สมัยก่อนจะมาเป็นแอร์แอดมินก็สงสัยนะคะว่าทำไมพวกแอร์นี่สั่งอะไรน้านนานกว่าจะได้ อะไรๆก็ช้าไปหมด แล้วคุยอะไรก็ดูจะรีบไปตลอดเวลา พอมาเป็นแอร์ถึงเพิ่งจะรู้ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ
แต่ละสายการบินจะกำหนดว่าแต่ละไฟลท์เราจะเสิร์ฟอะไรให้กับผู้โดยสารบ้าง เค้าเรียกว่า Service นะคะ จะเซอร์วิสมากน้อยก็แล้วแต่สายการบิน
จะยกตัวอย่างเช่น สายการบิน ก. บินไปยุโรป 10 ชม. มีแอร์ 11 คน มีที่นั่ง 291 ที่นั่ง (ถือว่าแอร์เยอะนะเนี่ยต่อจำนวนผู้โดยสาร) เครื่องนี้มี 3 ครัว เป็นfull service (คือไม่ใช่ low cost) ถ้าไฟลท์ยาวๆสัก 6-7 ชั่วโมงขึ้นไปมักจะมี 2 เซอร์วิส หลัง take off และก่อน Landing
ครัวหน้า เป็นของ Business Class ครัวกลาง และครัวหลัง สมมติว่าใช้ลูกเรืออยู่ข้างหน้า (Business class) 3 คน อยู่ข้างหลัง(economy) 8 คน ผู้โดยสารอยู่Business 30 คน. ผู้โดยสาร economy 261 คน
พูดเฉพาะservice ในeconomy ก่อน สายการบินอาจให้เสิร์ฟ หน้าหลังชนกัน (ตามลูกศรในรูป)หรือแบ่งกันตรงแถวไหนสักแถว หน้าไปหลังทั้งคู่ หรือหลังไปหน้าทั้งคู่ โดยการเสิร์ฟอาจจะมีรถอาหารหนึ่งคัน รถเครื่องดื่มหนึ่งคัน หรือเอาเครื่องดื่มวางบนรถอาหารเลย หรือby hand คือไม่เอารถออก แต่ถือไปเลย เช่น เหยือก ชา กาแฟ
สิ่งที่เสิร์ฟ หลักๆก็มีอาหาร(ไฟลท์ยาวขนาดนี้จะเป็นอาหารร้อน) เครื่องดื่ม ชา กาแฟ พอเสร็จแล้วก็เอารถออกไปเก็บ สมมติว่า ไฟลท์นี้แอร์economyแปดคน อยู่รถคันละสองคนหน้ารถกับหลังรถ เสิร์ฟจากครัวกลางและครัวหลังชนกันตรงกลาง เสิร์ฟง่ายๆน้ำวางบนรถอาหารเลยละกัน(ถ้าลูกเรือน้อย ก็ อาจจะเป็นรถคันนึงมีแอร์คนเดียว หรืออาจจะรถอาหารตามด้วยรถเครื่องดื่ม)
เราอยากจะทำเซอร์วิสให้จบให้เร็วที่สุด ให้ทุกคนได้อาหารและเก็บให้เร็วที่สุด เพราะหลังจากนั้นเราจะได้แบ่งเวลาระหว่างเสร็จเซอร์วิสแรกกับก่อนเซอร์วิสสองไปสลับกันพัก ...แต่ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ฮ่ะๆๆๆ เซอร์วิสนึงตกประมาณสามชั่วโมง
ส่วนใหญ่เราจะเสิร์ฟอาหารพิเศษก่อน เพราะมีจำนวนน้อย ระบุชื่อและที่นั่งผู้โดยสารมาเลย ถ้ามีประมาณ 10 ที่ก็เอาไปวางก่อน ผู้โดยสารที่เหลือจะได้วางๆอาหารธรรมดาไปเลย (ถ้าเป็นไฟลท์แขกละก็อาหารพิเศษอาจจะมากกว่าอาหารปกติอีก. Jain meal, Moslim meal, vegetarian meal, kocher meal, diabetic meal, vegetarian, child, non lactose, gluten free ฯลฯ เยอะ)
