Jump to content



 
จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม จองรถเช่า
แผนกบริการลูกค้า โทร 02-3737-555 จันทร์ - เสาร์ 09.00-18.00น.

 

ค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวและการบินในเอชไฟล์ท เชิญด้านล่างนี้

หน้าแรก | เว็บบอร์ดรีวิว | จองตั๋วเครื่องบิน | จองโรงแรม | เที่ยวต่างประเทศ | เที่ยวในประเทศ | ลงโฆษณา

[CR Peter]พม่า Bago,KyaikHtiYo,Bagan,Mandalay,Inle,Yangon Part1 3-14Jan2013


  • Please log in to reply
65 replies to this topic

#1 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

 


Posted 15 March 2013 - 09:09 AM

Advertisements

สวัสดีครับ  ทริปนี้ไปไหว้พระ และ เที่ยวสถานที่ต่างในประเทศพม่า Bago,Kyaik Hti Yo,Bagan,Mandalay,Inle,Yangon3-14Jan13 มีเพื่อนร่วมทริป 8 คน   และได้ทำการเข่ารถตู้หลังคาสูง(รวมคนขับรถ,ค่าทางด่วน,ค่าจอดรถ) และ โรงแรมตลอดทั้งทริปกับทางเอเจนซีที่พม่า Dr. Zin เจ้าของเป็นหมอ ส่วนค่าอาหารและธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ พวกเราออกเองครับ ปกติผมจะนอนโรงแรมถูกๆ ห้องรวม อาหารการกินเพื่อความอยู่รอด เช่น มาม่า ไก่ทอด นม  แต่ทริปนี้มีญาติผู้ใหญ่ของเพือนร่วมทริปไปด้วย อายุ 70-75ปี 4 คน ดังนั้นที่ัพัก และ อาหารการกินต้องดีหน่อยครับ โดยมีโปรแกรมการเดินทางดังนี้
 
Day1  3 ม.ค. 2556 เดินทางจากย่างกุ้ง ไปหงสา(bago) และเดินทางไปยังปลายทางอินทร์แขวน  นอน Mountain Top Hotel Deluxe room.
 
Day2  4 ม.ค. 2556 ตื่น 5:00 น. ไปเก็บพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่พระธาตุอินแขวน ช่วงเที่ยงลงเขาและเดินทางไปพุกาม คืนนี้นอนในรถตู้โตโยต้าคอมมูเตอร์ (มีคนขับรถสองคนพลัดเปลี่ยนกัน) 
 
Day3  5 ม.ค. 2556 4:00น. เดินทางมาถึง Bagan นอนรออยู่ในรถจนเวลา 5:30น. จึงเดินขึ้น Shwesandaw Pagoda Shwesandaw Pagoda ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทุ่งเจดีย์ แล้วไปเที่ยวสถานที่ดังต่อไปนี้ Thatbyinnyu Phaya,Myanmar Rice food & Tea shop ทานอาหารเช้า,Shwezigon Pagoda,Gubyaukkyi Temple,Alo Taw Payae,Yar Kinn Tha Hotel 12:00 เช็คอิน อาบน้ำ นอนห้อง Deluxe ราคาคืนละ 60USD,Dhammayangyi,Sulamani Temple,Htilominlo Guphaya Gyi,Ananda Temple,Gaw Dam Palin Phaya,Ayeyarwaddy River ชมพระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำอิระวะดี
 
Day4  6 ม.ค. 2556 5:15น. ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Shwegugyi Temple เมื่อวานไม่ได้เก็บบอลลูน วันนี้จัดเต็ม เย็นนี้จะไปเก็บพระอาทิตย์ตกดินอีกรอบที่ทุ่งเจดีย์ Shwesandaw Pagoda ช่วงบ่ายไปเที่ยว Minnanthu Village อยู่เขตนอกเมือง Old Bagan ขับรถไปประมาณ 20 นาที อยู่ใกล้ๆกับ Phaya Thon Zu Phaya และหอคอย Nan Myint เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ประมาณ 30 หลัง มีไกด์เด็กชื่อ Momo อายุ 14 ปี พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ได้นำพวกเราชมวิธีชีวิตชาวบ้านพม่าแบบดั่งเดิม หลังจากนั้นเก็บพระอาทิตย์ตกดินอีกรอบที่ทุ่งเจดีย์ Shwesandaw Pagoda ทานอาหารค่ำที่ SARABHA II RESTAURANT ดูการแสดงหุ่นกระบอกพม่าที่นี้ แล้วค่อยเดินทางไป Mandalay คืนนี้นอนในรถครับ
 
Day5  7 ม.ค. 2556 4:00น. เดินทางมาถึง Mandalay ชมพิธีล้างหน้า ที่ Mahamuni Pagoda,Mandalay Hill,Kyauktawgyi Pagoda,Kuthodaw Pagoda,Atumashi Monastery,Golden palace Monastery(Shwenandaw Monastery),Mann Restaurant,Mandalay Palace
 
Day6  8 ม.ค. 2556 โปรแกรมเดิมวันนี้ต้องนั่งเรือไปเที่ยว Mingun ไปชมระฆังยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ทัชมาฮัล แต่เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งที่แล้วจึงปิดในส่วนการชมระฆังยักษ์ พวกเราจึงเปลี่ยนแผนไปเที่ยวเมืองอังวะ Innwa แทน โดยไปเที่ยว Mahaaung Mye Bonzan Monastery,Nanmyin Watchtower(Tower of Innwa), Yadana Simme Pagoda, Bagaya Monastery ทานอาหารเที่ยงที่ Pinyada Indian Restaurant ช่วงบ่ายไปชมพระอาทิตย์ตกที่ U-Bein bridge คืนนี้เดินทางไปที่ Inle ใช้เวลาเดินทาง 10 ชม. นอนในรถตู้ 
 
