69 replies to this topic

[Patchayada]

Advertisements

ขอบคุณนะค่ะสำหรับรีวิว

 

จะตามชมรีวิวต่อไปนะค่ะ

[iiKengz]

ขอบคุณครับสำหรับรีวิว

[alcher]

ขอบคุณน่ะครับ เป็นอีกทางเลือกนึงในการไปจีน

[kenvlove]

ขอบคุณสำหรับ Review ครับพี่หมอยุ่ง

[champ]

รอรีวิวขอกลับด้วบครับ ขอคุณครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ขออภัยที่หายไปหลายวันครับ จะพยายามต่อให้จบแล้ว

 

การเดินทางเข้าเมือง จากสนามบินหางโจว เวลา 5 ทุ่ม

1. แท๊กซี่
2. รถ Shuttle Bus ของสนามบิน

 

 

ทั้งหมดทั้งมวล ต้องเดินไปขึ้นที่ Domestic Terminal ครับ เพราะอินเตอร์เที่ยวบินน้อยมาก

ในขณะที่คนส่วนใหญ่จะกองกันอยู่ที่ Domestic ดูจากผังอาคารนี้ได้ครับ เดินโค้งไปตามอาคารได้เลย ไม่มีหลง

 

ทีนี้ สิ่งที่เราต้องทำใจ หลังจากที่ออกมาข้างนอก (จริงๆ ตั้งแต่ออกจากเครื่อง FD แล้ว) ก็คือ

 

"การหาคนพูดภาษาอังกฤษได้ เหมือนกับ งมเข็มในทะเลจีนใต้ เลยทีเดียว"

 

จึงแนะนำให้ ถ้าเตรียมตัว พยายาม print รูปถ่าย และชื่อจุดหมายเป็นภาษาจีนเยอะๆ เขาจะได้แนะนำและช่วยถูก

เพราะคนแถวนี้ ไม่พูดอังกฤษกันเลย แม้แต่ Information ก็ต้องทำใจนะ

ผมไปทักนี่ ร้อง โอ้วมายก๊อด แล้วก็ นิ่งไปเลยยยยย (ใบ้กินจ้ะ)

 

สรุปอย่างนี้ครับ ตรง Domestic Terminal จะมีคิวแท๊กซี่ (แต่จะบอกว่า ... ถ้าพูด Eng ไม่ได้ อย่าได้เสี่ยงจ้ะ)

 

และมีคิวรถ Shuttle Bus ให้เดินไปถึงประตูที่ 16 (ขาเข้า Domestic) จะเจอรถจอดอยู่ แต่ก่อนขึ้นรถ.... ต้องไปซื้อตั๋วก่อนครับ

เคาน์เตอร์ขายตั๋วจะอยู่ด้านในอาคาร ตามภาพนี้เลย (อันนี้เดินมาจนถึง Domestic Arrival ด้านในอาคารแล้ว ข้างๆ กันจะมีเคาน์เตอร์ Tourist Information และแน่นอน พนักงานแถวนั้นพูด Eng ไม่ได้เลยจ้า

ติดต่อซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์หมายเลข "5" เตรียมเงินคนละ 20 หยวนไว้ได้เลย พนักงานไม่ถาม จ่ายเงินรับบัตรอย่างเดียว

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ตรงช่องหมายเลข 5 เลยครับ
จะเห็นว่า ไม่มีภาษาอังกฤษเลยซักนิดดดด

 

รถ Shuttle Bus นี้ไปจอดที่ไหนบ้าง ??

