดจริงๆ ถูกสุดละ โดยเฉพาะคนที่เดินทางแบบกระชั้นชิด

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ไฟล์ทเปิดสนามบินเชียงใหม่คือ แอร์เอเชีย เชียงใหม่-ฮ่องกง เวลา 6.00 น.
ตอนนี้เครื่องจะจอด Bus Gate นะครับ เช่นเดียวกับไฟล์ท เชียงใหม่-ภูเก็ต รอบ 11.35 น. ก็จะเรียกที่ Bus Gate 12 เช่นกัน

ในขณะที่ไฟล์ท เชียงใหม่-หาดใหญ่ รอบเช้า 6.45 น. เครื่องจอดนอนเทียบงวง Gate 7 (ใช้เครื่องลำที่บินจากหางโจว กลับมาถึงเชียงใหม่ตอนตี 2 กว่า)

 

อีกไม่นานภาพนี้ก็จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ หลังจากเช้าวันที่ 31 กรกฎาคมไป ก็จะไม่มีภาพนี้อีก

เพราะป้า AB6 หรือเครื่องแอร์บัส A300-600 ของการบินไทยถูกปลดระวางไปนั่นเอง จะกลายเป็นคุณทวด B737-400 มาจอดนอน

เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับหลานๆ A320 และ B737-900ER 

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ลืมพูดไปว่า วันนี้ บินกับเครื่องแอร์บัส A320 ทะเบียน HS-PPJ ครับ

เป็น A320 ที่ทำสีละม้ายคล้าย A319 มาก และเป็นหนึ่งในแก๊งค์มือ 2 ยุคข้าวยากหมากแพงของบางกอกฯ

ภายใน ยังคงไม่ได้รับการปรับปรุง แต่จุดเด่นของเครื่องลำนี้คือ "เบาะบางมากกกก" ครับ

 

และแน่นอน ในแก๊งค์มือสอง ก็จะไม่ได้เจอวีดีโอเดโม่ สาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์นิรภัยต่างๆ ดูในคลิ๊ปยูทูป ก็ได้ เฮอะๆ

 

ดูโฆษณาไปก่อนแล้วกันเนอะ ..... ผมบอกได้คำเดียวว่า ตอนโดนถีบออกมาจากเล้าจน์นี่ โคตรเคืองเลย 555+

 

อ่ะ โฆษณาอีกชุด จัดไป !!

http://www.youtube.com/watch?v=4c43WKFcn4c

 

ถอยออกไปละครับ

 

สำหรับอาหารเช้าบนเครื่องบางกอกแอร์เวย์ส จากเชียงใหม่ โยเกิร์ตเป็นดัชชี่ครับ (ถ้าออกจากกรุงเทพ จะเป็นโยเกิร์ตโฮมเมด แสนอร่อย)

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ส่วนตัวผมมองว่า แซนวิชไข่นี่เป็นชิ้นเป็นอันมากครับ รสชาติดีด้วย

 

รับชมโฆษณากันอีกแป๊บ จัดไป !!

 

แป๊บเดียวก็ถึงสุวรรณภูมิแล้วครับ จอดคู่กับน้องยิ้ม Thai Smile A320 Sharklets

ก็ไม่รู้ว่าจะต้องย้ายไปดอนเมืองแบบ 100% หรือ Operation อยู่ 2 เบส แต่ผมว่าถ้าจะแบ่งเป็น 2 เบสก็ดี

แต่ถ้าย้ายไป 100% ก็เตรียมตัวโดนนกจิกตายได้เลยจ้ะ เตรียมขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ บ้ายบายยยย

เพราะนกเค้าก็แกร่งไม่เบา และป้าจะปล่อยให้ลูกสาวคนโต กับคนเล็ก ไปตีกันที่ดอนเมืองทำไม?

