72 replies to this topic

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

Advertisements

สวัสดีครับ

เป็นครั้งแรกของผมที่มีโอกาสได้เยือนสนามบินสุโขทัย

เนื่องจากได้มีโอกาสมาทำรีวิวโรงแรมในโครงการ Thailand Boutique Awards โดยบัตรเครดิตเคทีซี ที่โรงแรม The Legendha Sukhothai Resort และด้วย โครงการนี้ ได้รับการสนับสนุนโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส

ผมจึงได้มีโอกาส บินมาเยือนสุโขทัย แบบอ้อมๆ เพราะผมพำนักที่เชียงใหม่ โดยทริปนี้บินทั้งหมด 4 ตุ๊บ แบบ CNX-BKK-THS-BKK-CNX

 

แน่นอนว่า ... หลายๆ ท่านคงจะเลยได้ยินสโลแกน Fly Boutique, Feel Unique. ของบางกอกแอร์เวย์สกันมาบ้าง

การบินมาลงสนามบิน ของบางกอกแอร์เวย์ส (ซึ่ง ปัจจุบันมีอยู่ 3 สนามบินในไทย) ได้แก่ สุโขทัย, ตราด และ สมุย ยิ่งได้อารมณ์บูติก

เป็นเอกลักษณ์ ที่ยากที่สนามบินอื่นจะลอกเลียนแบบ

 

 

อย่าง สนามบินสุโขทัย เนื่องด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล รายล้อมด้วยทุ่งนา ที่นี่ก็มีจุดเด่นเรื่อง "เกษตรอินทรีย์" 

และ มีการเลี้ยงสัตว์นานาชนิด แค่เครื่องร่อนลงจอดที่สนามบิน ไปหันหัวกลับที่ปลายรันเวย์ Taxi ช้าๆ ผ่านหน้าอาคารผู้โดยสาร

ไปจอดที่ Parking Bay ซึ่งอยู่ข้างๆ กับ "คอกควาย" ซึ่งมีควายนับร้อยตัว ยืนต้อนรับอยู่ (กลินลอยมาแบบ Love at First Sight เลยทีเดียว)

กระทู้นี้ ก็จะพาสำรวจ สนามบินสุโขทัยด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะบินกลับกับ PG214 ไฟล์ทเย็นครับ

 

ในปัจจุบัน สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ทำการบินในเส้นทาง สุวรรณภูมิ-สุโขทัย-สุวรรณภูมิ วันละ 2 เที่ยวบิน

ด้วยเครื่องบินแบบใบพัด ATR72-500 ขนาด 70 ที่นั่ง รอบ เช้า และ เย็น ครับ

จองตั๋วได้ที่ http://www.bangkokair.com ราคาโปรโมชั่นเริ่มที่ 1,390 บาท รวมทุกสิ่งอย่างแล้ว ก็มีให้เลือกอยู่ครับ

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

การเดินทางของผม เริ่มต้นที่ "สนามบินเชียงใหม่" อย่างที่บอกครับ ว่า

ยอมบินอ้อมเพื่อการนี้ CNX-BKK-THS-BKK-CNX โดย ต้อง Transit ที่สุวรรณภูมิ และไปพักค้างที่โรงแรมทองทารีสอร์ทเจ้าเก่านั่นเอง

 

ก็ทำเว็บเช็คอินมาเรียบร้อย (ล่วงหน้าสูงสุด 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง) เลือกที่นั่งได้เลยตามอัธยาศัย

แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถใช้บริการ manage my booking เลือกที่นั่งก่อนได้เลย แค่ใส่รหัสการจอง กับ นามสกุลเข้าไป เท่านั้นเองครับ

 

 

ปัจจุบัน บางกอกแอร์เวย์ส อนุญาตให้ผู้โดยสาร ที่เช็คอินผ่าน Application บนมือถือ หรือมีบอร์ดดิ้งพาสอยู่แล้ว และไม่ได้โหลดสัมภาระ

สามารถผ่าน ด่าน Security เข้าไปรอหน้า Gate ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องแวะเคาน์เตอร์เช็คอินอีก สะดวกครับ

 

แต่ .... ก็ด้วยความที่อยากได้บอร์ดดิ้งพาส ก็เลย ไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินอีกรอบ ได้มาแบบนี้

