152 replies to this topic

[Mgastronome]

Advertisements

เสาโอบิลิสก์ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่กลางลาน

 

เป็นความเชื่อของคนสมัยโบราณว่า เมืองไหนที่เป็นมหานครจะต้องมีเจ้าเสาตัวนี้ตั้งอยู่ เพราะฉะนั้นเมืองที่ต้องการแสดงความเป็นมหานครเลยไปควานหามาตั้งกันใหญ่เลย

 

เมืองใหญ่ๆในยุโรปเลยมีเจ้าเสาแบบนี้แทบทุกเมือง  ไม่เว้นแม้กระทั่งอเมริกา ก็เอาความเชื่อนี้ไปใช้ด้วย

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ใครที่อยากจะไปเยี่ยมชม แนะนำว่าไปเช้าๆเลยคับเพราะคนจะไปเยอะ

 

พอเริ่มสายๆ ยิ่งช่วงบ่าย แถมจะยาวมากกกกกกกกกก  แถมร้อนด้วย

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

เข้าไปชมความงามด้านใจโบสถ์กันคับ

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

เนื่องจากเป็นโบสถ์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของคริสต์ศาสนา

 

ด้านในเลยอลังการงานสร้างมากคับ

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ปฏิมากรรมชิ้นสำคัญที่ใครมาถึงที่นี่แล้วต้องไปชมคือ รูปปั้นที่ชื่อ Pieta

 

ปีเอต้า (Pieta) เป็นงานชิ้นที่สำคัญที่สุดที่เป็นประติมากรรมหินอ่อนของไมเคิลแองเจลโล 

 

เป็นรูปพระแม่มารีย์ประทับบนแท่นหิน ขณะที่รองรับพระศพของพระเยซูไว้ในท่าพาดบนตักหลังจากที่ถูกนำลงจากไม้กางเขน ปีเอต้าได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากหินอ่อนบริสุทธิ์ สูง 5 ฟุต 9 นิ้ว มีเกลันเจโลสร้างปีเอตาขึ้นตามสัญญาว่าจ้างจากสำนักวาติกันแห่งกรุงโรม เพื่อให้มาประดิษฐานที่มหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใช้เวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1494-1501 เมื่อส่งมอบผลงาน ปีเอต้าได้สร้างความมหัศจรรย์แก่ผู้ที่ได้ยลความงามของปีเอต้าเป็นอย่างมาก ด้วยความสมจริงทั้งในส่วนของรายละเอียด รอยยับต่าง ๆ และอีกหลาย ๆ องค์ประกอบที่ทำให้ปีเอต้ามีความงดงามอย่างยิ่ง จนมีผู้กล่าวว่าปีเอตาไม่น่าจะถูกสลักขึ้นจากฝีมือมนุษย์

 

และอาจจะเป็นด้วยสาเหตุนั้นเองที่ทำให้มีเกลันเจโลพอใจในผลงานนี้ จนลอบมาสลักชื่อไว้ที่ผลงาน ทั้ง ๆ ที่ในผลงานอื่น ๆ ของเขา ไม่มีชิ้นใดที่เขาสลักชื่อเอาไว้เลย

 

ดัดแปลงจากข้อมูล wiki

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ซุ้มเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's baldachin) เป็นซุ้มสำริดที่สร้างโดยจานโลเรนโซ แบร์นินีที่ตั้งอยู่เหนือแท่นบูชาเอกภายใต้โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

 

ตัวซุ้มสร้างขึ้นเพื่อหมายที่ตั้งของบริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์ตั้งแต่ดั้งเดิม สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 8 ทรงเป็นผู้จ้างให้จานโลเรนโซ แบร์นินีเป็นผู้ออกแบบ การก่อสร้างซุ้มเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคมของปี ค.ศ. 1623 และมาเสร็จลงในอีกสิบปีต่อมาในปี ค.ศ. 1633

 

ข้อมูลจาก wiki

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ใหญ่โต อลังการและสวยงามมากคับ

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

เดินชมได้เรื่อยๆ

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ระหว่างเดินชม เอาเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยมาลงด้วยแล้วกันนะคับ

 

ตัวมหาวิหารสร้างโดยจักรพรรดิคอนสแตนติน  ในค.ศ. 326 และสร้างเสร็จใน ค.ศ. 349 ใช้เวลาก่อสร้าง 23 ปี โดยมหาวิหารนี้ได้สร้างคลุมหลุมศพของนักบุญเปโตร

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ใน ค.ศ. 1451 พระสันตะปาปนิโคลัสที่ 5  ได้มอบหมายให้มีการสำรวจสภาพของมหาวิหาร พบว่าสภาพของตัวอาคารทรุดโทรมมากจนไม่สามารถที่จะซ่อมแซมได้ดังนั้นจึงต้องสร้างมหาวิหารหลังใหม่ มิฉะนั้นมหาวิหารหลังเก่านี้อาจจะล้มพังลงมาได้ พระสันตะปาปาจึงต้องการให้สร้างมหาวิหารหลังใหม่โดยใช้โครงสร้างเดิม แต่พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ก่อน เรื่องนี้จึงหยุดพักไป