 

ดูโฆษณาของ Thai Smile แป๊บ ทำออกมาได้คล้าย VX Safety Video มาก (ของเวอร์จิ้นอเมริกา ที่เต้นกันสนั่นหน่ะครับ)

 

วันนี้ก็ Bus Gate ครับ แต่ต้องรอให้ทุกคนลงจากเครื่องขึ้นรถครบก่อน รถบัสถึงจะออกพร้อมกันทั้ง 2 คันครับ

 

มองออกไป แว๊บๆๆ คุณองครักษ์ โบอิ้ง 787-8 Dreamliner ทำการบินไฟล์ท TG102 ไปเชียงใหม่แล้วววว เธอช่างงามสง่ายิ่งนัก

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ทุกอย่างก็เหมือนจะเรียบร้อยดีใช่ไหมครับ ?? เตรียมตัวต่อเครื่องไปตราด

 

วันนี้ไฟล์ท PG305 ฺBKK-TDX รอบ 11.45 น. จะเรียกขึ้นเครื่องที่ Gate A2A ไม่ไกลจากเล้าจน์ Blue Ribbon เท่าไหร่เลย สบายๆ จิ๊บๆ 

 

และเมื่อเหลือบไปดูก็พบว่่า ... ไฟล์ท PG301 BKK-TDX ดีเลย์จาก 8.45 น. เป็น 9.20 น. ครับ

ส่วนตัวผม กับเซนส์ เรื่องการบิน ผมไม่ค่อยจะพลาดเท่าไหร่ หนังตาผมกระตุกครับ !!

 

ผมรู้สึกอะไรแปลกๆ บางอย่าง และสิ่งที่ผมพยายามจะทำคือ

ขอเลื่อนไฟล์ทมาเป็นรอบ PG301 ที่ดีเลย์ออกมานี้ จะเป็นไปได้ไหม ??
(คือ ตั๋วเป็น Class Y เลยครับ จึงสามารถเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้อยู่แล้วตามเงื่อนไขตั๋ว แต่ผมไม่แน่ใจเรื่องกรอบเวลาเพราะเวลากระชั้นชิดมาก)

 

จริงๆ ก่อนหน้านั้น ผมก็รู้สึกตะหงิดๆ มาประมาณ 2-3 วันก่อนเดินทาง

คิดว่า จะยอมบิน CNX-BKK ตอนกลางคืน จ่ายค่าโรงแรมแบบทริป THS ที่แล้ว เพื่อต่อ BKK-TDX ตอนเช้าด้วยซ้ำ

แต่ทว่า วันที่ 25 ผมเพิ่งจะบิน CNX-BKK กับน้องดรีม และ DMK-CNX กับว่าที่นกสกู๊ตไป ถ้าบิน CNX-BKK อีกไฟล์ทที่ 3 ของวันก็เป็นลูกเรือได้ละครับ !! ก็เลย โอเค บินเช้า 26 เหมือนเดิม CNX-BKK-TDX รอ 3.30 ชม. ก็ไม่เป็นไร ช่างมัน !!

 

ผมได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่เล้าจน์ Blue Ribbon (เวลาราว 8.50 น.) ว่าจะพอเป็นไปได้ไหมว่า

จะขยับให้ ทั้งนี้ กระเป๋าเสื้อผ้าไม่ซีเรียส ตามไปทีหลังได้ แต่อยากไปถึงก่อน

จนท.เล้าจน์ ก็ได้วิทยุ สอบถามกับเจ้าหน้าที่ด้านนอก จนท. แจ้งว่า ไฟล์ท PG301 ปิดระบบไปแล้วคร่ะ ....

จนท.เล้าจน์ ก็บอกว่า งั้นก็รอก่อนดีกว่าค่ะ โอเคครับ ก็คงต้องรอไปตามนั้น

 

และแล้วไฟล์ท PG301 ก็ทะยานออกจากสุวรรณภูมิไป เวลา 9.20 น. ดีเลย์ไป 35 นาที

ส่วนตัวผมก็ยังคงนั่งอยู่ที่เล้าจน์ Blue Ribbon เพื่อรอไฟล์ท PG305 เวลา 11.45 น. ครับ

 

สำรวจเล้าจน์กันหน่อยเนอะ !!

