กลับมาต่อภาค 2 กันครับ
ในภาคนี้จะรวม 3 เมืองสุดท้ายในอิตาลี คือ ปิซ่า เวนิส และมิลาน
มาเริ่มต้นกันที่เมือง PISA กันก่อนคับ
|
|
Posted 05 November 2013 - 10:47 AM
จาก Florence ไปเมือง PISA ใช้เวลาไม่นานคับ แค่ชั่วโมงเศษๆ
เพราะฉะนั้นหลังจากชมเมือง florence บ่ายแก่ๆ วันนั้นเราเลยเดินทางไป PISA กันเลย
นี่คือข้อดีของการไปเที่ยวช่วง summer คับ เพราะจะมืดช้า เที่ยวได้นานขึ้น
ถ้าไม่ได้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะจะต้องมาจอดรถนอกเมือง เนื่องจากทางเมือง PISA พยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษาหอเอนปิซ่าไว้ให้นานที่สุด (เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งรายได้แห่งเดียวของเมืองนี้) เพราะฉะนั้นการให้รถใหญ่เข้าไปมากๆ อาจจะมีความสั่นสะเทือนไปกระทบหอเอนได้
ค่ารถ shuttle bus รู้สึกจะ 1 ยูโร
Posted 05 November 2013 - 11:05 AM
เมือง PISA เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทาสคานาประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100กิโลเมตร เคยเป็นมหาอำนาจทางการเดินเรือ ก่อนที่จะตกเป็นเมืองขึ้นของ เมืองฟลอเรนซ์ และ เจโน (Florence and Genoa)
สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังมากคือ หอเอนเมือง PISA ซึ่งจริงๆ เจ้าหอที่ว่านี้เป็นหอระฆังซึ่งเป็นส่วนนึงของ เปียซ่า เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo)
Posted 05 November 2013 - 11:08 AM
เปียซ่า เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo) เป็นจัตุรัสที่ได้รับการขนานนาม ว่า "Campo dei Miracoli” หรือ " ทุ่งมหัศจรรย์ ” เพราะเป็นที่ตั้งของหอคอยที่โด่งดัง และ โบสถ์สำคัญ ๆ หลายแห่ง ดูโอโม (Duomo) ของที่นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของ สถาปัตยกรรมสไตล์ โรมันเนสค์ (Romanesque) ซึ่งผสมผสานด้วยศิลปะแบบอิสลาม โกธิค และ โรมัน มี อายุตั้งแต่ คริสตศตวรรษที่ 5 – คริสตศตวรรษที่ 16
Posted 05 November 2013 - 11:13 AM
ภายใน เปียซ่า เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo) มีสิ่งก่อสร้างสำคัญ 4 อย่างได้แก่
บาปติสทรี (Baptistry )
เป็นตึก ที่มีลักษณะเป็นวงกลม ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี สร้างเมื่อปี 1152 โดย ดีโอตีซัลวี (Diotisalvi) และได้รับการต่อเติมด้วย สถาปัตยกรรมสไตล์ต่างๆ ตลอดเวลาสองศตวรรษ รวมทั้งศิลปะแบบ โรมันเนสค์ และ โกธิค เนื่องจากพื้นที่ด้านในนั้น ค่อนข้างกว้างจึงมี รูปปั้นแกะสลักจากหิน เต็มไปหมด และยัง ประกอบไปด้วย อ่างน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ที่สวยงาม และ พื้นสูงที่สร้างโดย นิโคลา ปิซาโน (Nicola Pisano)
จุดสำคัญอื่น ๆ ในบาปติสทรีนี้ คือ ห้องเสียงที่ผู้เข้าชม สามารถจะเข้าไปร้องเพลง และลองแต่งเพลงซักบรรทัดดูได้ หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หอล้างบาป เป็นคริสต์ศาสนสถาน ที่สร้างเป็นอิสระจากสิ่งก่อสร้างอื่นโดยมีอ่างศีลจุ่มเป็นศูนย์กลาง หอศีลจุ่มอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของวัดหรือมหาวิหารซึ่งมีแท่นบูชาและคูหาสวด มนต์ของตนเอง ในวัดสมัย คริสเตียนยุคแรกหอศีลจุ่มจะเป็นสถานสำหรับผู้จะเข้ารีตเรียนรู้เรื่องศาสนา ก่อนจะรับศีลจุ่ม และเป็นที่ทำพิธีรับศีลจุ่ม
ขอบคุณข้อมูลจาก http://dpu01niramond.../blog-post.html
Posted 05 November 2013 - 11:17 AM
