|
|
Posted 20 July 2014 - 09:47 AM
Posted 20 July 2014 - 09:47 AM
จาก Seligman เราใช้เส้นทางหมายเลข 40 วิ่งไปเรื่อยๆ จนถึงเมือง Williams ระยะทางประมาณ 40 ไมล์ครับ
ขับกันยาวๆ ทางรถไม่เยอะ แต่ก็ต้องระมัดระวัง ดูป้ายเตือนตามทางให้ดี ไม่อย่างนั้นจะโดนตำรวจเรียกได้ ครับ
Posted 20 July 2014 - 09:48 AM
ตอนแรกจะแวะเมือง Williams ที่ Exit 161 เพื่อซื้อของ แต่เปลี่ยนใจตรงไป Grand Canyon เลยดีกว่าครับ
เราใช้ทางออกง Exit 165 เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน หมายเลข 64 ครับ จากนั้นตรงไปประมาณ 50 ไมล์ ก็จะถึงแกรนด์แคนยอนแล้ว
Posted 20 July 2014 - 09:48 AM
ใครจะซื้อเสบียงระหว่างทางแถบนี้มี Mc Donalds ด้วยนะครับ
Posted 20 July 2014 - 09:48 AM
ขับมาเรื่อยๆ จนถึงเมือง Tusayan ซึ่งอยู่ใกล้กับแกรนด์แคนยอนมากที่สุด ที่นี่มีโรงแรมหลายแห่งทีเดียว เผื่อใครจองที่พักภายในแกรนด์แคนยอนไม่ทันก็มาพักแถบนี้ก็ได้ครับ ใกล้มาก แต่ราคาก็แพงเหมือนกัน หรือไม่ก็พักที่เมือง Williams ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้ามาก็ได้ แต่ก็จะไกลหน่อย
Posted 20 July 2014 - 09:48 AM
จาก Tusayan ไม่ถึง 2 ไมล์ ก็จะถึงทางเข้า Grand Canyon ฝั่ง South Rim ละครับ ซึ่งเป็นฝั่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากที่สุด มีอีกที่คือ West Rim ซึ่งดำเนินการโดยชนพื้นเมือง ที่เวสท์ริม เราสามารถเดินไปชมวิวผาหิน บนกระจกโค้งรูปเกือกม้า ที่ยื่นออกไปได้ครับ สียค่าเข้าชมแพงเหมือนกันครับ แถมไม่ให้เอากล้องเข้าไปถ่ายรูปด้วย อีกแห่งคือ ที่ North Rim ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไร
เนื่องจากเราซื้อบัตร Annual Pass ซึ่งสามารถเข้าได้ทุก National Park ภายใน 1 ปี เลยไม่ต้องไปต่อแถวยาวๆ ให้เสียเวลา
แสดงบัตร ก็จะได้เอกสารต่างๆ ภายใน Grand Canyon National Park มาให้
http://www.nps.gov/grca
Posted 20 July 2014 - 09:49 AM
จุดหมายแรก เราตรงไปที่ Visitor Center ครับ เพื่อมาจอดรถทิ้งไว้ และขึ้น Shuttle Bus ไปตามจุดชมวิวต่างๆ
Shuttle Bus มีให้บริการทั้งหมด 3 สาย ได้แก่
สายสีฟ้า Village Route ใช้เดินทางภายในที่พักแต่ละจุดไปยังส่วนอื่นๆ
สายสีส้ม Kaibab/Rim Route เป็นสายที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพื่อไปยังจุดชมวิว เนื่องจากอยู่ใกล้ที่พัก และใช้เวลาเดินทางไม่นาน
สายสีแดง Hermits Rest Route เปิดให้บริการตั้งแต่ 1 มีนาคม - 30 พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งรถยนต์ส่วนบุคคลไม่สามารถวิ่งได้ในช่วงดังกล่าว
จากแผนที่ Visitor Center จะตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่าง เส้นสีฟ้ากับสีส้มครับ
เรามาจอดที่ ลานจอด P4 ครับ เป็นลานจอดกลางแจ้ง กว้างพอสมควร วันนี้รถค่อนข้างเต็ม แต่โชคดีไม่ต้องวนรถหาที่จอด มาถึงมีรถออกพอดี
Posted 20 July 2014 - 09:49 AM
ด้านหน้าทางเข้า Visitor Center มีจุดเช่าจักรยานอยู่ครับ นักท่องเที่ยวหลายคนก็เลือกใช้การขี่จักรยาน ไปตามจุดชมวิวต่างๆได้
Posted 20 July 2014 - 09:50 AM
ทางซ้ายมือเป็น Visitor Center ด้านหน้ามีป้ายให้ข้อมูลต่าง ๆเกี่ยวกับ Grand Canyon ทั้งการปฎิบัติตัว ข้อควรระวังต่างๆ ระหว่างท่องเที่ยว
ภายในอาคารมีส่วนจัดแสดง และให้บริการข้อมูล เช่นกัน คนเยอะมากครับ ทางที่ดี เตรียมหาข้อมูลไปก่อนจะดีกว่า และเอกสารส่วนใหญ่ก็มีข้อมูลครบอยู่แล้วครับ
Posted 20 July 2014 - 09:50 AM
จากนั้นเราก็เดินไปยัง จุดจอด Shuttle Bus กันครับ จุดนี้เป็นต้นสาย มีนักท่องเที่ยวมายืนเข้าแถวรอกันเยอะมากๆ
เราเริ่มต้นนั่งสายสีส้ม Kaibab/Rim Route กันก่อนครับ เพราะสายอื่นแถวยาวมาก คาดว่าต้องรออีกนาน จะเสียเวลาเปล่าๆ
Posted 20 July 2014 - 09:50 AM
พอรถเริ่มแล่นไป วิ่งเลียบหน้าผา และเห็นวิวของหุบผาของ แกรนด์แคนยอนครั้งแรก เท่านั้นแหละ ...