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ในเล้าจน์ blue ribbon อาหารการกินก็ดูสมบูรณ์พูนสุขเหมือนทุกครั้ง 

แต่ก็จะเป็นครั้งท้ายๆ ที่ผมจะได้มาแล้วครับ หมดโครงการ TBA ก็กลับไปเข้าเล้าจน์ คุณค่าที่คุณคู่ควร (เล้าจน์ชั้นประหยัด) ต่อไป 555+

 

ข้าวต้มมัดอันเลื่องชื่อ !!

 

และเมนูอาหาร ที่สามารถสั่งกับเจ้าหน้าที่ได้ครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

อาหารมื้อเช้า ในเล้าจน์ ก็ตามเมนู Signature ของ Blue Ribbon Lounge นั่นก็คือ

 

ข้าวต้มหมูบะกุ๋ตเต๋ นั่นเองงงงง (เสิร์ฟ 4.00-10.00 น. หลังจากนี้จะเป็นบะหมี่เป็ดโฟร์ซีซั่น)

ส่วนเมนู เกี๊ยวกุ้ง (แช่แข็ง) สามารถสั่งได้ตลอดวันครับ

 

รสชาติก็โอเคครับ พอทานได้อยู่นะ

 

สำหรับติ่มซำ และของหวาน เบเกอรี่อื่นๆ ก็หยิบได้ตามอัธยาศัยเลยครับ

 

ผมเลือกที่จะมากบดานอยู่ในห้องเล็กๆ ด้านหลัง เพราะมีประตูปิด ดูเป็นส่วนตัวดีครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ถึงจุดไคลแมกซ์ ของกระทู้แล้วครับ !!

เมือนางพญายมบาล เอ้ย จนท.เล้าจน์ เคาะประตู .... เวลา 10.00 น. เป๊งงงงง 
 

"สวัสดีค่ะ ใช่ผู้โดยสารไฟล์ท PG305 ที่จะเดินทางไปตราดใช่ไหมคะ?"

 

"ใช่ครับ มีอะไรเหรอครับ"

 

"พอดีเที่ยวบินนี้ถูกยกเลิกคร่ะ"

 

"หาาาาาาาาาา"

อึ้งครับ ไปต่อไม่ถูกเลย ทั้งๆ ที่บินสายการบินโลว์คอสต์มาก็เยอะมาก แต่ไม่เคยเจอเจ้าไหนที่ประกาศยกเลิกก่อนเวลาออกเดินทางแค่ 1.45 น.

ถ้าจะยกเลิกเพราะเครื่องมีปัญหา คือ แจ้งกันหน้า Gate ตรงนั้น หรือขึ้นไปแล้วและต้องลงมาใหม่

Angel ถูกถีบเข้ากลางหน้าผาก 1 ยกไปแล้วจ้า

 

 

พอดีว่าเครื่องบินเสียค่ะ (แหม ก็เข้าใจพูดนะ อันนี้ฮับสุวรรณภูมิหรือเปล่า??) เรามีทางเลือกให้เลือกสองช้อยส์ค่ะ

1. เลื่อนไปบิน PG307 BKK-TDX รอบ 17.10 น. บินตอนเย็นได้เลย (เอ่อ ไปถึงเกาะช้างฟ้ามืดพอดี ไม่ต้องทำไรกินกันละครับ)

2. เดินทางด้วยรถ !! ก็คงใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง กว่าจะถึง เตรียมตัวง่อมได้เลยจ้า !!