(หมายเหตุ : เนื่องจากคราวนี้บินในโครงการ Thailand Boutique Awards ทาง PG จึงรีมาร์คบุ๊กกิ้งนี้ไว้ว่าเป็น VIP จึงได้รับสิทธิ์เข้าเล้าจน์ Blue Ribbon ด้วยทุกขา แต่พอดี เล้าจน์ที่สนามบินเชียงใหม่ปิดปรับปรุง จึงได้คูปองแลกอาหารมูลค่า 250 บาทมาแทน เฉพาะผู้โดยสารที่มีสิทธิ์เข้าเล้าจน์ Blue Ribbon เท่านั้น -- นั่นหมายถึง เฉพาะลูกค้า FlyerBonus สถานะ Premier หรือ AIS Serenade หรือ VIP เท่านั้น)

 

 

แน่นอน ผมก็อาศัย จังหวะนี้หล่ะ ในการไปลองร้านอาหารต่างๆ ในสนามบินเชียงใหม่ดู

ทริปนี้ ลองเบอร์เกอร์คิง เนื่องจากเวลาจำกัด และสามารถแพคห่ออาหารกลับไปกินได้ จัดไปเลยครับ ฟูลเซ็ท

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

แต่สำหรับผู้โดยสารภาคปกติ ก็ไม่ต้องน้อยใจ แม้ว่าเล้าจน์จะปิด ก็มีเล้าจน์ชั่วคราวคอยให้บริการอยู่ครับ

บริเวณ ทางเชื่อมไปอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เดินไปอีกนิดเดียวเอง

 

 

พอไปถึงหน้าเล้าจน์ชั่วคราว เจ้าหน้าที่ก็จะสแกนบอร์ดดิ้งพาส พร้อมกับมอบชุดขนมฝ้ายเบเกอรี่ให้ คนละ 1 กล่อง

ส่วนเครื่องดื่มก็ไปจัดเอาตามอัธยาศัยด้านในเลย ผู้คนนั่งกันเต็มจริงไรจริงครับ

 

 

สำหรับผู้โดยสารที่ได้สิทธิ์เข้าเล้าจน์ Blue Ribbon (ตอนนี้เล้าจน์ปิดปรับปรุงถึง 31 สค.) ก็จะได้คูปอง 250 บาท และได้สิทธิ์เข้าเล้าจน์นี้ด้วย

ไม่อิ่มให้รู้ไปนะครับ ปลิ้นตั้งแต่ยังไม่ทันขึ้นเครื่อง สำหรับเครื่องดื่มก็มีตามนี้เลยครับ (ส่วนขนม มีอยู่ในกล่องแล้ว)

 

 

ได้เวลา Boarding พอดีครับ เจ้าหน้าที่ประกาศเรียกแล้ว รีบยัดทุกอย่างลงท้องก่อนโดยเร็ว !!

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

บริเวณหน้า Gate ก็มี อีกร้านหนึ่ง ถ้าเป็นผู้โดยสารที่มีสิทธิ์เข้าเล้าจน์ Blue Ribbon ก็สามารถแลกอาหารที่นี่ได้ อยู่ใกล้กับ Gate 6 พอดี

เมนูก็ดูน่าสนใจ เดี๋ยวสิ้นเดือน กค. จะลองครับ (เหลืออีก 2 ทริป)

 

 

ได้เวลาล๊ะ

 

 

อย่าลืมเตรียมบัตรประชาชน และบอร์ดดิ้งพาส แสดงต่อเจ้าหน้าที่ หน้า Gate และ ลูกเรือตรงประตูเครื่องด้วยครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

วันนี้บินกับ HS-PPB ครับ 

เป็น A319 ของเก่าจาก Batavia ว่าไปก็คือ เป็นเครื่องแอร์บัสลำแรกของ PG ที่ไม่ใช่เครื่องป้ายแดงจากตูลูส

อันนี้ยังดีครับ เปลี่ยนผ้าบุที่นั่งใหม่แล้ว ตอนผมขึ้นครั้งแรกสุด สมัยเพิ่งทำสีใหม่ ภายในยังเป็น Batavia สีน้ำเงินเข้มๆ เบาะโทรมๆ หน่อยเลยจ้า

 

 

พอดี แกเซฟงบหน่ะครับ รุ่นหลังตั้งแต่ HS-PPB เป็นต้นไป จึงเป็นเครื่องมือสองจากที่อื่นทั้งหมด อายุอานามก็ราว 7-8 ปีขึ้นไป