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

พระสันตะปาปาจูลีอุส ที่ 2  เป็นพระสันตะปาปาที่ได้รวบรวมนักศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายท่านมาร่วมทำงานกับพระองค์ เช่น ไมเคิล แองเจลโล, ราฟาแอล และ บรามันเต พระองค์ได้มอบหมายให้ บรามันเต วางแผนสร้างมหาวิหารนักบุญเปโตรหลังใหม่ มีพีธีวางศิลาฤกษ์วันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1506

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

งานทั้งหมดนี้มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นมหาศาลในการก่อสร้าง  และยังเป็นชนวนให้เกิดการแยกตัวออกไปของนิกายโปรแตสแตนท์ เนื่องจากความขัดแย้งในการเรี่ยไรเงินมาสร้างวิหาร  แต่ในที่สุด มหาวิหารนักบุญเปโตร ก็ได้รับการเสกโดยพระสันตะปาปาอูร์บัน ที่ 8 ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1926 รวมเวลาก่อสร้างนับจากแรกวางศิลาฤกษ์ ทั้งหมด 420 ปี

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ถือเป็นวิหารที่รวมสุดยอดงานศิลปะไว้มากมาย

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

สวยงามมาก

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ถ้าจะเดินชื่นชมกันแบบละเอียดละออจริงๆคงได้ทั้งวัน

 

แต่เราไม่ได้มีเวลาขนาดนั้นคับ ยังมีหลายที่ต้องไปชม

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ปิดท้ายด้วยทหาร Swiss Guard คับซึ่งเป็นทหารชาวสวิสผู้ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์พระสันตะปาปา

 

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมต้องเป็นชาวสวิส  เพราะในอดีตทหารสวิสขึ้นชื่อมากเรื่องกองกำลังทหารรับจ้างที่มีระเบียบวินัย เข้มแข็งอดทนและภัคดีต่อผู้ว่าจ้างมาก   เพราะฉะนั้นราชวงศ์ในยุโรปส่วนใหญ่เลยนิยมว่าจ้างทหารสวิสมาเป็นองครักษ์ไว้สู้กับทหารของตัวเอง  ไม่เว้นกระทั่งวาติกัน ที่ยังคงใช้ทหารกลุ่มนี้เรื่อยมา      

 

ที่เมืองลูเซิร์น ของสวิสก็จะมีอนุสาวรีย์ของทหารสวิสที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ว่าจ้างให้ไปเป็นองครักษ์ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศสแล้วโดนฆ่าตายหมดด้วยคับ

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

มาต่อกันคับ

 

หลังจากนั้นเราก็ไปกันต่อที่ น้ำพุเทรวี่ (Fontana di Trevi) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก

 

เป็นอีกสถานที่นึงที่ใครมาเยือนกรุงโรมแล้วต้องแวะมาให้ได้ แล้วก็นิยมมาโยนเหรียญตามความเชื่อว่าถ้าทำแล้วจะทำให้ได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีก

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

น้ำพุเทรวี  นับเป็นน้ำพุที่มีสถาปัตยกรรมงดงามมาก  ตัวน้ำพุมีความสูง 25.9 เมตร กว้าง 19.8 เมตร เป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม

 

มีตำนานเล่าว่า น้ำพุเทรวีมีแหล่งต้นกำเนิดจากแหล่งน้ำสะอาดสามสายซึ่งถูกค้นพบโดยสาวพรหมจารีย์ จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำพุแห่งนี้  ตัวน้ำพุออกแบบและก่อสร้างโดย นิโคลา ซาลวี่ ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปา ครีเมนต์ที่ 12ได้มอบหมายให้สร้างขึ้นในปี 1732 ใช้เวลาก่อสร้าง 30 ปี

 

ส่วนกลางของน้ำพุ มีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ขี่รถม้าติดปีกเพื่อแสดงถึงความมีสุขภาพที่แข็งแรง และความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ที่นี่มีความเชื่อว่าถ้าใครอธิษฐาน แล้วหันหลังโยนเหรียญลงไป ซึ่งวิธีการโยนเหรียญเค้าว่ากันว่าถ้าจะให้เห็นผล ต้องหันหลังให้น้ำพุ แล้วโยนเหรียญด้วยมือขวา ผ่านไปทางด้านไหล่ด้านซ้าย...แค่นี้คำอธิฐานของเราก็จะเป็นจริง แล้วที่สำคัญ เชื่อกันว่า "เราจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง"

 

แต่เท่าที่ยืนสังเกตุการณ์อยู่สักพัก กลับไม่ค่อยเห็นคนโยนเหรียญกันนะคับ ส่วนใหญ่จะนั่งคุย ถ่ายรูปกันมากกว่า  ส่วนผมเองก็ไม่ได้โยนครับ 555 ไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไหร่

 

 

Attached Thumbnails

• 

[Mgastronome]

ถ้าดูจริงๆแล้ว มันเหมือนเป็นน้ำตกมากกว่าน้ำพุนะคับ

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก หรือ น้ำพุ สิ่งที่ต้องยอมรับเลยคือ สวยงามอลังการมากคับ

 

 

Attached Thumbnails

•