 

ขอเวลาคิดแป๊บนึงนะครับ เอาไงดี เพราะต้องไปทำงานรีวิวโรงแรมในโครงการ TBA ด้วย ไม่ใช่ไปเที่ยวเล่น

ถ้าไปเที่ยวเล่น ก็คงเลือก PG307 รอบเย็น แบบไม่คิดมาก เพราะไปถึงค่ำหน่อยยังไงก็ได้ แต่อันนี้โรงแรมรอเราอยู่นะ

ถ้าไปถึงมืด จะถ่ายรูปอะไรได้ !!!

 

 

สรุป เราจะนั่งรถครับ จนท.เล้าจน์ก็ต่อสายคุยกับ จนท. ข้างนอกแล้ว ขั้นตอนต่อไปไปก็คือ 

1. ไปรับกระเป๋าที่สายพาน หมายเลข 1 เพราะต้อง off load กระเป๋าออกจากระบบ

2. ขึ้นไปชั้น 4 ขาออก Row F เคาน์เตอร์ F22 เพื่อยืนยันการยกเลิกการเดินทาง !!

 

เอาหล่ะครับ เหมือนโดนถีบออกจากเล้าจน์เลย แต่ไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินคอตกไป 555+

ผ่านเคาน์เตอร์บริการของว่าง Gate A7 สำหรับผู้โดยสารทุกคน เดี๋ยว 1 สิงหาคมเล้าจน์ชั้นประหยัดก็จะเปิดละครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เดินแบบ หมดอาลัยเลยนะ นั่งรถ 4 ชั่วโมง !! กับนั่งเครื่องบิน 40 นาที มันต่างกันเด้ออออออออ

แต่เพื่องาน Blogger หรือนักรีวิวที่ดี ต้องมีความรับผิดชอบและต้องมี Spirit ณ จุดนี้ครับ

 

สายพานหมายเลข 1 เงียบกริบครับ ก็เลยต้องติดต่อออฟฟิศที่ดูแลเรื่องกระเป๋า

 

แอ่่นแอ๊นนน ต้องเดินไปรับที่ช่อง Z อยู่ดี กระเป๋าเริ่มมาแล้ว แต่เป็นของคุณฝรั่งแฮะ ต่อเครื่องเหมือนเราเลย

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

นี่ไงครับ บิน PG222 ต่อด้วย PG305 เหมือนเราเด๊ะๆๆ เลย

 

ขึ้นไปชั้น 4 ครับ Row F แถว F22 ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย คนเยอะมากกกกกกก

 

พอแสดงตนเรียบร้อยปุ๊บ จนท.นำบอร์ดิ้งพาสไป แล้วก็สอบถามว่ายืนยันจะเลือกช้อยส์รถยนต์ใช่ไหม

แล้วถามว่า จะเดินทางไปที่ไหน ผมก็แจ้งว่าจะไปลงที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ ต่อไปเกาะช้าง

ทีนี้ จนท. ยืนโทรศัพท์ซัมซุง Galaxy Note 8 มาให้ผมเซ้นต์ชื่อ รับเงินชดเชยในกรณีที่ถูกสายการบินยกเลิกเที่ยวบิน 

ตามกฎของกรมการบินพลเรือน คนละ 1,200 บาท จ่ายสดทันที

 

สำหรับผู้โดยสารทุกคน จะได้รับเงินคืน "เต็มจำนวน" ทันทีครับ

แต่เคสของผม ไม่เหมือนคนอื่น เพราะเป็นตั๋วเครื่องบินที่ได้รับการสนับสนุนจากทางบัตรเครดิต KTC

โดยใช้ระบบ Barter ระหว่าง KTC และ Bangkok Airways ดังนั้น เรื่องเงินจะต้องคืนเข้าทางเจ้าของเงินคือ KTC ครับ

ผมก็จะไม่ได้ชดเชยในจุดนี้ และก็ต้องนั่งรถไปทำงานอีก 4 ชั่วโมง 555+

ว่าไปก็เหนื่อยอยู่นะ ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวนี่ครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ข้อมูลเบื้องต้นที่ผมได้รับก็คือ
1. มีผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบราว 10 กว่าคน ?