Day7  9 ม.ค. 2556 เดินทางมาถึง Nyuang Shwe นั่งเรือไป Paradise Inle Resort 70USD/Room หลังจากนั้นก็เที่ยวชมวิธีชีวิตชาวบ้าน เช่น การหาปลา,การทำผ้าจากใยบัว,การทำเครื่องเงิน, ฯลฯ
 
Day8  10 ม.ค. 2556 เที่ยวสถานที่ต่างๆ ใน Inle lake อีกรอบ เช่น Kyauktaing Village, Poungto คืนนี้พักที่ Manaw Thu Kha Hotel 60USD/room วันนี้สร้างวีรกรรมอีกรอบลืมขาตั้งกล้องที่บนเกาะ
 
Day9  11 ม.ค. 2556 เดินทางจาก Nyuang Shwe ตอนตี 5:00น. มาถึง ย่างกุ้ง 17:00น. พักที่ Season Hotel อยู่ตรงข้าม Yongon Internation Airport
 
Day10 12 ม.ค. 2556 ช่วงเช้าไปเที่ยว Swe Taw Myat , Kaba Aye Pagoda, Mahapasana Cave,Aung San Suu Kyi House,Yangon Lake, Nga Htat Gyi, ทานอาหารเที่ยงที่ A.P.K Restaurnat ช่วงบ่ายไปเที่ยว Chauk Htat Gyi, Nga Htat Gyi, Botahtaung Pagoda, Shawedagon Pagoda ไม่ได้เก็บภาพกลางคืน เพราะเพื่อนร่วมทริปเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าทั้งวันครับ
 
Day11 13 ม.ค. 2556 Yele Paya Pagoda,Bogyoke Market(Scott market),Sule Pagoda
 
Day12 14 ม.ค. 2556  วัดเจ้าต่อจี  ( Kyarktawgyi )  Kyauktawgyi Pagoda (วัดพระหินอ่อน), ช้างเผือก,Saywingabar,Koe Htat Kyee Pagoda
 
พวกเราทุกคนได้ไปยัง มหาบูชาสถานสำคัญสูงสุดมีเพียง 5 แห่ง ที่เป็นความใฝ่ฝันของชาวพุทธพม่าว่าครั้งหนึ่งในชีวิตควรได้เดินทางไป สักการบูชาให้ครบทั้ง 5 แห่ง จึงจะนอนตายตาหลับหรือได้ขึ้นสวรรค์ มหาบูชาสถานทั้ง 5 แห่งนี้ได้แก่
 
1. มหาเจดีย์ชเวดากอง SHAWEDAGON PAGODA กรุงย่างกุ้ง 
2. เจดีย์ชเวสิกอง SHWEZIGON PAGODA เมืองพุกาม   
3 .พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ SHWE MAW DAW PAYA เมืองหงสาวดี 
4. พระมหามัยมุนี MAHAR MYAT MUNI BUDDHA แห่งมัณฑะเลย์ 
5. พระธาตุอินทร์แขวน "ไจ้ก์ทิโย” KYAIK-HTI-YO เมืองไจ้ก์โถ่ รัฐมอญ
 
 
ติดตามได้ที่แฟนเพจ Backpacker by Peter / น้าเตอร์ท่องโลก เพราะโลกยังมีสิ่งแปลกใหม่น่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา ผมจึงต้องออกเดินทางเพื่อแสวงหาประสบการณ์แปลกใหม่ในหลายรูปแบบ เดินป่า ปีนเขา ท่องเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรม และนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาแบ่งปันผ่านผลงานภาพถ่ายให้กับเพื่อนๆที่มีหัวใจรักการเดินทางเช่นเดียวกัน เพจนี้ต้องการที่จะนำเสนอข้อมูลจากประสบการณ์การเดินทางด้วยตนของผม ที่ดำเนินการเองในทุกขั้นตอน เพราะต้องการเข้าถึงและสัมผัส อย่างลึกซึ้งและผมเชื่อว่าสีสันของการเดินทางไม่ได้เกิดขึ้น ณ ตรงจุดหมายปลายทางเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดในระหว่างการเดินทาง
 
fanpage.jpg
 
สนามบินดอนเมือง, ทิวเขาระหว่างชายแดนไทย พม่า, Kyaik Pon Pagoda (พระพุทธรูปสี่ทิศ ไจ๊ คือ พระ หรือ เจดีย์ ปุ่น คือ 4 ดังนั้น พระเจดีย์ไจ๊ปุ่น คือ พระเจดีย์ที่มีพระ 4 ทิศ ) ,พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ SHWE MAW DAW PAYA 
UTEs4H.jpg
 
พระธาตุอินทร์แขวน "ไจ้ก์ทิโย” KYAIK-HTI-YO 
FCzQ53.jpg
 
Day1 Shwesandaw Pagoda,Shwezigon Pagoda,Irrawaddy River
9mstbT.jpg
 
Day2 Bagan Shwesandaw Pagoda 
OqK7n2.jpg
 
พระมหามัยมุนี MAHAR MYAT MUNI BUDDHA,Kaunghmudaw Pagoda,Bapaya Pagoda,Minnanthu Village 
ZJ209D.jpg
 