มหาวิหารปิซา (Cathedral of Pisa) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของ จัตุรัสปาฏิหาริย์ (Campo dei Miracoli) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิหารอิตาลี ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมันเนสก์อย่างแท้จริง
มหาวิหารสร้างระหว่าง ปี ค.ศ. 1063 - ค.ศ. 1092 โดยมีการเพิ่มเติมลักษณะกอธิคเข้าไปบ้าง ลักษณะต่างที่ใช้สร้างมหาวิหารปิซา ยังคงใช้ในการสร้างสิ่งก่อสร้างในอิตาลีมาจนถึงสมัยบาโรก
Posted 05 November 2013 - 11:22 AM
เริ่ม สร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 โดย โบนันโน ปิซาโน (Bonanno Pisano)ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี
แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ทำให้หอระฆังแห่งนี้เริ่มเอียงไปในทิศตะวันตกเฉียงใต้ ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุดในโลก
พอสร้างเสร็จฐานก็ทรุดลงไปข้างหนึ่ง ทำให้เอียงออกไปจากเส้นดิ่ง 4 เมตร แต่ที่ไม่ล้มลงมา เพราะแรงที่จุดศูนย์ถ่วง เมื่อลากดิ่งลงมาไม่ออกนอกฐานจึงไม่ล้มยังทรงตัวอยู่ได้
Posted 05 November 2013 - 11:23 AM
หลัง จากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา ตลอดระยะเวลาตั้งแต่การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ หอเอนแห่งเมืองปิซ่ามีระยะความเอียงเพิ่มขึ้นทุกๆปีจนเกิดความวิตกกันว่าหอ ระฆังแห่งนี้จะถล่มลงมาในวันใดวันหนึ่ง ดังนั้นในปี ค.ศ. 1964 รัฐบาลอิตาลีจึงได้เริ่มการศึกษาวิธีการในการคงสภาพของหอเอนแห่งเมืองปิซ่า มิให้เอนไปมากกว่านี้ บรรดานักคณิตยศาสตร์ วิศวกร และนักประวัติศาสตร์จากหลากหลายประเทศถูกเชิญให้เขามามีส่วนร่วมในการระดม สมองในครั้งนี้ หลังจากใช้เวลากับการศึกษาวีธีการกว่า 20 ปี
Posted 05 November 2013 - 11:24 AM
โครงการ บูรณะหอเอนแห่งเมืองปิซ่า โดยการตัวอาคารถูกขึงและดึงโดยสาเคเบิลจนตัวอาคารเริ่มขยับเป็นระยะกว่า 45 เซนติเมตร อันเป็นตำแหน่งในปีค.ศ.1838 และได้เปิดให้สาธารณชเข้าชมหอระฆังแห่งนี้ได้อีกครั้งในปี ค.ศ.2001 จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจนล่วงมาถึงปี ค.ศ.2008 หอเอนแห่งเมืองปิซ่าก็ได้รับการประกาศว่าหอคอยแห่งนี้ไม่มีการเคลื่อนที่อีก เลยตั้งแต่ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ โครงการเสริมความมั่นคงของหอเอนนี้ ใช้งบประมาณ 26 ล้านยูโร คาดว่าจะช่วยให้ความมั่นคงได้ถึง 200 ปี โครงการนี้ดำเนินงานมามากกว่า 10 ปี ซึ่งรวมถึงการขุดดินทางด้านทิศเหนือ ออกประมาณ 70 ตัน การขุดดินออกนี้ ช่วยให้หอคอยปรับตั้งตรงขึ้นได้ด้วยตัวเอง
Posted 05 November 2013 - 11:51 AM
จากนั้นเราก็ไป check in เข้าพักกันที่ Nil Hotel ที่เมือง florence
ตอนแรกโดนไกด์แซวว่าคืนนี้จะไปนอนคุกกัน ตอนแรกนึกว่าพูดเล่น แต่จริงๆพอไปถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนะ
ไม่ได้หมายถึงสภาพโรงแรม แต่เป็นความปลอดภัย
ตั้งแต่เดินทางท่องเที่ยวมา ที่นี่เป็นโรงแรมแรกที่มีการปิดรั้วตลอดเวลา จะเปิดเฉพาะเวลามีรถเข้าออก
แล้วดูลักษณะรั้ว ไม่รู้ว่าห้ามคนนอกเข้า หรือห้ามคนในออกกันแน่ 555
0 members, 1 guests, 0 anonymous users
ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Galileo (แสดงผล waiting list) | ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Amadeus (เแสดงเฉพาะที่นั่งว่าง) | |
ติดต่อเจ้าหน้าที่แผนก ตั๋วเครื่องบิน โทร 02-3737-555 / จันทร์ - ศุกร์ 09.00~18.00 น. // เสาร์ 09.00-16.00 น. |