โอ้วว !!! มันยิ่งใหญ่อลังการตระการตา มากครับ จากที่เคยเห็นแต่ในภาพ มาเห็นกับตาตัวเอง มันเกินคำบรรยายครับ
รถวิ่งมาเรื่อยๆ ผ่าน Pipecreek Vista และผ่าน South Kaibab Trailhead ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่มีเส้นทางเดินย้อนกลับมายังจุดชมวิวต่างๆ และ Village
เวลารถวิ่งผ่านแต่ละจุด พนักงานขับรถ ก็จะบรรยายข้อมูลแต่ละจุดให้เราฟังกันด้วย
ส่วนเรานั่งไปจนถึงป้ายสุดท้ายครับ ที่ " Yaki Point " เราแวะลงกันที่จุดนี้กันเลย
Posted 20 July 2014 - 09:51 AM
หลายคนคงอยากรู้ว่าแกรนด์แคนยอนเกิดมาได้ยังไงนั้น เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน แม่น้ำ Colorado นั้นเดิมทีเป็นเพียงลำธารสายเล็กๆ ได้ไหลผ่านที่ราบกว้างใหญ่แห่งนี้ ซึ่งอยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพอพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้น เนื่องจากแรงดัน และความร้อน ที่อยู่ใต้พื้นโลก ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูป กลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่ ซึ่งการยกตัวของแผ่นดิน จึงทำให้ทางที่ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้น น้ำก็ไหลแรงมากขึ้น จนเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยๆในเปลือกโลก และได้พัดเอาทราย รวมถึงตะกอนไปตามน้ำ บวกกับมีการสึกกร่อนพังทลายของหิน กระแสลม และแสงแดด มานานหลายล้านปี จนเกิดเป็น “แกรนด์แคนยอน” ขึ้นมาครับ
Posted 20 July 2014 - 09:51 AM
จาก Yaki Point เราก็ขึ้น Shuttle Bus สายสีฟ้า ไปยัง " Mather Point " กันต่อครับ
เวลานั่งบนรถ ห้ามทานอาหารนะครับ แต่ดื่มน้ำได้
สำหรับผู้สูงอายุ ที่นั่งรถเข็น พนักงานจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ครับ มีทางลงให้พร้อมเลย ดีจัง
วิวแกรนด์แคนยอน แต่ละจุด ก็จะคล้ายๆกันครับ บางคนอาจจะเริ่มเบื่อๆ
Posted 20 July 2014 - 09:51 AM
ทางอุทยานจะทำเส้นทางเดินตามจุดต่างๆไว้บนหน้าผา และมีรั้วตาข่ายขึงกั้นตลอดแนว แต่ก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะครับ อุบัติเหตุ เกิดขึ้นได้เสมอ
มองจากมุมนี้ก็ดูน่ากลัวเหมือนกัน เกิดหินมันพังลงไป จะทำไงเนี่ย
ก่อนจาก Mather Point ไป เจอเจ้าถิ่นมาทักทาย แต่คงเห็นว่าไม่มีอะไรให้กิน เลยมุดลงหน้าผาไปอย่างรวดเร็ว ไวจริงๆ
Posted 20 July 2014 - 09:52 AM
จาก Mather Point เรานั่ง Shuttle Bus กลับมาที่ Visitor Center เพื่อมาเอารถทื่จอดไว้ และขับต่อไปยัง " Vercamp's Visitor Center "
ที่นี่มีที่จอดรถไม่มากครับ แต่เราก็โชคดีอีกแล้ว ได้ที่จอดตลอด แต่ถ้าที่จอดเต็ม เรามีแผนสำรอง คือไปจอดที่ลานจอด Park C ครับ แต่อาจจะเดินมาไกลหน่อย
Posted 20 July 2014 - 09:52 AM