Day1 Sagaing Hill Mandalay 
SL1Eq7.jpg
 
Day2 U-Bein bridge
PCdbb3.jpg


  • TelevisionHub likes this


Advertisements

#2 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 09:12 AM

เส้นทางการเดินทาง A:Yangon B:Bago C:KyairHtiYo D:Bagan E:Mandalay F:Nyaung Shwe(Inle) G:Yangon

 

JCREnh.jpg



#3 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 09:18 AM

วันที่1 ของการเดินทาง
3 January 2013 Route DonMueang-Yongon 
Airline: Thai Air Asia
Flight: FD2751
From: Bangkok Don Muang (DMK)
To: Yangon Yangon (RGN)
Aircraft: Airbus A320-214 (A320)
Reg: HS-ABY
Depart 7:15 
นั่งรถบัสไปขึ้นเครื่องบิน  เลยมีโอกาศได้เก็บตะวันและแสงเช้า
 

r6YD6y.jpg

 

qHLVHN.jpg

 

gPM0Zi.jpg



#4 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 09:19 AM

จองตั๋วโปร Airasia ล่วงหน้าเกือบปี BKK-RGN-BKK  1,586 บาท ไม่รวมอาหารและโหลดกระเป๋า นั่งรถบัสไปขึ้นเครื่องบิน  เลยมีโอกาศได้เก็บตะวันและแสงเช้า  airasia เปลี่ยนกฏเกณฑ์ในการนำสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องบินเริ่มใช้ 1 Jan2013 อนุญาติให้นำขึ้นเครื่องได้ 1 ชิ้นเท่านั้นและไม่เกิน 7 กก. กระเป๋ากล้องนับเป็น 1ชิ้น,ขาตั้งกล้องนับเป็น 1ชิ้น,กระเป๋าโน๊ตบุ๊คนับเป็น 1ชิ้น แต่สามารถนำกล้องมาแขวนคอได้ และ เอาโน๊ตบุ๊คออกจากกระเป๋ามาถือได้ ครับ โชคดีทริปนี้ 12 วัน เอาเสื้อมา 3ตัว กางเกง 1ตัว ผงซักฟอก 1 ถุง ส่วนขาตั้งกล้องใส่กระเป๋าเป้ 1 ใบ เสื้อหนาวเอามาคาดเอว  น้ำหนักรวม 5.8 กก. ผ่านฉลุย

 

ceG6DB.jpg



#5 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 09:22 AM

ทะเลหมอกตอนเช้าเหนือขุนเขารอยต่อประเทศไทยกับพม่า

0BN33K.jpg

 

เครื่องบินกำลังร่อนลงจอดสนามบินย่างกุ้ง

pwIRCv.jpg



#6 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:15 AM

ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.นิดๆ ก็มาถึง Yangon International Airport 

 

vDw8oI.jpg

 

9jq2xV.jpg

 

ก่อนผ่านตม. จะมีช่องสำหรับทำ Visa on arrival แต่คนไทยไม่สามารถทำได้ 

dp1XvA.jpg



#7 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:17 AM

Day1 3 ม.ค. 2556 รถตู้ที่พวกเราได้เช่าไว้มารอรับที่สนามบิน  แล้วเดินทางไปบ้าน Dr.Zin เพื่อชำระเงินค่าเช่ารถตู้ และ โรงแรมตลอดทั้งทริป  ออกเดินทางไปทานอาหารพื้นเมือง  
 
เดินทางจากย่างกุ้งไปอินทร์แขวน ผ่านหงสา(bago)  ค่าตั๋วเข้าชมหงสา สามารถซื้อตั๋วเข้าชมแบบรวมได้ในราคาคนละ 10 US เข้าชมได้ทุกที่ๆ กล่าวมาข้างต้น บัตรเข้าชมมีอายุ 1 อาทิตย์ ค่ากล้องไม่เสีย
 
หงสาวดี อยู่ห่างจากตัวเมืองย่างกุ้งประมาณ 84 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง สัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดีเป็นรูปหงส์ คู่ ( ในรูปเป็นหงส์ตัวเดียว ) ตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาถึงเมืองหงสาวดีที่สมัยก่อนยังคงเป็นชายหาดริมทะเล พระพุทธเจ้าทรง เห็น หงส์สองตัวว่ายน้ำเล่นกัน จึงทำนายออกมาว่าภายหลังจะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ชาวหงสาวดีจึงถือเอาตำนานเรื่องนี้มาเป็นสัตว์สัญลักษณ์ นอกจากนี้ ตำนานยังกล่าวว่า หงส์คู่นั้น ตัวเมียขี่ตัวผู้ จึงมีคำทำนายว่าต่อไปผู้หญิงจะเป็นใหญ่ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นคือ พระนางชินสอบู ( ตะละแม่ท้าว ) นั่นเอง 
 
พะโค ( Bago ) หรือ ที่ชาวไทยเรียกว่าหงสาวดี มอญเรียกว่าหานตาวดี ( Hanthawaddy ) เดิมเป็นเมืองมอญ สร้างโดยสมละและวิมละสองพี่น้องชาวมอญในราวปีค.ศ. 825 ผ่านไปอีกประมาณ 260 ปีพม่าก็เข้ายึดครองเมื่อถึงปีค.ศ. 1369 พระเจ้าพินยะอุ ผู้ครองเมืองเมาะตะมะก็ย้ายราชธานีมาที่พะโค กษัตริย์มอญที่สำคัญคือพระเจ้าราชาธิราช ซึ่งเป็นต้นเรื่องของหนังสือ ราชาธิราช โดยเล่าเรื่องราวการรบระหว่างมอญและพม่า
 