แต่ สภาพก็ยังโอเคอยู่นะครับ

 

ซึ่งจุดอ่อน สำหรับแก๊งค์มือสอง ก็คือ .... ลูกเรือจะสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ "สด" นั่นเอง

ในขณะที่ เครื่องตระกูลป้ายแดง (ตั้งแต่ HS-PGT, PGU, PGV, PGW, PGX, PGY, PGZ, PGN, PPA) จะเปิดวีดีโอ สนุกๆ แบบนี้

 

 

ปล. นานแล้วที่ผมไม่ได้เจอ เหมือนเค้าไม่ค่อยส่งพวกแก๊งค์ป้ายแดง มาเชียงใหม่เท่าไหร่นัก จะเจอแต่แก๊งค์มือสองตลอดเลยยยยย

(จริงๆ ตอนนี้ก็ไม่แดงเท่าไหร่แล้ว เพราะ A320 รุ่นแรกก็อายุจะ 10 ขวบแล้ว หรือ A319 ก็รับมาตั้งแต่ช่วงปี 51 นู้นนนน)

 

หลังจากที่ขึ้นบนเครื่อง ลูกเรือก็จะแจกผ้าเย็นตามธรรมเนียมของบางกอกแอร์
แต่ด้วย ผมไม่ได้ขึ้นมาหลายเดือน ก็สะดุ้งเล็กน้อย กับ "ขนาด" ของผ้าเย็น ที่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง ตามนโยบายรัดเข็มขัดสุดชีวิต

 

 

ในกระเป๋าหน้าที่นั่ง นอกจากจะมีนิตยสาร FAH THAI และนิตยสาร In-Flight Variety แล้ว ก็มี แผ่นพับโฆษณาของ AIS

และที่พลาดไม่ได้ ก็คือ ... "โรงพยาบาลกรุงเทพ" ฺBangkok Hospital เจ้าของเดียวกันตราปราสาททองโอสถ นั่นเอง

สำหรับ โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ (ฺฺฺBangkok Hospital, Chiang Mai) ใกล้เปิดเร็วๆ นี้แล้ว ครับ ตรงใกล้สี่แยกหนองประทีป (แยกปอยหลวง) ขาออกจากเมืองก่อนถึง Makro

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

หลังจากที่เครื่องไต่ระดับได้เรียบร้อย ก็ได้เวลาอาหารครับ !!

 

เสิร์ฟเป็นถาดจัดเต็มสไตล์ Bangkok Airways เช่นเคย ไม่อิ่มให้รู้ไป

 

 

เมื่อแกะห่อออกมา แท่นแท๊นนน Cold Cut ผมอยากจะบอกว่าตัว Appetizer ถ้าพัฒนาให้มี Appetite มากกว่านี้จะดีมากๆ ครับ

เพราะเท่าที่ผมลองวิเคราะห์ดู ส่วนหนึ่ง การที่ผู้โดยสาร "กินอาหารเหลือบานเบอะ"

 

 

ไม่ใช่เพราะเค้าอิ่มนะครับ แต่ บางทีรสชาติ และหน้าตาอาหาร บางอย่างดูไม่น่าทานเอาซะเลย (จริงๆ นะ) บางคนเปิดมาแตะคำเดียวก็ก็เหลือทิ้งอย่างนั้น

สำหรับเครื่องดื่ม มี กาแฟ และ ชา (ลูกเรือจะถือคนละเหยือก เดินมา ถ้ากาแฟมาก่อน โปรดรอแป๊บ ชากำลังมา)

สำหรับชา จะมี มะนาว ให้ใส่ด้วยครับ (แต่ก่อนเหมือนจะไม่มี -- ในขณะที่การบินไทยมีมานานมากแล้ว) และครีมเทียม น้ำตาล จะอยู่ในถาด

ให้หยิบเอาเองได้เลย (ในเซ็ท ช้อน-ส้อม-กระดาษเช็ดปาก จะไม่มีให้ -- ตามนโยบายประหยัด)

 

 

ก็ปิดท้ายด้วยน้ำเปล่าครับ เวลาลูกเรือเสิร์ฟ มือขวา ลูกเรือถือขวดน้ำพลาสติก มือซ้าย ลูกเรือจะถือถาด

โปรดอำนวยความสะดวก ให้ลูกเรือ ด้วยการหยิบแก้วกระดาษ ขึ้นมาแล้ววาง ให้ลูกเรือรินให้ด้วยครับ

 

 

ถึงจะอย่างไร เราก็กินกันหมดเกลี้ยงอยู่ดี 555+ รอมาเก็บ

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

แป๊บเดียว เครืองก็ถึงกรุงเทพละครับ จอด Bus Gate จ้า ....