 

แปลว่า ..... ไฟล์ทนี้มีผู้โดยสารแค่ 10 กว่าคนเท่านั้นใช่ไหมครับ ? จะอยู่ได้อย่างไรนี่ ??

 

2. แล้วทำไมบางกอกฯ ถึงต้องทนบินด้วย จริงๆ ลดเที่ยวบินเหลือ 2 เที่ยว/วัน สาย-เย็น เอาคนแน่นๆ ก็ได้

 

เท่าที่ครบคือ จนท.หลายฝ่าย ยืนยันตรงกันว่า เป็นเพราะ Technical Problem เครื่องบินมีปัญหาจริงๆ

เพราะปกติไฟล์ท PG305/306 แม้ผู้โดยสารจะน้อย หรือเหลือแค่คนเดียวก็บิน (สรุปง่ายๆ คือผมซวยเองใช่ไหม ?)

ทั้งนี้ ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าบางกอกเซ้ตตารางบินเป็น 10 โมงเช้าจากกรุงเทพ จะได้ผู้โดยสารต่อเครื่องจากเชียงใหม่ และภูเก็ต ด้วยครับ

ไม่ต้องรอถึง 11.45 น. ผู้โดยสารก็มีมากขึ้น บางกอกก็คุ้มค่าขึ้น แต่สนามบินอาจจะใช้ไม่คุ้มเท่าไหร่ ?

 

3. สิ่งที่ผมสงสัยว่า ทำไมการยกเลิกเที่ยวบินนี้ ถึงแจ้งล่วงหน้าเพียง 1.45 ชม. และยกเลิกได้ง่ายดายขนาดนั้น ?

แน่ใจนะครับว่าไม่ใช่เหตุผลเพราะ Commercial Reasons ??

อย่างสายการบินโลว์คอสต์อื่นๆ ก็มีการยกเลิกเที่ยวบินตามฤดูกาล แต่ประกาศทีล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ยกเลิกทีละหลายสิบเที่ยวบินจนบางคน

ก็ชอบเอาไปสร้างเป็นกระแสว่าทำไมยกเลิกเยอะ แต่ข้อดีที่ผู้โดยสารได้รับก็คือ สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ ไม่ใช่ว่ารู้ตัวกันหน้างาน

แบบมัดมือชก เสียการเสียงานกัน

 

และ เครื่องเสีย แบบไม่มีเครื่องสำรองเลยหรอ ? ที่นี่ Hub สุวรรณภูมินะครับ ไม่ใช่ต่างจังหวัดบ้านนอกไม่มีเครื่องของตัวเอง ??

ถ้าเที่ยวบินจะต้องดีเลย์ออกไปเล็กน้อย ทำไมถึงไม่ยอมให้เครื่องดีเลย์ เพราะรอเครื่องบินขาเข้า แต่เลือกที่จะยกเลิกไปเลยหล่ะ ??

-- มี จนท.บางท่านอ้างว่า PG301/302 ก็ดีเลย์ออกมาเพราะเครื่องมีปัญหา 

สิ่งที่ผมสงสัยต่อไปก็คือว่า หมายถึงเดิมที PG305/306 จะต้องใช้เครื่องต่อจาก PG301/302 ใช่หรือไม่ ??

(จากที่สอบถามลูกเรือ ลูกเรือบอกก็ไม่แน่ไม่นอน บางทีก็ไม่ บางทีก็ใช่)

และถ้าเป็นเครื่องลำเดียวกันจริง ไฟล์ท PG301/302 ก็ต้องควรจะถูกยกเลิกไปด้วยใช่ไหม หรือดันทุรังบินไป ??

 

สรุปว่า ผมบอกตรงๆ ว่าผมคาใจในเรื่องนี้มากจริงๆ ครับ !!