ในอดีตหัวเมืองมอญเช่น เมาะตะมะ ทวาย ตะนาวศรี มะริด ล้วนเป็นกันชนระหว่างไทยกับพม่า เพราะเป็นเมืองท่าที่มีทางออกสู่ทะเล พม่าจึงพยายามตีมอญเพื่อใช้บุกมาตีกรุงศรีอยุธยาปีค.ศ. 1541 พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้แห่งเมืองตองอู กษัตริย์พม่าตีเมืองหงสาวดีได้ ชาวมอญถูกฆ่าฟันจนต้องหนีมาพึ่งไทย ที่เหลือก็อยู่อย่างทุกข์ทรมาน นักประวัติศาสตร์ชาวพม่าบอกว่า ความบกพร่องอันยิ่งใหญ่ของมอญคือไม่มีความทะเยอทะยานในด้านการเมือง จึงไม่เคยแสวงหาอาณาจักรของตนเอง
 
กระทั่งปีค.ศ. 1566 พระเจ้าบุเรงนองได้ตั้งเมืองหงสาวดีขึ้นเป็นราชธานีแห่งราชวงศ์ตองอู แต่ต่อมาได้มีการย้ายราชธานีไปยังกรุงอังวะ ( Inwa ) คราวนี้มอญก็ประกาศอิสรภาพจากพม่า แต่ไม่นานนักพระเจ้าอลองพญาแห่งพม่าก็ยกทัพมาปราบอีก สุดท้ายพม่าต้องตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ คราวนี้อังกฤษก็พยายามจัดตั้งรามัญประเทศขึ้นใหม่เพื่อประโยชน์ทาง ยุทธศาสตร์ของตน โดยเที่ยวสืบหาเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์หงสาวดีเพื่อให้มาครองราชย์ แต่น่าเศร้าก็คือ เชื้อพระวงศ์ได้สูญสิ้นไปแล้วทั้งหมด รามัญประเทศจึงหายไปจากแผนที่โลก
TOTpYZ.jpg
 
Kyaik Pon Pagoda (พระพุทธรูปสี่ทิศ ไจ๊ คือ พระ หรือ เจดีย์ ปุ่น คือ 4 ดังนั้น พระเจดีย์ไจ๊ปุ่น คือ พระเจดีย์ที่มีพระ 4 ทิศ ) เป็นพระพุทธรูปนั่งสูง 30 เมตร ประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ แทนพระพุทธเจ้าทั้ง สี่พระองค์ในภัทรกัป
 
มีลักษณะพิเศษคือ เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมทึบตัน ล้อมรอบด้วยพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ สูงประมาณ 30 เมตร สร้างโดยพระเจ้าธรรมเจดีย์ เมื่อปีค.ศ. 1476 ส่วนอีกตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ แต่ในที่สุดน้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่น ( พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ )
 
โดยพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ อายุกว่า 500 ปี หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ อันได้แก่
 
• สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
• พระพุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
• พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
• พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก
 
iTUddL.jpg


#8 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:18 AM

Shwethalyaung Buddha หรือชื่อที่ชาวไทยเรียกกันว่า พระนอนชเวตาเลียง หรือพระนอนชเวตาไลย์ เป็นพระนอนที่งามที่สุดในพม่าอีกองค์หนึ่ง พระนอนชเวตาไลย์ เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตา และเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีความยาว 180 ฟุต สูง 52 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ มีพุทธลักษณะงดงาม โดยจะวางพระบาทเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกัน
 
สร้างขึ้นราวปีค.ศ. 994 ทว่าต่อมาถูกปล่อยให้ตากแดดกรำฝน ไม่มีการดูแลมานานหลายร้อยปี กระทั่งพระเจ้าธรรมเจดีย์และพระเจ้าบุเรงนองโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะ แต่งหลังจากผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน องค์พระก็ถูกทิ้งร้างอีกครั้ง ครั้นถึงปีค.ศ. 1878 มีการสร้างทางรถไฟมาถึงหงสาวดี ผู้รับเหมาให้ผู้คนไปเสาะหาศิลาแลงจึงได้พบพระนอนอยู่ในป่ารกชัฏโดยบังเอิญ ชาวพม่าขอร้องไม่ให้ตัดทางรถไฟผ่าน โดยยอมแลกกับอิฐและไม้ตามที่อังกฤษต้องการ สามปีต่อมาพุทธศาสนิกชนร่วมบริจาคทุนทรัพย์เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์และสร้าง หลังคาคลุมไว้ องค์พระยาว 55 เมตร สูงจากฐานจรดพระอังสา 16 เมตร พระเขนยประดับมุกลวดลายวิจิตรงดงาม พระบาทวางเหลื่อมพระบาท ต่างจากพระพุทธไสยาสน์ของไทยที่นิยมวางพระบาทเสมอกันด้านหลังองค์พระยังมี จิตรกรรมเล่าตำนานเรื่องกษัตริย์ที่ไม่ศรัทธาพุทธศาสนา แต่กลับไปนับถือยักษ์ โดยสร้างรูปปั้นยักษ์ไว้บูชา ต่อมาพระโอรสได้รับสาวชาวบ้านคนหนึ่ง เข้าวัง นางได้นำพระพุทธรูปติดตัวมาด้วย กษัตริย์กริ้วมากและสั่งให้ประหารทั้งสอง สาวชาวบ้านจึงตั้งจิตอธิษฐานถึงพระพุทธเจ้า ทันใดนั้นเชือกที่แขวนรูปปั้นยักษ์ก็ขาด รูปปั้นยักษ์หล่นลงมาแตกกระจาย กษัตริย์จึงทรงหันมานับถือศาสนาพุทธ และสร้างพระนอน ชเวตาเลียงเพื่อไถ่บาป
 