 

 

ตรงไปรับกระเป๋ากัน โห ไม่ได้มาสุวรรณภูมิ เกือบครึ่งปีละครับ ระวังสิ้นสุดทางเลือก !!

 

 

รอ ร๊อ รอ กระเป๋า (ตอนเครื่องลงจอดแล้ว ระหว่าง Taxi ลูกเรือจะประกาศว่า ให้ไปรับกระเป๋าที่สายพานหมายเลขอะไรด้วย ดีจริงๆ )

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

หนีไปนอนที่ Thongta Resort ทองทารีสอร์ท เจ้าเก่า

จองผ่าน Booking.com ได้มาคืนละ 702 บาท ฟรี รถรับ-ส่ง ไป-กลับ สนามบิน-โรงแรม

ข้อดีคือ ไม่ว่าจองผ่าน Agent เจ้าไหน ก็มีรถฟรีให้ ไม่ต้องกังวลเลยครับ รถตู้ออกทุกครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว

 

ตื่นเช้ามา Morning Call ตอน 5.00 น. และเกาะรถรอบ 5.30 น. มาถึงสุวรรณภูมิ ฟ้ากำลังจะสว่างพอดี แป๊บเดียวเท่านั้น ไม่เกิน 15 นาทีถึง

 

อย่าลืมนะครับ Row F

 

ได้บอร์ดดิ้งพาสมาเรียบร้อย (เนื่องจากบุ๊กกิ้งลงไว้ว่าเป็น VIP ก็เลยได้ประทับตรา BRC มีสิทธิ์เข้าเล้าจน์ ฺBlue Ribbon ได้ครับ)

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ถ้าไปเล้าจน์ Blue Ribbon ยามเช้า

เมนูขึ้นชื่อ ก็คือ .... ข้าวต้มซี่โครงหมู บักกุ๊ตเต๋ (เฉพาะมื้อเช้า ถึง 10 โมง) ตามเมนูนี้เลย

แต่ถ้าเป็นรอบอื่น ก็ บะหมี่เป็นโฟรซีซั่น หรือ เกี้ยวกุ้ง มีเสิร์ฟทุกเวลาอยู่แล้ว

 

แต่เผอิญว่าเดินไปไม่ถึงครับ ขึ้นเครื่อง Gate A9

ก็เลยขออะไรเบาๆ ตรงทางลง Gate A7 แล้วกัน ก็จะมีเคาน์เตอร์ตั้งอยู่ เพราะตอนนี้เล้าจน์ธรรมดาปิดปรับปรุงจ้า ....

 

มองออกไปเห็นเจ้าไทยสมายล์ Sharklet อยู่

 

ลงไปรอข้างล่างเลยครับ ไฟล์ท PG211 ไป สุโขทัย "ผู้โดยสารมีแค่ 16 คนเท่านั้นเอง"

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ผู้โดยสารน้อยนิด ถ้าไม่รีบแสดงตน ไม่มีใครรอแน่ๆ ครับ 555+ 

 

ถึงโฆษณา เค้าจะใจดีก็เถอะ

 

ได้เวลาขึ้นเครือ่งแล้วครับ เมื่อผู้โดยสาร 16 คนขึ้นรถบัสครบ ก็พาไปส่งที่เครื่อง ATR72-500 ที่หลุมจอดเลยจ้า ....

วันนี้เจอ คุณช้างครับ HS-PGG ลำนี้คุ้นๆ เนาะ

 

 

นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้ขึ้นเครื่อง ATR

และสารภาพว่า เป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่ง ATR72-500 !! (เหลือ 600 นังสิงโต รีบมาเปิด Hub เชียงใหม่เร็วๆ นะ)

 

และก็มุมบังคับ ผมขึ้นเครื่องคนสุดท้ายครับ พอผมขึ้นเสร็จ คุณแอร์ปิดประตูเครื่องพร้อมออกเดินทางเลย ทึ่ง !!