 

เอาหละ่ครับ หลังจากที่รอผู้โดยสารท่านอื่นๆ ด้วย เราก็ไปรถตู้กัน วันนี้มีผู้โดยสารไปด้วยกันรวม 6 คน

 

เป็นรถตู้ของ AOT Limousine ที่ทางบางกอกแอร์เวย์ส จ้างให้ไปส่งผู้โดยสารที่ตราดครับ

ข้อเสียของรถคันนี้ก็คือ "ไม่่มีม่าน" แดดส่องตลอดทาง

และ สิ่งที่ผมเห็นคือ จนท.กราวน์ ของบางกอกฯ ก็ได้บอกโชเฟอร์แล้วว่า แต่ละคนลงไหนกันบ้าง

 

แต่สิ่งที่ผมพบก็คือ พอโชเฟอร์ขึ้นมาบนรถ โชเฟอร์ถามกับทุกคนอีกครั้ง (อันนี้คิดในแง่บวกว่ารีเชิ็ค)

บนรถก็มีผู้โดยสาร 6 คน เป็นผมกับแฟน 2 คน พี่ผู้หญิง ต้องรีบไปทำธุระที่เกาะช้าง 1 คน และพี่ผู้ชายบ้านอยู่ตราด 1 คน

ส่วนอีก 2 เป็นสามี-ภรรยา ชาวต่างชาติ เจ้าของกระเป๋าภาพบนๆ ทีเ่ช็คอินออกมาจากเชียงใหม่เหมือนกันนั่นเองครับ

 

รถออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 11.37 น. พอดี ก็ถ้าไฟล์ท PG305 ได้ออกก็คงออกเวลาใกล้ๆ นี้หล่ะครับ น่าเสียดาย

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

นั่งไปแบบโยกๆ + รถติดตรงมอเตอร์เวย์วันเสาร์

ก็แวะจุดแรก ที่ปั๊ม ปตท. ก่อนถึง อ.แกลง จ.ระยองครับ ผ่านไปชั่วโมงครึ่งพอดี

 

โชเฟอร์บอกว่า มาได้เกือบครึ่งทางแล้วววว

 

ผมก็หลับไปอีกพักใหญ่ จนถึง ปั๊ม ปตท. ก่อนถึงทางแยกไปสนามบินตราด พี่ผู้ชาย กับพี่ผู้หญิงลงที่นี่

เหลือแค่ ผมกับแฟน และคู่สามี-ภรรยาต่างชาติ

ผมย้ำว่าให้ไปส่งที่ ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ อีกครั้งหนึ่ง มาถึงละครับ ขณะนี้เวลา 15.20 น. ก็เกือบๆ จะ 4 ชั่วโมงจากสุวรรณภูมิ

 

เนื่องจากผมจำไม่ได้หรอกว่าต้องซื้อตั๋วที่ไหนยังไง เพราะมาครั้งสุดท้ายก็ปี 53 แล้ว

โชเฟอร์รีบออกตัว (แบบแปลกๆ) ก่อนเลยว่า เขาไม่ได้มาที่นี่ 2-3 ปีแล้ว แทบจำทางอะไรไม่ได้เลย ?!?

(ผมนึกในใจ เห้ย AOT Limousine จ้างคนแบบนี้มาได้ไงฟระ ค่าจ้างเที่ยวนี้ one-way จากสุวรรณภูมิถึงตราด คิด 7,200 บาทนะครับ !!)

 

สิ่งที่อีตาโชเฟอร์ ทำ ทำอย่างไรรู้ไหมครับ ??

มันรีบเลี้ยวเข้าไปหาร้านอาหาร + เอเจ้นท์ขายตั๋ว ที่โบกไม้โบกมือเรียกเลย !!!

พูดง่ายๆ เหมือนเอาลูกหมูในคอก(รถตู้) ไปยืนเข้าปากจระเข้ อ้าปากรอรับเลย

 

 

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เอาหล่ะครับ 

ตอนนี้ "Angel" แปลงสภาพเป็น "ลูกหมู" ที่เจอ "จระเข้" อ้าปากรอแล้ว !!