 

1. สถานีรถไฟ Hangzhou Railway Station (ประมาณ 30-40 นาทีจากสนามบิน)

2. โรงแรม Grand Metropark

3. Wulinen หรือ Wulin Square

 

ส่วนตัวผม ขอแนะนำว่า ควรเลือกที่พักที่อยู่ในย่าน Downtown ที่ใกล้ 3 จุดนี้ เพราะเวลารถถึงตอนดึกๆ

คุณลงจากรถแล้วจะได้สามารถเดินไปยังที่พักได้เลยครับ

ของส่วนตัวผม เลือกพักที่โรงแรม Red Star Culture Hotel ข้างสถานี Hangzhou Railway Station เลย สบายๆ

 

ปล. เรื่องสถานีรถไฟหลัก เดี๋ยวอธิบายอีกเพราะมี 2 สถานีที่เราจะนิยมใช้คือ Hangzhou และ HangZhouDong (หรือ Hangzhou East) นั่นเอง 

 

ได้ตั๋วมาแระครับ ไปขึ้นรถด้านนอกได้เลย (เราก็ใช้วิธีตามๆ กันไปครับ แม้จะไม่ค่อยมั่นใจก็ตาม)

 

รถจะมาจอดเทียบอยู่ด้านหน้า อยากรู้ว่าคันไหน คันที่คนเข้าคิวกันเยอะที่สุดหล่ะครับ

เพราะเป็น Shuttle Bus สายเดียวที่ยังให้บริการในช่วงดึกขนาดนี้นั่นเองงง

 

สิ่งที่เราต้องทำคือ นำสัมภาระใส่ไว้ใต้ท้อง แต่ขอบอกว่า โอกาสกระเป๋าสลับกันสูงมาก แนะนำให้ลงป้ายแรก คือ Hangzhou Railway Station จะชัวร์สุดๆ ครับ หรือถ้าใบไม่ใหญ่ หิ้วขึ้นรถไปเลย แต่ที่นั่งเต็มแน่นอน ก็ต้องวางบนตักนะครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เอาหล่ะครับ ผมเลือกลงป้ายแรก

ผมก็ดูที่พักใน Booking.com โดยเลือกที่ Location เป็นหลัก

เนื่องจากผมมองว่า ถ้าได้ที่พักใกล้จุดเดินทาง อย่างน้อยก็มีที่ฝากของในช่วงกลางวัน 

และ ถ้าจะกลับมาเอาของเพื่อเดินทางต่อ ก็ไม่ยากเท่าใดนักนั่นเอง

 

นั่งรถประมาณ 40 นาที ก็ถึงแล้วครับ จอดโค้งหน้าสถานีรถไฟพอดี ตอนช่วงเข้าเมืองก็หูไวตาไวนิดหน่อย

สังเกตคนในรถถ้าเริ่มเก็บของแล้วก็เตรียมตัวได้เลย มองไปทางฝั่งซ้ายจะเห็นป้ายสถานีรถไฟ รถเลี้ยวขวาและจอดข้างทางให้

มีคนในรถลงบ้าง จุดต่อไปก็คือ โรงแรม Grand Metropark และ Wulinnen (หรือ Wulin Square) นั่นเอง

พวกรถรับจ้างมามะรุมมะตุ้มพอสมควร ส่งภาษาจีนล๊งเล๊ง เราก็ไม่สนใจ เดินออกมาเลย

 

ช่วงจังหวะชุลมุนนี่หล่ะ โอกาสจะพลาดเรื่องกระเป๋ามี ดังนั้นนับจำนวนชิ้นและดูสัมภาระตัวเองดีๆ นะครับ

ถ้าต้องใส่ใต้ท้องรถจริงๆ ก็ทำสัญลักษณ์ หรือหาอะไรติดไว้ให้เด่นๆ ก็จะดี มืดๆ ด้วย

 

ตอนแรกก็มืดแปดด้าน โรงแรมเราอยู่ไหน ตรงนั้นไม่ต้องกลัวครับ มีตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่

พวกที่มะรุมมะตุ้มก็กลัวตำรวจอยู่ ถามตำรวจได้ครับ ตำรวจก็ชี้ไปเลย นู้นไง ตึกสูงๆ ที่มีตัวอักษรจีนแดงๆ บนยอดอาคารตรงนั้น

(ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ดูจากรูปในเว็บบุ๊กกิ้งดอทคอมมาบ้างก็เลยร้องอ๋อ)

 

เดินไปโรงแรมกันครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เช็คอิน ก็เรียบร้อย ได้ห้องพักแล้ว
โรงแรมชื่อ Red Star Culture Hotel แต่ชื่อใน Booking.com ตามที่จองมาชื่อ Hangzhou Hongxing Wenhua Hotel

คือโรงแรมเดียวกัน โอ้ววว พัก 2 คน เตียงคู่ คืนนี้จ่ายไป 378 หยวน หรือประมาณ 1,9xx บาทไม่รวมอาหารเช้า

ถามว่าถูกไหม ก็ไม่ถูก แต่พอดีต้องการโรงแรมที่นอนสบายหน่อย 

โรงแรมย่านสถานีรถไฟที่ถูกกว่านี้ก็มีครับ แต่สภาพก็ตามราคา อย่างที่นี่พนักงานยังพอพูด Eng ได้บ้าง แต่ถ้าเล็กๆ มั่นใจได้เลยว่า เมื่อยมือแน่ๆๆ

 

โรงแรมเมืองจีน ห้องเตียงคู่จะถูกกว่าเตียงเดี่ยวครับ !!

 

แผนที่ตั้งโรงแรม อยู่ใกล้สถานีรถไฟ/และรถไฟฟ้าใต้ดิน Hangzhou Railway Station มากๆ 

ถ้าไปทะเลสาบ Xihu หรือ West Lake ก็ใช้เวลาไม่ไกลนัก นั่งรถเมล์จากสถานีแค่ 4 ป้ายก็ถึงแล้วครับ

 

ตอนเช้าตื่นมา เช็คเอ้าท์ ฝากของไว้ที่โรงแรม แล้วก็จะเที่ยวเมืองหางโจวกัน

ก่อนจะไปเซี้ยงไฮ้ในช่วงเย็น ซึ่ง เราจะต้องไปซื้อตั๋วรถไฟหัวกระสุนกันตั้งแต่เช้าครับ รถไฟหัวกระสุน ปกติเต็มตลอดนะครับ

เราสามารถเปิดเว็บเช็คขบวน ทำการบ้านรอล่วงหน้าได้ที่นี่เลยครับ

http://www.travelchi...m/china-trains/

(จริงๆ เว็บนี้ก็ขายตั๋ว แต่คิดค่าออกตั๋วใบนะ 60 หยวน แพงพอๆ กับค่ารถไฟเลย ไปซื้อเองสบายกว่าครับ)

 

 

ขั้นตอนในการไปซื้อตั๋วและเดินทางด้วยรถไฟหัวกระสุนจีนคือ
1. ตรวจสอบหมายเลขขบวนรถและที่ว่างให้เรียบร้อย จดใส่กระดาษ (หมายเลข เวลา ต้นทาง-ปลายทาง วันเดินทง จำนวนคน)
2. ไปห้องตั๋ว เพื่อซื้อตั๋วจ่ายเงินกับเจ้าหน้าที่
3. ก่อนการเดินทางควรผ่านด่าน Security ตั้งแต่เนิ่นๆ (เหมือนสนามบิน) เพราะพื้นที่นั่งรอด้านใน มีสำหรับผู้โดยสารเท่านั้น

4. ก่อนการเดินทางราว 10-15 นาที จะเปิดให้ผู้โดยสาร เสียบบัตรโดยสารเข้าประตู Gate (เหมือนรถไฟฟ้า) เพื่อลงไปชานชลาด้านล่าง

ย้ำว่า เวลามีจำกัดมากๆ และคนเยอะที่สุด เผื่อเวลาไว้ด้วย

5. ขึ้นรถ และนั่งที่นั่งตามนั้น ถ้าไปช้าอาจจะได้ที่นั่งแบบตั๋วยืน (Seat Less)

ุ6. ถึงสถานีปลายทาง ออกจากชานชลา ต้องผ่าน ประตู Gate (เหมือนรถไฟฟ้า) เสียบบัตรเพื่ออกจากสถานีด้วย

