รับขวัญแม่ย่านาง ลากแอร์บัสสำเร็จ
เจ้าจำปีโล่งอก กู้เครื่องบินแอร์บัส A 330-300 “ส่องดาว” เที่ยวบินทีจี 679 กวางโจว-สุวรรณภูมิ ที่ลื่นไถลตกรันเวย์ได้สำเร็จ หลังคืนวานมีฝนตกหนักถึงรุ่งเช้าทำให้ดินอ่อนตัว ต้องปรับแผนกันอุตลุด ก่อนให้ “ดีดีการบินไทย” ทำพิธีบวงสรวงเรียกขวัญแม่ย่านางกลับขึ้นเครื่อง แล้วใช้รถแทรกเตอร์ลากจูงกลับไปเก็บไว้ในโรงซ่อม เตรียมส่งฐานล้อที่หักและกล่องดำเก็บข้อมูลไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 11 ก.ย. นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีบวงสรวงรับขวัญแม่ย่านางกลับขึ้นเครื่องบิน แอร์บัส A 330-300 หมายเลขทะเบียน HS-TEF นามพระราชทาน “ส่องดาว” ซึ่งเครื่องบินลำนี้ได้นำผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 300 ชีวิต เดินทางจากเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเที่ยวบินทีจี 679 และเกิดอุบัติเหตุแกนล้อหักขณะลงจอด ทำให้ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ ลงไปในสนามหญ้าฝั่งทิศตะวันออก ใกล้รันเวย์หมายเลข 19 เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้โดยสารบาดเจ็บกว่า 10 ราย ซึ่งการบวงสรวงครั้งนี้เพื่อขอให้เครื่องบินลำดังกล่าว สามารถเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ได้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ทำพิธีบวงสรวงปรากฏว่าท้องฟ้าบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิปลอดโปร่ง ท้องฟ้าสดใส ดวงอาทิตย์เต็มดวง ฝนไม่ตก
นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่ต้องทำพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้าวันที่ 11 ก.ย. ปรากฏว่าเกิดฝนตกหนักมาก จึงเห็นว่าหากมีวิถีทางใดที่จะช่วยได้ก็พร้อมดำเนินการทุกอย่าง ไม่ได้คิดอะไร เพราะเรื่องนี้ถือเป็นวิถีทางธรรมชาติของสังคมไทย ส่วนแผนการเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกจากไหล่ทางข้างรันเวย์จำเป็นต้องล่าช้ากว่ากำหนดเดิม ที่จะต้องเคลื่อนย้ายตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเวลา 20.00 น. วันที่ 10 ก.ย. ต่อเนื่องไปจนถึงเช้าตรู่ ราวตี 4 ของวันที่ 11 ก.ย. ทำให้ดำเนินการตามแผนไม่ได้
ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน การบินไทย พร้อมเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานฯ ได้นำอุปกรณ์เข้าไปดำเนินการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน และสามารถเคลื่อนย้ายขึ้นจากไหล่ทางของรันเวย์ได้สำเร็จ เมื่อเวลา 15.00 น. ซึ่งแล้วเสร็จก่อนเวลาที่กำหนดไว้ โดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโครงสร้าง เครื่องยนต์ และฐานล้อของเครื่องบินแอร์บัส A 330-300 ได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพเครื่องบิน โดยร่วมหารือและสรุปข้อมูลเพื่อกำหนดทิศทางว่าจะส่งชิ้นส่วนและกล่องดำไปตรวจสอบสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ที่ใด เบื้องต้นในส่วนของฐานล้อ จะส่งไปตรวจสอบที่ประเทศอังกฤษ เพราะบริษัท เมอร์ซิเออดาฟี่ จำกัด เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนดังกล่าว สำหรับกล่องดำ เดิมจะส่งไปตรวจสอบที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์นั้น แต่ทางผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นว่า น่าจะส่งไปตรวจสอบที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ BEA ตรวจสอบ เพราะมีความพร้อมมากกว่า ประกอบกับบริษัทผู้ผลิตตัวเครื่องบินก็อยู่ในฝรั่งเศสด้วย
เรืออากาศเอก มนตรี จำเรียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยฯ กล่าวว่า จำเป็นต้องปรับแผนการย้ายเครื่องบิน จากเดิมจะใช้รถเทรเลอร์เข้ามาลาก แต่เกรงว่าจะมีปัญหา จึงได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการนำรถแทรกเตอร์สำหรับลากเครื่องบินที่มีอยู่แล้วมาดำเนินการแทน โดยได้ปรับสภาพของพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้มีความเรียบเสมอกัน จากนั้นนำชุดฐานล้อที่อยู่ในส่วนของการซ่อมบำรุงมาปรับเปลี่ยนกับชุดฐานล้อเดิมที่มีปัญหา เพื่อทำให้การเคลื่อนย้ายง่ายขึ้น และปรับลดบอลลูนที่ยกตัวเครื่องให้ทั้ง 4 ล้ออยู่ในระดับเสมอกัน ก่อนนำแผ่นเหล็กมารองบริเวณรอบๆล้อ จากนั้นใช้รถแทรกเตอร์ 2 คัน ลากจากส่วนท้ายของเครื่องบินให้ขึ้นมาอยู่บนรันเวย์ แล้วเปลี่ยนให้แทรกเตอร์มาลากบริเวณส่วนหน้าของเครื่อง เพื่อนำไปเก็บไว้ในโรงซ่อมเครื่องบินของสนามบินสุวรรณภูมิ