 

รถตู้จอดสนิท ลูกหมู(ผม)เปิดประตูออกไป เจอจระเข้เพศเมีย ถามว่าจะไปไหน เกาะช้างหรือเปล่า
ผมบอกว่า ใช่ผมไปเกาะช้าง แต่ คุณฝรั่ง 2 คน (ผู้โดยสารสามี-ภรรยาชาวต่างชาติที่มาด้วยในรถตู้นี้) นี้จะไปเกาะหมาก !!

 

จระเข้เพศเมียบอกว่า ต้องไปขึ้นที่ "ท่าเรือแหลมงอบ" (จริงๆ ฝรั่งพูดมาตั้งแต่เคาน์เตอร์ PG ช่อง F22 แล้วว่า เขาจะไป "แหลมงอบ" แต่บรรดาเจ๊ๆ PG ไม่รู้จักว่าอยู่ทีไ่หน เพราะ .... ผมยืนอยู่ตรงนั้น ผมได้ยินหมด ฝรั่งก็อธิบายต่อว่าฮีจะไปเกาะหมากกกกกกกก)

 

จระเข้เพศเมียบอกต่อว่า หนทางที่ไปลำบากมากเลยนะ กลัวว่าจะหลง เรือเที่ยวสุดท้ายออก 16.00 น. ด้วย ตอนนี้ 15.20 น. แล้วกลัวไม่ทัน !!

1. ชีคิดค่า Transfer 500 บาท ??
2. มีอีกออฟชั่นหนึ่ง ให้ staff ของชี (เด็กในร้านชีนั่นหล่ะ) ไปนำทางด้วย คิด 200 บาท ??

 

ผมก็แปลให้ฝรั่งฟัง อีโชเฟอร์ก็เริ่มตีมึน (คือจริงๆ มันตีมึนมาตั้งแต่สุวรรณภูมิแล้ว !!)

ปรากฎว่า อีจระเข้เพศเมีย พยายามคุยกับฝรั่ง บอกว่า มายสตาฟต้องไป-กลับ ดังนั้นขอชาร์จยู 400 บาทนะ

 

"เห้ย อีจระเข้เพศเมีย คิด 400 บาทกับฝรั่งได้ไงวะ"

 

อีจระเข้เพศเมีย เลยหันไปถามว่า อีไทยสองตัวเนี่ยะ เป็นคนครอบครัวเดียวกับเมิงไหม ???

หมูฝรั่งเหมือนจะรู้ตัว และเตรียมใจว่า ข้าโดนนังจระเข้เชือดแน่ๆ ก็เลยบอกผมกับแฟนว่าไม่เป็นไร อีกทั้งกลัวเรื่องเงื่อนเวลาบีบจะทำให้ตกเรือ

อีโชเฟอร์ยิ้มร่าครับ รีบขับรถออกไป และผมก็นึกขึ้นได้ว่า เห้ย ตรูยังไม่ได้เอากระเป๋าลงจากรถเลยยยยย

 

ผมก็ต้องวิ่งตามไปครับ แฮ่กๆๆๆ ไม่งั้นงานเข้าแน่ๆๆๆ (เอ็นดูเขา เอ็นเราจะขาดอีกแล้ว)

พอมันรู้ตัว ก็เลยถอยรถกลับมาให้ เอากระเป๋าลง

สิ่งที่ผมทำคือ ตะโกนถามอีเด็ก staff เด็กในร้านของนังจระเข้สารพัดพิษ ว่า "เห้ย เก็บเงิน 400 บาทฝรั่งไปได้ไงฟระ"

 

อีเด็กมันก็อ้ำๆ อึ้งๆ จนสุดท้าย อิโชเฟอร์หางโผล่ บอกว่า แบ่งค่าน้ำ เด็ก 200 และผมได้ 200 ?!?