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

บรรยากาศซักนิด ไฟล์ทนี้ ค่อนข้างโหรงเหรง มีนั่งหัวสุด แล้วก็กลางโล่งเป็นสิบแถว แล้วที่เหลือนั่งท้ายครับ

 

โล่งกว่านี้มีอีกไหม ?? (ลูกเรือบอกว่า ไฟล์ทขากลับ สุโขทัย-กรุงเทพ คนเยอะอยู่ครับ อย่างน้อยก็ถัวเฉลียกันได้)

 

ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ ผู้โดยสารขึ้นครบ ก็ออกได้เลย

 

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

อยากจะบอกว่า กระจกค่อนข้างขุ่นใช้ได้ ควรหลีกเลี่ยงแถว 1 และ 2 ครับ

แถวท้ายๆ ดูกระจกจะใสกว่า (แถว 5 จะตรงใบพัดพอดีเป๊ะ)

 

 

ไต่ระดับได้แล้วจ้า .... บินผ่านกลางกรุงเทพพอดี เห็นอะไรเอ่ย ??

 

ข้อดีของการนั่ง ATR (ในวันที่อากาศแจ่มใส) ก็คือเห็นวิวสวยตลอดทาง เพราะเครื่องบินไม่สูงมากเท่ากับพวกเครื่องบินเจ๊ทครับ

แต่ถ้าอากาศไม่ดีหล่ะก็ หึ หึ หึ (เดี๋ยวเที่ยวขากลับเจอกัน !!)

 

แป๊บเดียว อาหารมาแล้วครับ ไฟล์ทนี้ แน่นอน เป็นอาหารเช้า

สำหรับไฟล์ทที่ออกจากสุวรรณภูมิ ตอนเช้าๆ ผู้โดยสารจะได้รับประทานโยเกิร์ต โฮมเมด แสนอร่อย (คอนเฟิร์มว่าอร่อยจริง)
ถ้าบินไฟล์ทเช้าสุดจากเชียงใหม่ หรือ ภูเก็ต อาจได้เจอแค่โยเกิร์ตดัชชี่ธรรมดาๆ ครับ

 

ลองเอาผลไม้ในเซ็ตมาใส่ดูนะครับ อร่อยจริง !! (ผมก็ตื่นเต้นครับ ไม่เคยได้ชิม เพราะปกติอยู่เชียงใหม่ ถ้าบิน PG เช้าเจอโยเกิร์ตดัชชี่แน่นอน)

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

หน้าตาอาหารมื้อเช้า full set แบบเบราๆ แต่ประทับใจครับ

 

 

ปล. จริงๆ ถ้าทุกเที่ยวบิน ทั้งกลางวัน เย็น ดึก จัดอาหารประมาณนี้ ไม่ต้องเยอะ แต่อร่อยประทับใจได้ จะดีมากครับ

 

ที่สำคัญ .... ทุกอย่าง ฟรี จ้ะ ไม่ต้องจ่ายเงิน (โฆษณานี้ นี่แขวะคู่แค้นอดีต Row E ที่เคยหันหลังชนกัน ณ สุวรรณภูมิ แบบเต็มๆ)

 

หมดมื้ออาหาร ก็ได้เวลาแยกย้ายพักผ่อน ผู้โดยสารโล่งมากกก สบายๆ

เดี๋ยวซักพักก็ลดระดับลง โฉบผ่านตัวเมืองสุโขทัยแล้ว รอชมกันครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

มารูัจักคุณช้าง HS-PGG แบบ ATR72-500 กันหน่อยครับ

 

เอาหล่ะ เห็นฟ้าครึ้มๆ ใจเริ่มเสียเล็กน้อย ...... สัญญาณเตือนรัดเข็มขัดตุ๊งงง เข้าประจำที่ได้เลย

 

ทางหลวงหมายเลข 12 ตรงดิ่งจากตัวเมืองสุโขทัย ไปยัง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

 

มองลงไปแบบชัดๆ ... ก็จะเห็นตัวเมืองสุโขทัยอยู่เบื้องล่างพอดี

สนามบินสุโขทัย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสวรรคโลก ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยไปทางทิศเหนือราว 30 กิดลเมตร

 

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ดูจากแผนที่นะครับ .... จะเห็นทีตั้งของสนามบินสุโขทัย

 