ดังนั้น บัตรรถไฟฟ้า ต้องเก็บไว้ให้ดี ห้ามหาย จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางออกจากสถานีแล้วครับ

 

 

ทั้งนี้ ข้อจำกัดในการเดินทางของชาวต่างชาติ ต่างด้าว อย่างเราๆ ก็คือ

"จะต้องซื้อตั๋วรถไฟกับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ไม่สามารถซื้อกับตู้อัตโนมัติได้"

เพราะปกติ เวลาซื้อกับตู้ ตอนก่อนจ่ายเงินจะต้องโปะบัตรประชาชนจีน เพื่อยืนยันตัวบุคคลด้วย 

แน่นอน ตอนเราซื้อกับเจ้าหน้าที่ เขาก็จะขอพาสปอร์ต ไปคีย์เลยพาสปอร์ตลงในตั๋วด้วยเช่นกันครับ

เวลาไปซื้อตั๋วจึง ห้ามลืม .... เอาพาสปอร์ตไปด้วย และเช็คตารางรถให้เรียบร้อย จดใส่กระดาษไว้เลย

ถ้าแพลนทริปไว้แล้ว ซื้อตั๋วไป-กลับ ให้เรียบร้อยครบถ้วน จะได้ไม่ต้องรีบ และเสียเวลามาซื้อตั๋วอีก

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

พาไปห้องตั๋วก่อนนะครับ จะอยู่ด้านข้างของอาคาร ห่างออกจากส่วน Departure Hall พอสมควร คนละที่กันเลย

และแน่นอน บางสถานีที่ตั้งก็ไม่เหมือนกัน บางทีเอาห้องตั๋ว Ticket ไปไว้ซะไกล ต้องเดินหากัน

 

ขั้นตอนในการไปซื้อตั๋วและเดินทางด้วยรถไฟหัวกระสุนจีนคือ
1. ตรวจสอบหมายเลขขบวนรถและที่ว่างให้เรียบร้อย จดใส่กระดาษ (หมายเลข เวลา ต้นทาง-ปลายทาง วันเดินทาง จำนวนคน)

กรณีเราจะเดินทางจากสถานี Hangzhou Railway Station (ที่ยืนอยู่นี้) ไป เซี้ยงไฮ้

ปกติสถานีที่รถไฟจากหางโจวจะไปจอดก็จะมีอยู่ที่หลักคือ Shanghai Hongqiao Station ก็เลือกตัวนี้ไป

เราามารถจิ้มเครื่องตู้อัตโนมัติได้เลย เพราะมีเมนูภาษาอังกฤษให้เลือกอยู่แล้วครับ

 

สำหรับขบวน G ราคาแพงกว่า จอดสถานีน้อยกว่า วิ่งเร็วกว่า

และขบวน D ราคาถูกกว่า จอดสถานีมากกว่า เช่นไปเซี้ยงไฮ้อาจใช้เวลาราว 1.20 ชั่วโมง จอดประมาณ 3-5 ที่

แต่ถ้าตัว G อาจจะเร็วกว่าซัก 20 นาที จอดแค่ 2-3 ที่ เป็นต้น ก็ตามกำลังเงินนะครับ แต่ที่เห็นขบวน D จะเต็มไวมากๆ 

ถ้าไม่ซีเรียสกับเรื่องเงิน ที่นั่งตั๋วขบวน G ก็หาซื้อได้ไม่ยาก ซื้อก่อนเดินทางนิดหน่อยก็ได้แล้วครับ

 

2. ไปห้องตั๋ว เพื่อซื้อตั๋วจ่ายเงินกับเจ้าหน้าที่ ยื่นกระดาษที่จดเลขทีขบวน เวลา วันเดินทางไว้ให้

เขาก็จะชี้ไปที่หน้าจอ แล้วก็ตรวจสอบความเรียบร้อย ยื่นพาสปอร์ตผู้โดยสารทุกคนไป แล้วก็จ่ายเงินครับ