อีเลว หน้าที่ของมึงคือ ต้องบริการฝรั่งไปให้ถึงจุดหมาย เพราะเขาเป็นลูกค้าของบางกอกแอร์เวย์ส บางกอกแอร์ฯก็จ่ายเงินให้คุณ !!!

 

แต่ผมก็ไม่อยากประวิงเวลาไปมากกว่านี้ เพราะฝรั่งก็บอกว่า ฉันทำใจแล้ว ไอโนว ว่ายูจะช่วยฉัน แต่ไม่เป็นไร (ฉันจะตกเรือแล้ว)

ก็โอเคครับ บ้ายบาย ..........

 

ผมเสียใจนะ ที่ไม่สามารถช่วยฝรั่งเคสนี้ได้เลย

ผมเสียใจ ที่บางกอกยกเลิกเทีย่วบิน ยังไม่เท่ากับที่ บางกอกฯ ปล่อยให้ AOT Limousine ทำร้ายผู้โดยสาร "ต่างชาติ" ที่ถูกยกเลิกเที่ยวบินพร้อมผมได้

 

 

ผมเดินไปตรงบูธสีขาว ที่ขายตั๋วให้กับรถที่มาขึ้นเรือเฟอรี่ ซื้อตั๋วคนละ 80 บาทข้ามไปเกาะช้างครับ ซักพักเรือก็จะออกแล้วหล่ะ

โชคดีนะครับคุณฝรั่ง 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ผมเสียดายเหมือนกัน พอดีทริปนี้ นังซัมซุง Galaxy Note 8 คู่กายผม ดันเมนบอร์ดพัง ต้องส่งซ่อม 
ก็เลยไม่ได้เปิด Google Map ดูแผนที่ ศึกษาทางเท่าไหร่นัก (ยอมรับว่าทำการบ้านมาน้อยไป เพราะตอนแรกกะว่าบินมาถึงจะใช้บริการ กรุงเทพลิมูซีน ไป-กลับ 900 บาทแล้ว)

 

พูดถึงกรณีบินมาลงสนามบินตราดกันนิดนึงครับ จากสนามบินตราด ไป ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ จริงๆ ก็ไม่ได้ไกลมากครับ 

นั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึงแล้วครับ ตามแผนที่นี้เลย จะเห็นสนามบินตราดอยู่ด้านบน และท่าเรืออยู่ด้านล่างของภาพ

 

เมื่อคุณมาถึงสนามบินตราด รับกระเป๋าเรียบร้อยที่นี่แล้ว

 

เดินออกมาด้านนอกตรงไปนิดหน่อย ก็จะเจอกับบูธของ กรุงเทพลิมูซีน

 

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

สำหรับอัตราค่าบริการตามนี้เลยครับ

ไป-กลับ สนามบินตราด-เกาะช้าง ส่งถึงโรงแรมที่พักบนเกาะช้าง คิด 900 บาท (ขาเดียว 500 บาท) รวมตั๋วเรือเฟอรี่เรียบร้อยแล้ว

 

ถ้าเป็นแบบ Private ก็ราคาสูงหน่อย

 

ราคานี้เพิ่งปรับเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2557 เมื่อต้นปีที่ผ่านมาครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ถ้าซื้อตั๋วรถเรียบร้อยก็กระโดดขึ้นรถตู้ได้เลยครับ

ทีนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว รวดเดียวถึงโรงแรมบนเกาะช้างเลยครับ

 

เอาหล่ะครับ ตัดมาที่ท่าเรือกันบ้าง ...

ในการเข้าเขตท่าเรือ ตอนซื้อตั๋วจะไม่มีตั๋วให้นะครับ มีแต่ใบเสร็จ ใช้ใบเสร็จแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย จนท.ก็จะเก็บใบเสร็จไปครับ

 

 

Attached Thumbnails

• 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ใช้เวลานั่งเรือไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ถึงเกาะช้างแล้ว

 

เพลินๆ แป๊บๆ ครับ ไม่นานเกินไป

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ถึงละครับ