เริ่มจากการถามchoice อาหาร รับหมูหรือไก่ดีคะ(สมมติถามแบบสั้นๆ แบบยาวๆก็มี พาสต้าหมูหรือไก่กับมันฝรั่งคะ) ถามครั้งที่หนึ่งผู้โดยสารใส่หูฟังไม่ได้ยิน ถามครั้งที่สอง ผู้โดยสารคิดห้าวินาที ไก่ โอเคหยิบไก่ใส่ถาดให้ผู้โดยสาร (บางท่านขอดูหน่อยแต่ละอย่างหน้าตาเป็นยังไง เผ็ดรึเปล่าฯลฯ) ต่อมาถามน้ำ รับน้ำอะไรดีคะ ผู้โดยสารถามว่า มีอะไรบ้าง แอร์ตอบว่า เบียร์ไวน์แดงไวน์ขาว น้ำอัดลม. วอดก้า จิน ฯลฯ ไวน์ยี่ห้ออะไร ยี่ห้อ...ค่ะ โอเคไวน์แดงหนึ่งน้ำเปล่าด้วย ก็ค่อยๆเสิร์ฟกระดึ๊บๆไป สมมติว่ารถคันนึงเสิร์ฟ15 แถว แถวละ 4-5 คน กว่าจะหมด
ระหว่างที่เราเสิร์ฟสิ่งที่ต้องเสิร์ฟ
-ผู้โดยสารก็เดินไปมาในเคบิน ต้องเข็นรถหลบไปมา
-เกิดTurbulence แรง ขอหยุดเซอร์วิสก่อนนะ เดี๋ยวนิ่งแล้วค่อยมาเสิร์ฟต่อ
-อาหารหมด แก้วหมด เบียร์หมด ต้องเดินกลับไปดูในครัว บางทีก็ต้องไปเอารถคันใหม่มา
-ผู้โดยสาร 35a อยากได้ผ้าห่ม ผู้โดยสาร 38 D จอเสีย ผู้โดยสาร 39 D. อยากได้ยาแก้ปวด ผู้โดยสาร 40B อยากได้ปากกามากรอกlanding form ฯลฯถ้ามีแอร์หลายคนก็แบ่งไปหยิบให้ซะคนนึง ถ้าอยู่คนเดียวก็ทิ้งรถไปเข้าครัวแล้วมาเสิร์ฟต่อ. รีบๆๆเดินไป ถ้าเป็นไปไก้ก็ขอเสิร์ฟและเก็บให้เสร็จก่อน
-เสิร์ฟข้าวอยู่ ผู้โดยสารขอกาแฟ ต้องบอกว่าขอเสิร์ฟอาหารให้เสร็จก่อนนะคะ เพราะยังไงเราก็ต้องเสิร์ฟอยู่แล้ว(ไม่งั้นเดี๋ยวจะขอกันหมดค่ะ), เอารถที่อาหารหมดไปเปลี่ยนคันใหม่ในครัว ผู้โดยสารยื่นถาดที่ทานหมดแล้วยื่นมาให้ ต้องบอกว่าขอมาเก็บทีหลังนะคะ ยังไงเราก็ต้องเก็บอยู่แล้ว(ไม่อย่างนั้นทุกคนจะยื่นมากันหมด) ,ระหว่างเก็บรถอาหารน้ำไปแล้วจะเอารถเปล่าๆออกไปเก็บถาด ผู้โดยสารขอน้ำส้ม ต้องขอบอกผู้โดยสารว่า ขอเสิร์ฟให้เสร็จก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นก็เก็บไม่เสร็จซะทีค่ะ เคบินรก อันตราย เราจะต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นไม่อย่างนั้นก็อาจจะตกหล่น และคนที่ได้ทานคนแรกก็ควรจะได้เก็บคนแรก เริ่มอาหารตรงไหนก็ควรเริ่มชา กาแฟ และเริ่มเก็บตรงนั้น ผู้โดยสารก็งอนบ้างไม่งอนบ้าง
นี่คือ service หลักๆ พอเสร็จแล้วก็ค่อยสนองความต้องการผู้โดยสารได้เต็มที่ ถ้าไฟลท์กลางวันก็เดินข้ามทวีป. ถ้าไฟลท์กลางคืนผู้โดยสารหลับแอร์ก็ง่วงเหมือนกัน
พอเราเก็บถาดเสร็จ ระหว่างนั้นก็เดินเก็บขยะเรื่อยๆถ้าเห็นว่ามีปริมาณมาก หรือถ้าไม่ค่อยมีก็เช็คเคบินทุก20-30 นาที