ค่าตั๋วขบวน D จาก หังโจวไปเซี้ยงไฮ้ 48 หยวน สบายๆ เลือกเดินทางรอบเย็น

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

เวลาซื้อตั๋ว ดูชื่อสถานีต้นทาง-ปลายทางให้ถูกต้องด้วยนะครับ

อย่างแค่หางโจว มีทั้ง Hangzhou และ HangZhouDong (Hangzhou East) อยู่คนละที่กันเลยครับ

ระวังอย่างได้จดผิดหรือจดสลับกัน ถ้าตกรถหล่ะก็ จริงๆ เลื่อนได้ครั้งหนึ่ง แต่จะสื่อสารกันยังไงเนี่ยะหล่ะครับ !!

 

เรื่องที่นั่ง "แจ้งแต่เจ้าหน้าที่จัดให้ ตามที่ว่างที่เหลืออยู่" ดังนั้นพูดยากครับ อาจจะได้ตั๋วแบบนั่งแยกกันคนละตู้แบบนี้เลยก็ได้

ถ้าได้แบบนี้มา แปลว่า ได้ตั๋วเรียบร้อย พร้อมเดินทางได้ เดี๋ยวตอนเย็นผมจะกลับมาใหม่ครับ ตอนนี้ไปเที่ยวหางโจวก่อน

 

3. ก่อนการเดินทางควรผ่านด่าน Security ตั้งแต่เนิ่นๆ (เหมือนสนามบิน) เพราะพื้นที่นั่งรอด้านใน มีสำหรับผู้โดยสารเท่านั้น

(อันนี้สถานีแบบเก่า ถ้าสถานีแบบใหม่ ก็จะมีเครื่องตรวจมากขึ้น กั้นพื้นที่กว้างขึ้น แต่สามารถเดินหากันได้หมด)

 

เมื่อเข้าไปข้างในก็จะมี Gate ให้นั่งรอเป็นโซนๆ ประมาณนี้

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

4. ก่อนการเดินทางราว 10-15 นาที จะเปิดให้ผู้โดยสาร เสียบบัตรโดยสารเข้าประตู Gate (เหมือนรถไฟฟ้า) เพื่อลงไปชานชลาด้านล่าง

ย้ำว่า เวลามีจำกัดมากๆ และคนเยอะที่สุด เผื่อเวลาไว้ด้วย เยอะขนาดไหน ดูตามภาพนะครับ

 

ผ่านเข้าไปแล้วลงไปข้างล่าง ทุกคนก็รีบเพราะรถไฟมาถึงแล้ววววว คนเป็นร้อยๆๆ เลย

 

5. ขึ้นรถ และนั่งที่นั่งตามนั้น ถ้าไปช้าอาจจะได้ที่นั่งแบบตั๋วยืน (Seat Less)

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ใช้เวลาเดินทางราว 1.10 ชั่วโมง จอดแค่ 2 สถานีเองก็ถึงแล้วครับ

 

สถานี Shanghai Hongqiao เป็นสถานีที่ใหญ่มากๆ

รถจากหางโจว ยังไงก็ต้องมาที่นี่ครับ และขากลับจากเซี้ยงไฮ้ไปหางโจว ก็ต้องกลับมาขึ้นที่นี่

 

ุ6. ถึงสถานีปลายทาง ออกจากชานชลา ต้องผ่าน ประตู Gate (เหมือนรถไฟฟ้า) เสียบบัตรเพื่ออกจากสถานีด้วย

ดังนั้น บัตรรถไฟฟ้า ต้องเก็บไว้ให้ดี ห้ามหาย จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางออกจากสถานีแล้วครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ออกมาข้างนอกแล้ว สถานีนี้ใหญ่มาก ระวังหลงกันด้วยนะครับ

 

สำหรับการเดินทางจาก .... สถานี Shanghai Hongqiao เข้าเมือง

สะดวกสบายมากๆ ด้วยรถไฟฟ้าครับ ของผมเลือกที่พักย่านถนนคนเดิน Nanjing Road สบายแฮเลย