jxvqyA.jpg


#9 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:19 AM

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ SHWE MAW DAW PAYA เมืองหงสาวดี หรือที่เราเรียกกันว่า พระธาตุมุเตา เจดีย์ ที่สูงที่สุดในแผ่นดินพม่า คำว่า “ มุเตา ” เป็นภาษามอญ แปลว่าจมูกร้อน เนื่องจากต้องแหงนหน้ามองยอดเจดีย์ที่สูงถึง 114 เมตรจนคอตั้งบ่า แสงแดดจึงแผดเผาจมูกจนร้อน พระธาตุมุเตามีลักษณะแบบเจดีย์มอญ อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี สร้างโดยสองพี่น้องชาวมอญเพื่อประดิษฐานพระเกศธาตุ 2 เส้นที่ได้รับจากพระพุทธเจ้า ในสมัยพระเจ้าบุเรงนอง พระองค์ถึงกับให้แกะอัญมณีเม็ดใหญ่จากยอดพระมหามงกุฎมาถวายเป็นฉัตรยอด เพื่อเป็นพุทธบูชา 
 
เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค (หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน เป็นที่เคารพสักการะของทั้งกษัตริย์ มอญ พม่า และไทย เช่น พระเจ้าราชาธิราชของมอญ พระเจ้าบุเรงนอง และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 
 
พระธาตุมุเตาประสบกับแผ่นดินไหวหลายหน ครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในปีค.ศ. 1930 สะเทือนไปทั่วพม่าจนมาถึงเมือไทย พระธาตุมุเตาถึงกับพังทลายลง เหลือให้เห็นเพียงกองดินสูงใหญ่ท่วมถมออกไปจนพ้นลาน ชาวพม่าร่ำไห้ไปทั้งเมือง หลังจากนั้นพุทธศาสนิกชนพม่ารวมถึงชาวไทยได้รวมใจผสานศรัทธาเรี่ยไรเงิน กระทั่งก่อสร้างเจดีย์ชเวมอว์ดอว์ขึ้นมาใหม่ในปีค.ศ. 1954 ชิ้นส่วนของเจดีย์ที่หักพังได้จัดแสดงไว้บริเวณลานทางทิศเหนือ กลายเป็นจุดอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ของชาวมอญพม่าเพื่อให้ชีวิตมั่นคงถาวร ส่วนยอดเจดีย์ที่หักลงมานั้นได้มีการสร้างมงกุฎครอบไว้ บนลานเจดีย์ยังมีพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ โดยจัดแสดงสิ่งของที่พุทธบริษัทนำมาสักการะ ทั้งพระพุทธรูป สร้อยคอ ดาบ ฯลฯ
 
1363187222-026-o.jpg
 
วิธีไหว้พระธาตุมุเตา
1. จุดธูปไหว้พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่รอบ ๆ องค์พระธาตุมุเตา และเหลือธูปไว้ 1 ดอก
2. เดินวนรอบองค์พระธาตุตามเข็มนาฬิกา 1 รอบ หรือ 3 รอบ
3. ไปที่จุดอธิษฐาน พร้อมกับธูปที่เหลือ 1 ดอก
4. สักการบูชาพร้อมธูป 1 ดอก แต่ไม่ต้องจุดธูป หลังจากนั้นให้นำธูป มาโค้งและค้ำตามรอยต่อของอิฐ
5. อธิษฐานพร้อมกับให้หน้าผากแตะกับอิฐของพระธาตุมุเตาองค์เดิม พร้อมกับวางมือทั้งสองข้างทาบที่อิฐของพระธาตุ เสมือนได้สัมผัสองค์พระธาตุ
 
1363187288-027-o.jpg


#10 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:23 AM

พระราชวังกัมโพชธานี Kambawzathardi Golden Palace หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามพระราชวังหงสาวดี  พระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง (สร้างแทนของเดิมที่ถูกทำลายลงไป)

 

CN7jkw.jpg

 

 