อยู่ทางตอนเหนือของเมืองสุโขทัย

ระหว่างนี้ ... โปรดมองออกไปด้านซ้าย เราก็จะพบกับ "บึงทะเลหลวง และดินแดนศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ" ของ อบจ.สุโขทัย

 

สวยเด่น ตระการตายิ่งนัก (ต้องนั่งฝั่งซ้ายถึงจะเห็นครับ)

 

หลังจากนั้นก็จะบินโฉบผ่านทุ่งนาเขียวขจี

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

แล้วก็ร่อนลงแตะพื้นสนามบินสุโขทัย แบบสบายๆ (มาตรฐาน ATR) ไปกลับตรงปลายหัวรันเวย์ด้านทิศเหนือ

สนามบิน มีการสร้างคันดินโดยรอบรันเวย์ น่าจะเพื่อกันเสียง ไม่ให้รบกวนชาวบ้านแถวนั้นมาก

แต่ตรงคันดิน รู้สึกจะกลายเป็นจุดชมเครื่องบินอย่างดี (เห็นมีคนยืนบนคันดินด้วย)

 

ผ่านหอบังคับการบินสนามบินสุโขทัย

 

และอาคารผู้โดยสาร สไตล์สุโขทัยแท้ๆ ที่ไม่มีสนามบินไหนสร้างเหมือน

 

ก่อนจะตีโค้งไปจอดที่ ..... หลุมจอดข้างๆ คอกควาย !!!

 

เอ๊ะ นั่นอะไรหน่ะ !!

 

Welcome to Sukhothai จ้ะ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

รู้สึก Warm Welcome มากๆๆ บางทีได้กลิ่นลอยมาด้วยนะครับ เพราะอยู่กันเยอะขนาดนี้ ข้างๆ หลุมจอดเลย !!

 

 

เอาหล่ะครับ รีบลงจากเครื่องไปเกาะรถกันดีกว่า ....

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ความรู้สึกแรก ที่ผมรู้สึกคือ 

 

เหมือนบินมาลงสวนสัตว์เลย หน้าตาเหมือนกับ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

จึงขอเรียกที่นี่ว่า Sukhothai Night Safari Airport ดีกว่า เพราะแต่งอีกนิด นี่ทำสวนสัตว์ทั้งภาคกลางวัน และกลางคืน แถมเป็นสนามบินได้อีกด้วย !!

 

แต่ก็มีความเป็นสุโขทัยอย่างเต็มเปี่ยม เรียกได้ว่า เหมือนมาถึงสุโขทัยจริงๆ (ได้อารมณ์มากกว่า บินลงสนามบินพิษณุโลก แล้วต่อรถมานะครับ 555+)

 

เดินผ่าน ศาลาต้อนรับ ตรงดิ่งไปรับกระเป๋าที่อาคารกันครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

สังเกตภาพข้างบนไหมครับ ?

-- เคาน์เตอร์ซ้าย เคาน์เตอร์ ตม. Passport Control

-- เคาน์เตอร์ขวา ด่านตรวจพืช Plant Quarantine

เพราะเดิมที่ สุโขทัย เคยมีเที่ยวบิน สุโขทัย-หลวงพระบาง มาก่อนนั่นเอง เมื่อหลายปีก่อน แต่เดี๋ยวนี้ เหลือแค่ สุวรรณภูมิ-สุโขทัย เท่านั้น

 

มองออกไปทางด้านขวามือ เห็นห้องผู้โดยสารขาออกแบบ Open Air เช้าๆ อากาศไม่เท่าไหร่ แต่บ่ายๆ ร้อนตับแล่บ อยู่กันแบบแน่นๆ ในนั้น

 

งานจัดสวนก็ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

รับกระเป๋ากันครับ รับกันแบบนี้เลย จนท. ขนกระเป๋ามาวางแล้วก็เลือกหยิบ ไม่มีสายพานจ้ะ เพราะสนามบินเล็กๆ

 

มองออกไปด้านนอก เดี๋ยวเข้าก็ Boarding ผู้โดยสารขาเข้ากรุงเทพแล้ว

 

ดูชามสังคโลก อ้างล้างมือในห้องน้ำก่อนนะครับ มิใช่ธรรมดาๆ

(เท่าที่สืบราคามา ราคาประมาณ 3,500 บาทครับ แถว อุทยานประวัติศาสตร์มีหลายร้านเลย ซื้อขนกลับได้)