 

สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย 2 ไปอีก 11 สถานีลงที่สถานี East Nangjing Road ก็ถึงแล้ว

วิธีการซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินเซี้ยงไฮ้ไม่ยากเลยครับ ที่สำคัญ ค่ารถไฟฟ้าถูกมากกกกกกก

เริ่มต้นที่ 3 หยวน นั่งไปได้อย่างน้อย 3-4 สถานี อย่างนั่งไป 11 สถานีก็แค่ 5 หยวนเอง

 

วิธีการขึ้นก็เหมือนรถไฟปกติ เพียงแต่อาจจะเจอมนุษย์ป้ามาเป็นแผงนิดหน่อย

ผีร่องตูดก็พบได้บ้างเป็นครั้งคราว

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

กระทู้นี้ก็พาทุกท่านมาถึงเซี้ยงไฮ้กันแล้วว

ไ่ม่ยากเลยใช่ไหมครับ แต่อาจจะวุ่นวายหน่อยเท่านั้นเอง

 

ถนนคนเดิน Nanjing Road

 

ที่พักสุดคุ้มของเรา ชอบที่นี่มากๆ เลย ชื่อโรงแรม "สวรรค์ชั้นเจ็ด"

Seventh Heaven Hotel กลางถนนคนเดินพอดี 

และอยู่ในระยะที่เดินไปเดินชมวิว The Bund ได้ (ก็ประมาณ 10 กว่านาที)

มีรถไฟฟ้าอยู่ 2 สถานีใกล้ๆ คือ East Nangjing Road หรือ People's Square ก็ได้

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ฝากวิว The Bund ตอนกลางวัน (ฝนตก) และตอนกลางคืนซักหน่อยแล้วกัน ไหนๆ มาถึงเซี้ยงไฮ้แล้ว (แม้ไม่ได้บินตรงก็ตาม)

 

แถวนี้สวยจริง และ เหมือนไม่ได้อยู่ในเมืองจีน ชาวต่างชาติเยอะมาก

ดูดีมีสีสันมากกว่าฮ่องกง ในความรู้สึกผม ที่หลายๆ คนอาจจะเบื่อแล้ว

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ซื้อตั๋วรถไฟขากลับ เซี้ยงไฮ้ กลับไป หางโจว

โดยปกติแล้ว .... รถไฟ เราจะซื้อล่วงหน้าได้แค่ 3 วัน (รวมวันเดินทาง) เท่านั้น

นั่นหมายถึง สมมติว่า เราซื้อตั๋ววันที่ 10 เราจะสามารถซื้อล่วงหน้าของวันที่ 11 และ 12 ได้

แต่จะไม่สามารถซื้อของวันที่ 13 ได้ ต้องรอซื้อในวันที่ 11 นั่นเอง

 

ตอนแรกผมก็มืดแปดด้านว่าจะไปซื้อที่ไหนดีหนอ จนมีคนจีนที่เจอโดยบังเอิญแนะนำว่า

คุณไปซื้อที่ Shanghai Railway Station สิ ห่างออกไปจาก People's Square ไปแค่ 3 สถานีเอง (นั่งสาย 1 ไป)

แต่ตอนไปขึ้นรถคุณก็ต้องไปขึ้นที่ Shanghai Hongqiao ซึ่งก็ไม่มีปัญหา ที่ไหนก็ออกตั๋วรถไฟได้ ไปกันนะครับ

 

ผมก็คุ้ยๆ ค้นหาขบวนที่น่าสนใจก่อน แล้วก็ไปที่ห้องขายตั๋ว อยู่อีกอาคารทางนู้นนน เลย (ออกจากตู้อัตโนมัติเลี้ยวซ้าย)

เดินลงไปทางลอดใต้ถนนขึ้นมาแล้วขึ้นไปชั้น 2 ครับ ที่นี่เลย ออกตั๋วได้ 
ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้สบายใจมีที่นั่งกลับแน่นอน ราคาก็เหมือนเดิม ขบวน G ราคา 71 หยวน ถ้าเป็น D ก็ 48 หยน