พระเจ้าบุเรงนอง หรือที่คนพม่าเรียกว่า บายินนอง (Bayinnaung) พระมหากษัตริย์พม่าพระองค์ที่ 3 ในราชวงศ์ตองอู อาจเรียกได้ว่า เป็นราชาพม่าองค์ที่คนไทยหรือชาวต่างชาติ รู้จักดีที่สุดก็ว่าได้ เนื่องด้วยเกียรติประวัติอันเลื่องลือ ในสมัยพระเจ้านันทบุเรง พระราชวังบุเรงนองได้ถูกเผาทำลายจนเหลือแต่ซากด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอู ทิ้งให้พระราชวังแห่งนี้รกร้างลงเป็นเวลาร่วม 3 ศตวรรษ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เหลือเพียงแค่ตอไม้ที่โผล่พ้นดินออกมาเท่านั้น และได้มีการเร่งสร้างพระราชวังจำลององค์ใหม่ขึ้นมา ฉาบด้วยสีทองทั้งหลัง
เมื่อกล่าวถึงพระราชวังบุเรงนองทำให้ จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า 10 ทิศ ที่เรารู้จักในนามพระเจ้าบุเรงนอง หรือ บุเรงนองกะยอดินนรธา หรือ บยิ่นหน่าว ในภาษาพม่า เป็น 1 ใน 3 มหาราชของพม่า ( อีก 2 พระองค์คือพระเจ้าอนิรุทธ์และพระเจ้าอลองพญา ) พระราชวังบุเรงนอง ( Kanbawza Thadi Palace ) พระเจ้าบุเรงนองทรงสร้างพระราชวังนี้ขึ้น ในระหว่างปีค.ศ. 1566 – 1567 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและออกว่าราชการ เมื่อพระองค์สวรรคต พระเจ้านันทบุเรงผู้เป็นพระราชโอรสขึ้นครองราชย์ต่อ ในรัชสมัยนี้เองที่เมืองแปรและกองทัพยะไข่บุกตีหงสาวดีแตก พระราชวังถูกเผาย่อยยับลงในปีค.ศ.1599 เมืองจึงถูกทิ้งรกร้างเป็นเวลากว่าสามศตวรรษ จนเมื่อปีค.ศ. 1990 มีการขุดพบเสาและกำแพงเดิม พร้อมด้วยโบราณวัตถุจำนวนมาก รัฐบาลพม่าจึงได้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่ โดยถอนแบบจากของเดิม ภายในพระราชวังมีพื้นที่กว้างใหญ่ร่ม รื่น ครบองค์ประกอบถูกต้อมตามธรรมเนียมโบราณ กำแพงเมืองเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูงประมาณ 6 เมตร ยาวด้านละประมาณ 2.4 กิโลเมตร แต่ละด้านมีประตูเมือง 5 ประตู รวมทั้งสิ้น 20 ประตู ตั้งชื่อตามเมืองที่เป็นประเทศราช แถมยังให้เจ้าเมืองนั้นๆ สร้างถวาย เช่น ประตูเชียงใหม่รับผิดชอบโดยพระเจ้าเชียงใหม่ ประตูอยุธยารับผิดชอบโดยสมเด็จพระมหินทราธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ส่วนกำแพงพระราชวังชั้นในตั้งอยู่ใจ กลางเมือง เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวด้านละประมาณ 900 เมตร แต่ละด้านมี 4 ประตู ภายในมีปราสาทราชมณเฑียร 6 องค์ สร้างจากไม้สักแกะสลักลงรักปิดทองอร่ามจนถึงหลังคาที่สร้างเป็นมณฑป 7 ชั้น ประดับด้วยอัญมณีนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีพระที่นั่งทรงธรรม หอพระ ท้องพระคลัง หอโมงสำหรับตีบอกเวลา ตำหนังมเหสีและพระสนม โรงช้าง โรงม้า ท้องพระโรงที่มีสีทองอร่าม บัลลังก์ภุมรินทร์หรือบัลลังก์ผึ้ง ( Bee Throne ) พระตำหนักที่บรรทม ราชรถจำลอง ตำหนักพระสุพรรณกับยา อีกทั้งพระราชวังแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อ ครั้งต้องมาเป็นองค์ประกันด้วย ที่กล่าวว่าพระเจ้าบุเรงนองคือพระเจ้า 10 ทิศ หมายถึงการได้ครอบครองอาณาเขตอย่างกว้างขวาง ทั้งแผ่นดินมอญ ไทใหญ่ ยะไข่ เขมร ญวน ล้านนา ล้านช้าง กรุงศรีอยุธยา ฯลฯ 
 
8 ทิศแรกคือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก จากนั้นก็คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วน 2 ทิศสุดท้ายคือ ทิศเบื้องบน และ ทิศเบื้องล่าง  
 
WmQ2Ae.jpg


#11 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:25 AM

เดินทางออกจากเมืองหงสาวดี เพื่อทีจะเดินทางต่อไปยัง    ไจก์ทิโย   Kyaik-Hti-Yo  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงพอดี จากเมืองหงสาวดี มายังจุดเปลี่ยนรถ (คิมปุนแคมป์) เพื่อมาเปลี่ยนรถเป็นรถบรรทุกหกล้อ หรือที่คนไทยเรียกรถขนหมู  เพราะรถที่นี่เค้าต้องรอให้คนขึ้นเต็มแน่นก่อนน่าจะประมาณ 60 คน  รถถึงจะออกได้  
 
ค่ารถขาไปอย่างเดียว คนละ 1,500 จ๊าด แต่ถ้านั่งด้านหน้าตรงข้างคนขับ คิดคนละ 2,000 จ๊าด ขากลับลงมาก็บวกเพิ่มไปอีกเท่าหนึ่ง    
 
ระยะเวลาจากตรงนี้ไปยังอีกจุดที่จะต้องเดิน หรือจะเลือกขึ้นเสลี่ยงก็อีกประมาณ 1 ชั่วโมง  เพราะรถจะต้องไปจอดรอให้รถขาลงๆ มาก่อน  แล้วเราถึงจะขึ้นไปต่อได้
 
เหมารถขึ้นไปเองอยู่ที่ขาขึ้น 50,000 จ๊าด และขาลงอีก 50,000 จ๊าด แล้วไม่ต้องรอด้วยไปได้เลย ไม่เสียเวลา แต่ถ้าคนน้อยๆ อาจจะไม่คุ้ม จากจุดขึ้นรถขนหมูมายังจุด ที่จะเดินขึ้น หรือจะเลือกนั่งเสลี่ยงต่อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็เลือกว่าจะเดินเอาเอง หรือนั่งเสลี่ยงต่อ
 
ค่านั่งเสลี่ยง คนนั่ง 1 คนต้องใช้คนแบกถึง 4 คน ราคาไม่แน่นอนแล้วแต่ตกลงกันเอาเอง จากที่สอบถามมาว่าอยู่ที่คนละ 11,000 จ๊าด ขาเดียว ไม่รวมทริปบางเจ้าก็รวม  ส่วนใหญ่คนแบกพอเดินๆ ไปก็จะประมาณว่าขอค่าน้ำอะไรทำนองนั้น
 