ขณะที่นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการพาณิชย์ บริษัทการบินไทยฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจ สอบหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินแอร์บัส เที่ยวบินทีจี 679 ไถลออกนอกรันเวย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่ได้สอบสวนหาความผิดของบุคคล แต่มีหน้าที่ศึกษาและเก็บข้อมูล คือ 1.ศึกษาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาประมวลจัดทำแนวทางในการป้องกันปัญหา รวมถึงหาแนวทางการพัฒนาการให้บริการของบริษัทฯมีประสิทธิภาพสูงสุด เบื้องต้นอาจจะต้องกลับไปศึกษาทบทวนมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยของลูกเรือว่าเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติสากลหรือไม่ การบริการภาคพื้นดิน รวมไปถึงระบบการประสานงานกับหน่วยงานภาคพื้นดินที่เกี่ยวข้องคือ สำนักตรวจคนเข้าเมือง, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
เพื่อปรับปรุงการทำงานไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
“อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ตัวเครื่องบินเสียหายมาก แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้ เพราะต้องรอให้บริษัทประกันภัยเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย ขอยืนยันว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ เบื้องต้นเกิดจากความผิดปกติของแกนล้อ ส่วนที่กระแสข่าวระบุว่าเครื่องมีไฟลุกไหม้นั้น เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นไปได้ว่า ระหว่างที่ฐานล้อหัก อาจมีเศษวัสดุที่ฉีกขาดจากอุปกรณ์ฐานล้อกระเด็นเข้าไปในเครื่องยนต์ เป็นสาเหตุ ทำให้เกิดไฟลุกไหม้เครื่องยนต์” นายโชคชัยกล่าว
นายอภินันท์ วรรณางกูร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ปฏิบัติการ) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศ ไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า สนามบินสุวรรณภูมิ ได้ออกประกาศผู้ทำงานในอากาศ (NOTAM) ขยายเวลาปิดรันเวย์ฝั่งตะวันออกรวม 2 ครั้ง ครั้งแรกปิดรันเวย์จนถึงเวลา 18.00 น. วันที่ 11 ก.ย. และครั้งที่ 2 ปิดรันเวย์จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกัน คาดว่าจะสามารถเปิดใช้รันเวย์ดังกล่าวได้ในเวลาประมาณ 19.00 น. แม้จะย้ายเครื่องบินออกจากจุดเกิดเหตุไปแล้วตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น.ที่ผ่านมาแต่เนื่อง จากต้องทำความสะอาดรันเวย์จากเศษดินและปรับพื้นที่บริเวณที่เครื่องบินจอด ทำให้ต้องขยายเวลาปิดรันเวย์ออกไปก่อน
สำหรับรายงานอากาศยานล่าช้า ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เวลา 07.00-15.00 น. พบว่ามีเที่ยวบิน ที่ต้องบินวนรอ จำนวน 78 ลำ เฉลี่ยล่าช้าเที่ยวบินละประมาณ 10 นาที ขณะที่เครื่องบินจากภาคพื้นมีปัญหาดีเลย์ จำนวน 96 ลำ เฉลี่ยลำละประมาณ 20 นาที
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. น.อ.สมัย จันทร รองผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังจากบริษัทการบินไทยฯได้เคลื่อนย้ายเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุออกนอกพื้นที่ทางวิ่งเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ขณะนี้เครื่องบินลำดังกล่าวนำไปจอดไว้ที่สถานีทดสอบเครื่องยนต์อากาศยาน ซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือของทางวิ่งฝั่งตะวันออก และสนามบินสุวรรณภูมิ ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่จากส่วนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เพื่อปรับสภาพทางวิ่งให้มีความพร้อมและได้มาตรฐานความปลอดภัย ก่อนที่จะเปิดใช้งาน อาทิ การทำความสะอาดพื้นผิวทางวิ่ง การตรวจเช็กและซ่อมระบบไฟทางวิ่งให้ใช้งานได้ตามปกติ การตีเส้นทางวิ่ง รวมทั้งการปรับพื้นที่ไหล่ทางวิ่งให้กลับสู่สภาพเดิมก่อนที่จะเปิดใช้งาน ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเวลา 20.00 น. วันเดียวกันนี้
อ้างอิง : http://www.thairath....wspaper/369309
12 กันยายน 2556, 09:00 น.