 

ปล. อย่างนี้ครับ ทริปผม ผมไป survey ที่ Ningbo มาด้วย ดังนั้นเที่ยวขากลับผม จะขึ้นจาก Ningbo กลับไป Hangzhou East

และจากสถานี Hangzhou East เข้าสนามบิน Hangzhou Xiaoshan International Airport ก็ตามรีวิวต่อไปนี้เลยครับ

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ผมเดินทางจากเซี้ยงไฮ้ไปหนิงโปด้วยรถบัส ค่อนข้างทรหดอยู่ ใช้เวลา 3.40 ชั่วโมง แม้จะวิ่งข้ามสะพานข้ามทะเลยาว 33 กิโลเมตรก็ตาม

แต่ถ้าเทียบแล้ว รถไฟหัวกระสุนไวกว่า ชัวร์กว่า ไม่ค่อยแนะนำรถบัสเท่าไหร่ครับ ดังนั้นรีวิวนี้จะไม่พูดถึง ....

พูดถึงสถานีรถไฟ Ningbo เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ทุกอย่างยังใหม่เอี่ยมและใหญ่โตมาก

สิ่งสำคัญที่คุณต้องดูก็คือ .... รถไฟที่เราจะไปนั้นเรียกขึ้นที่ชานชลาอะไร แล้วก็ไปรอใกล้ๆ ชานชลานั้น

 

อย่างชานชลาขบวนที่ผมจะขึ้นนี้ อยู่ที่หมายเลข 9 ก็จะขึ้นที่ 9A หรือ 9B ก็ได้ ได้ทั้งคู่ แค่แบ่งประตูเป็น 2 ประตู คนละฝั่งของสถานีเท่านั้น

 

หน้าตาของแต่ละ Gate ก็แบบนี้ ปกติจะปล่อยให้คนเสียบตั๋วเข้าไปชานชลา ก่อนถึงเวลาออกเดินทางประมาณ 15 นาทีครับ

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ได้เวลา boarding แล้ววว เสียบตั๋วผ่านประตูแล้วก็ลงมาชานชลาได้เลย

 

ตรงชานชลาจะมีบอกว่า รถประเภทกี่ตู้ ตู้หมายเลขนี้ประตูจะอยู่ตรงไหน (คล้ายญี่ปุ่น)
แต่ต้องทำเวลากว่ามากๆ เพราะ เวลามีจำกัด ไม่ได้ยืนรอนานเลย

 

บนรถก็เหมือนเดิม อยากจะบอกว่า .... รถไฟเดินทางได้เร็วจริง แต่กลิ่นไม่ค่อยน่าภิรมย์เท่าไหร่

ได้กลิ่่นฉี่เย็นๆ ลอยมา กลิ่นบุหรี่ไม่มีก็จริง แต่พอรถจอดสถานีไหน สิงห์อมควันก็จะออกไปสูบข้างนอกกัน

 

ข้ามสะพานนี้แล้วแปลว่าใกล้ถึงสถานี Hangzhou East แล้ว เดี๋ยวตอนเรานั่งรถเข้าสนามบินก็ต้องนั่งกลับมาข้ามสะพานนี้อยู่ดี

 

[ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์]

ในที่สุดก็ถึงแล้วสถานี Hangzhou East สถานีใหม่โออ่ากว่าเดิมมากกกก

 

ดูดบุหรี่กันสุดๆ ไปเมืองจีนไม่ได้กลิ่นบุหรีแปลว่าไปไม่ถึง

 

ผังสถานี คือแบบว่าใหญ่มาก

จุดที่ขึ้นรถ Airport Shuttle Bus จะอยู่ฝั่ง East ครับ ถ้าออกจากชานชลา

ลงไปข้างล่างแล้ว เสียบบัตรออกไปข้างนอก ก็ดูทิศนะครับ ดูจากป้ายก็ได้ว่าให้ไปทาง East Exit