ระยะทาง จากจุดที่เดินหรือนั่งเสลี่ยงไปยังบันไดทางเข้าพระองค์พระธาตุอินทร์แขวน  ประมาณ 2.5 กิโลเมตร  ใช้เวลาเดินไปเรื่อยๆ เมื่อยก็พัก  ประมาณ 1.30 ชั่วโมง  
 
การแบกสัมภาระ รู้สึกว่าถ้าเต็มชะลอมจนเลยสูงมาอย่างที่เห็นน่าจะอยู่ที่ 150 บาท รวมทั้งไปและกลับเลย 
 
คนที่มีสิทธิ์จะได้นั่งรถขึ้นไปจนถึงตรงเชิงเขาทางเข้าพระธาตุอินทร์แขวนได้นั้น ต้องเป็น  ชาวพม่า  เท่านั้น  ถ้าเป็นชาติอื่น หรือชาวต่างชาติ ต้องเดินขึ้นไปเท่านั้น  หรือจะนั่งเสลี่ยงก็ได้    
 
ผมรีบเอาของเล็กๆ น้อยไปเก็บไว้ที่โรงแรม  แล้วก็รีบไปยังองค์พระธาตุอินทร์แขวนกันเลย  เพื่อรีบไปดูพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุ (ไหว้ครั้งที่ 1 )
 
ค่าเข้าชมพระธาตุอินทร์แขวนคนละ  6 US   ค่ากล้องไม่เสีย
 
Tii7Hn.jpg
 
เชื่อกันว่าพระอินทร์เสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ เพื่อนำเอาพระธาตุมาแขวนไว้ให้ผู้มีบุญมากราบไหว้ ใครได้มาสักการะก็เท่ากับได้ไหว้พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ และจะได้สั่งสมอานิสงส์ให้ไปเกิดร่วมยุคกับพระศรีอาริยเมตตรัย และผู้ที่มีบุญก็จะสามารถมองเห็น องค์พระธาตุลอย  อยู่อย่างชัดเจน  
 
องค์เจดีย์ เปิดให้สักการะ ตลอดทั้งคืน แต่จะปิดไม่ให้เข้าไปตรงบริเวณองค์พระธาตุเวลา 4 ทุ่ม  แต่เราก็สามารถเดินชมและกราบไหว้อยู่ด้านนอกแนวรั้วกันได้ตลอดเวลาเลยนะคะ  จะมีชาวพม่าเองและนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมากราบไหว้ หรือบางคนก็มั่งสมาธิ หรือนอนรอเพื่อกราบไหว้ และใส่บาตรตอนเช้าด้วยอีกทีก่อนเดินทางกลับ
 
kCv4Ye.jpg


#12 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:26 AM

ไหว้ครั้งที่ 2 ตอนกลางคืน ข้อควรรู้ บริเวณองค์พระธาตุด้านในเขตที่มีรั้วกันไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปกราบสักการะ หรือปิดทองที่องค์พระธาตุ จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเข้าไปได้เท่านั้น ผู้หญิงก็กราบอยู่ที่ด้านนอก 
 
49rRoC.jpg
 
dIgjmS.jpg


#13 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:27 AM

ยิ่งดึก คนยิ่งน้อย  คนพม่าบางกลุ่มก็เอาเสือ มาปูตรงลานพระธาตุเต็มไปหมด พระธาตุอินทร์แขวน "ไจ้ก์ทิโย” KYAIK-HTI-YO

 

FBUwno.jpg

 

FlUgP0.jpg

 

Fj2YL0.jpg



#14 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:28 AM

Mountain Top Hotel Deluxe room.  ตกลงราคากับ Dr.Zin 70 usd/room แต่เนื่องจากเป็นต้นปีใหม่ราคาขยับขึ้นมาเยอะมาก  ต้องจ่ายที่ 100 usd/room

 

05dQ9w.jpg



#15 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:31 AM

Day2 4 ม.ค. 2556 ตื่น 5:00 น. ไหว้ครั้งที่ 3 ตอนเช้า  คนเยอะมาก

 

YMHGPx.jpg

 

ข้าวปลาอาหาร  ผมไม้ ที่นำมาถวาย

 

AmaY6e.jpg



#16 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:32 AM

เช้ามืด ไฟองค์พระธาตุยังคงเปิดอยู่

 

Djqw2f.jpg

 

JICAii.jpg



#17 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:33 AM

เก็บแสงช้าและทะเลหมอก พระธาตุอินทร์แขวน "ไจ้ก์ทิโย” 

 

Pa3jZf.jpg

 

4LUW7I.jpg

 

ทะเลหมอก พระธาตุอินทร์แขวน "ไจ้ก์ทิโย” KYAIK-HTI-YO เพิ่งมารู้อีกครั้งว่าห้องนอนที่ผมนอนที่ Mountain Top เปิดหน้าต่างออกไปจะเห็นทะเลหมอก และ พระอาทิตย์ขึ้นอย่างอลังการ 

Moh1jA.jpg



#18 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:34 AM

ขณะเดินกลับไปที่พัก  ก็พบฝูงชนจำนวนมากเดินสวนขึ้นมาก

 

dclI2J.jpg

 

ต้องรีบไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมฟรี ผมต้องเดินด้านริมทางเดินจะทำเวลาได้เร็วที่สุด เพราะนัดกับเพื่อนร่วมทริปไว้

 

N5Dvnc.jpg

 

หลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปที่โรงแรมเตรียมตัวอาบน้ำ หม่ำอาหารเช้าและเก็บสัมภาระเพื่อที่จะได้เตรียมตัวเดินทางลงเขากัน เราขึ้นมาใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง แต่เวลาขาลงนี่รู้สึกจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที หลังจากเราเดินลงมายังจุดขึ้นรถแล้วเราก็นั่งรถเดินทางไป Bagan พุกาม

 

ENZ96h.jpg



#19 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:35 AM

แวะทานอาหารเที่ยง เป็นร้านแบบบ้านๆ ของพม่า ขอบอกว่าอาหารถูกมากๆ โชคดีได้แม่ครัวไร ทำไข่เจียวแบบไทยๆ และ น้ำพริกรสแซบ  ไข่เจียวพม่า จะไม่ฟูเหมือนไข่คนมากกว่า
หลังจากนั้นก็แวะพักทานอาหารระหว่างทางเป็นโรตีโอ่ง โรตีที่นี้จะใส่น้ำตาล ทางกลุ่มผมแนะนำให้คนขายช่วยใส่นมขนหวานให้หน่อย ขอบอกว่าอร่อยเหาะเลยครับ
 
เดินทางไปพุกาม นอนในรถตู้ 
 
xxWjkn.jpg


#20 peter

peter

    สมาชิก Business Class

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3,715 posts
  • Locationbangkok thailand

Posted 15 March 2013 - 10:37 AM

Day3 5 ม.ค. 2556 4:00น. เดินทางมาถึง Bagan นอนรออยู่ในรถจนเวลา 5:30น. จึงเดินขึ้น Shwesandaw Pagoda 

 

 

ในปี พ.ศ. 1587 พุกามถูกสถาปนาโดย พระเจ้าอโนรธามังช่อ (Anawrahta) พระองค์ต้องทำสงครามกับชาวมอญที่อยู่ทางใต้ จึงได้สถาปนาชื่ออย่างเป็นทางการของพุกามว่า "ตะริมันตระปุระ" หมายความว่า เมืองที่ปราบศัตรูราบคาบ
 
ในรัชสมัย พระเจ้าจานสิตา แห่งราชวงศ์พุกาม เป็นสมัยที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด มอญที่อยู่ยังหงสาวดีทางตอนใต้ ได้ทำสงครามชนะพุกามและครอบครองดินแดนของพุกามไว้ได้ พระองค์จึงรวบรวมชาวพม่าและชาวมอญบางส่วนตีโต้คืน จึงสามารถยึดพุกามกลับมาไว้ได้
 
พุกามเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดทางด้านศิลปะวิทยาการ ในสมัย พระเจ้าอลองสิธู ใน พ.ศ. 1687 พระองค์ได้โปรดให้สร้างเจดีย์ชื่อ "ตะเบียงนิว" หรือ เจดีย์สัพพัญญู THATBYINNYU PHAYA ในปัจจุบัน แปลว่า เจดีย์แห่งความรู้ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพุกามไว้ด้วย
 
กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์อาณาจักรพุกาม (Bagan ( Pagan) Kingdom) เป็นอาณาจักรโบราณในช่วง พ.ศ. 1587-พ.ศ. 1830 พุกามเป็นอาณาจักรและราชวงศ์แห่งแรกใน ประวัติศาสตร์พม่า มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองพุกามในปัจจุบัน พุกามอยู่ทิศตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี สภาพส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายแห้งแล้ง เป็นที่อยู่ของ ชาวผิว ซึ่งเป็นชนชาวพื้นเมืองพุกาม 
 
พระเจ้านรสีหบดี สร้างเจดีย์องค์สุดท้ายแห่งพุกามเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 1819 และเมื่อสร้างเจดีย์องค์นี้เสร็จ ได้มีผู้ทำนายว่า อาณาจักรพุกามจะถึงกาลอวสาน ซึ่งต่อมาก็เป็นจริงดังนั้น เมื่อกองทัพมองโกลยกทัพเข้ามาบุกในปี พ.ศ. 1827 และพุกามถึงคราวล่มสลายในปี พ.ศ. 1830 รวมระยะเวลาแล้ว 243 ปี มีกษัตริย์อยู่ทั้งหมดทั้งสิ้น 11 พระองค์
 
อาณาจักรพุกามหลังปี พ.ศ. 1830 ถูกมองโกลยึดครองและแบ่งดินแดนออกเป็น 2 มณฑล คือ มณฑลเชียงเมียน โดยรวมรัฐทางเหนือของพม่าเข้าด้วยกันมีเมืองตะโก้ง เป็นศูนย์กลางภายใต้การปกครองของข้าหลวงจีน มีทหารมองโกลประจำ
มณฑลเชียงชุง อยู่ทางภาคใต้ของพม่า มีพุกามเป็นศูนย์กลางจนปี พ.ศ. 1834 จึงได้แต่งตั้ง พระเจ้ากะยอชวา เป็นกษัตริย์ปกครองพุกาม ในฐานะประเทศราชของจีน
 
IjUyVV.jpg
 
BHURad.jpg
 
YzxYOd.jpg
 
aj5OHV.jpg
 
4RxKF5.jpg





1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users

ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Galileo (แสดงผล waiting list)     ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Amadeus (เแสดงเฉพาะที่นั่งว่าง)
   
    ติดต่อเจ้าหน้าที่แผนก ตั๋วเครื่องบิน โทร 02-3737-555 / จันทร์ - ศุกร์ 09.00~18.00 น. // เสาร์ 09.00-16.00 น.