จาก " Vercamp's Visitor Center " เราจะเดินลัดเลาะตามทางเลียบหน้าผาไปเรื่อยๆครับ (ตามเส้นรอยประสีน้ำตาล)
เราเดินไปที่ทางเดินริมหน้าผา เพื่อชมวิว
นี่คือ Hopi House สร้างเมื่อปี ค.ศ.1905 โดยชาวพื้นเมือง เป็นสิ่งก่อสร้างในสมัยแรกๆ ของแกรนด์แคนยอนเลยครับ
Posted 20 July 2014 - 09:52 AM
ใกล้ๆ กัน มีร้านขายของที่ระลึก ราคาสูงใช้ได้ครับ เลือกซื้อมาแค่บางอย่าง ไม่งั้นจนแน่ๆ
Posted 20 July 2014 - 09:53 AM
เดินมาเรื่อยๆ อันนี้เป็นด้านหลัง El Tovar Hotel ครับ สวยมากๆ ออกแบบโดยผสมผสานระหว่าง Swiss chalet กับ Norwegian Villa ถ้าใครมาพักที่นี่ สามารถเดินมาชมวิวที่ริมหน้าผา ได้อย่างง่ายดาย ใกล้มากๆ แต่ราคาห้องพักก็สูงหน่อย ประมาณ $180-$460 ครับ และห้องก็เต็มเร็วมาก ต้องจองล่วงหน้าก่อนอย่างต่ำ 6 เดือนครับ
http://www.grandcany...dging/el-tovar/
เราเดินริมหน้าผาไปเรื่อยๆ จนเกือบถึง Lookout Studio ก็หยุดแค่ตรงนี้ครับ เพราะที่บ้านบางส่วนนั่งรออยู่แถวๆ ที่จอดรถ กลัวจะรอนาน
ระหว่างทางเจอมุมถ่ายรูปริมหน้าผา ที่ไม่มีรั้วกั้น เลยเสียเวลาถ่ายรูปกันนานหน่อย โชคดีมากๆ เพราะจุดชมวิวที่อื่น จะมีรั้วกั้น ถ่ายแล้วไม่สวยเท่าไรครับ ต้องมานั่งบนหน้าผาหิน ถึงจะฟิน แต่ก็ต้องระมัดระวังดูให้ดีก่อนนะครับ เผลอตกลงไป ไม่คุ้มกัน พอเรานั่งถ่ายกัน ก็มีนักท่องเที่ยวคนอื่น มายืนรอถ่ายตาม555
Posted 20 July 2014 - 09:53 AM
สำหรับหุบผา ที่แกรนด์แคนยอนนี้ เราจะเห็นเป็นชั้นสีต่างๆกัน เนื่องจากประกอบด้วยหินเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะของชั้นหินที่ถูกแม่น้ำตัดผ่าน มีอยู่ด้วยกันประมาณ 12 ชั้นครับ โดยชั้นล่างสุดเป็นชั้นที่เก่าที่สุด ส่วนชั้นบนสุด เป็นชั้นที่ใหม่ที่สุด โดยในแต่ละชั้นก็มีสีสันแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ออก ไปทางส้ม แดง เหลือง แซมด้วยสีน้ำตาล และดำ เวลาโดนแสงแดดกระทบ ก็จะเห็นเป็นสีน้ำเงินอ่อน สี่ม่วง สีแดง สีเขียว สีส้ม แล้วแต่จังหวะของแสงครับ
บริเวณ Bright Angel Lodge นักท่องเที่ยวมารวมกันบริเวณนี้เยอะเลยครับ มีร้านอาหาร ร้านกิฟท์ช็อป ให้ได้ซื้อกัน
ผ่าน Kachina Lodge ก่อนจะกลับไปเอารถที่ Vercamp's Visitor Center
http://www.grandcany.../kachina-lodge/
Posted 20 July 2014 - 09:53 AM
จากนั้น เราก็ขับตรงมายังที่พักของเรา ที่ " Yavapai Lodge " ซึ่งอยู่บริเวณ " Market Plaza " แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารต่างๆครับ
0 members, 1 guests, 0 anonymous users
ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Galileo (แสดงผล waiting list) | ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Amadeus (เแสดงเฉพาะที่นั่งว่าง) | |
ติดต่อเจ้าหน้าที่แผนก ตั๋วเครื่องบิน โทร 02-3737-555 / จันทร์ - ศุกร์ 09.00~18.00 น. // เสาร์ 09.00-16.00 น. |