อันนี้แบบง่ายยยที่สุดแล้ว สมัยก่อนแอดมินอยู่สายการบินfull service ที่ให้ของผู้โดยสารเยอะมาก แม้แต่ในeconomy classจะมี headset หนังสือพิมพ์ ของเล่นเด็ก, hot towel อาหาร ขนมปังสองรอบ น้ำ ชากาแฟสองรอบ และเก็บ กว่าจะเสร็จแต่ละขั้นตอน (ถ้าbusiness class ก็ขั้นตอนเยอะกว่านั้นอีก แต่ถ้าผู้โดยสารbusiness น้อยก็อาจส่งแอร์business มาช่วยข้างหลังคนนึง)
ก่อนผู้โดยสารเข้าเครื่อง นอกจากแอร์จะเข้าไปเช็คอุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆแล้ว ยังต้องเช็คและเตรียมอุปกรณ์เซอร์วิส นับจำนวนอาหาร ถาด ทั้งสองเซอร์วิส แก้ว นมน้ำตาล ชากาแฟ อาหารลูกเรือ ฯลฯ บางสายการบินพับผ้า. เตรียมจัดรถ อย่างรถเครื่องดื่มบางครั้งเครื่องดื่มก็แยกกันมาอยู่ในcontainer โน้นนี้ เช่นโค้กอยู่ในcontainer นึง ไวน์อยู่อีกที่นึง ฯลฯ ก็ต้องเตรียมหยิบมาใส่drawer เดียวกัน เวลาเตรียมบนเครื่องจะได้เร็วๆ เอามาวางบนรถเข็นได้เลย
การอุ่นอาหารร้อนใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง บางสายการบินให้อุ่นก่อนtake off เลย พอเครื่องอยู่บนฟ้าก็จะได้เอาอาหารออกมาจากเตาใส่drawer ได้เลย บางสายมีกฎให้อุ่นอาหารหลังtake off หลังfasten seat belt sign ดับลง เพราะไม่ต้องการให้ใช้พลังงานระหว่างเครื่องtake offมากเกินไป พอ fasten seat belt sign ดับปุ๊บ ผู้โดยสารก็จะเริ่มถามแล้วว่าเมื่อไหร่จะเสิร์ฟ
เซอร์วิสแรกมักจะเป็นอาหารร้อน ถ้าเป็นอาหารเย็นก็ไม่ต้องอุ่น บางสายมีถึงสามservice!! ถ้าเซอร์วิสสองมีอาหารที่ต้ดงอุ่น ก็ต้องเคลียร์อาหารที่มีในเตาออกมาแล้วโหลดของใหม่เข้าไป
ถ้าเป็นlow cost อาจจะเบากว่าเพราะของไม่เยอะเท่าfull service. และผู้โดยสารก็ไม่ได้ซื้ออาหารทุกคน
ถ้าเป็นไฟลท์สั้น1-2 ชั่วโมงแล้วเสิร์ฟอาหาร เป็นไฟลท์ที่เร่งรีบมาก เครื่องเพิ่งจะtake off ไม่เท่าไหร่ สัญญาณรัดเข็มขัดยังไม่ดับก็ต้องเอารถออกมาเตรียมจัดแล้ว และเครื่องเกือบจะแลนด์ก็เพิ่งจะเก็บของเสร็จ
พอจะเห็นภาพมั้ยคะ ของจริงมันแสนจะเหนื่อยและช้าค่ะ เพราะกว่าจะเสร็จเซอร์วิสนึงมันจะมีอุปสรรคและมีอะไรมาคั่นมาขัดเสมอ ระหว่างกำลังเดินไปหาของหรือหยิบอะไรก็จะได้order ใหม่เสมอ ผู้โดยสารเดินไปมาในเคบินที่ทางเดินแสนจะแคบ เราต้องหลบให้ นี่ยังไม่รวมเคสที่มีmedical, emergency อื่นๆ
ผู้โดยสารบางชาติขึ้นเครื่องบินบ่อยๆ (คือเกือบทุกเดือน) พอจะรู้ว่าการทำงานของแอร์มีขั้นตอนอะไรบ้างเค้าก็จะไม่ค่อยขัดจังหวะ. แต่ผู้โดยสารที่ไม่ทราบ ก็เรียกตลอด
แต่ก็มันส์ดีค่ะการhandle. กับผู้โดยสาร/Macy
ที่มา https://www.facebook...&type=1