80 replies to this topic

[norkerpingsoul]

Advertisements

วันเสาร์ที่ 29 ธค.2555 ผมและน้องสาวมีภาระกิจต้องไปร่วมงานแต่งงานลูกพี่ลูกน้องที่เมืองเชียงใหม่ จองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ โรงแรมไว้แล้ว ทริปนี้เราแพลนว่าไปแค่สองวันเพราะมีภาระกิจต้องทำช่วงสิ้นปีและปีใหม่เต็มเอียด

เราจะต้องไปร่วมงานช่วงบ่ายและช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 29 ธค. หลังจากนั้นเวลาว่างผมก็หาวัดพาน้องสาวไปไหว้พระขอพรรับปีใหม่ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 29 ธค.เราไปถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ตี 5 พบฝูงชนทั้งไทย เทศรอเช็คอินเต็มไปหมด เราก็ใช้สิทธิ์นกแฟนคลับเช็คอิน ทำให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

เราขึ้นเครื่องตอนหกโมงนิดๆครับ วันนั้นคนเกือบเต็มลำ อาจเป็นเพราะเที่ยวเช้าตรู่ก็เลยคนไม่เต็มลำ

Attached Thumbnails

• 
• 

[norkerpingsoul]

นกทะยานออกจากสนามบินดอนเมืองประมาณ 6.30 น. กัปตันแจ้งว่า สภาพอากาศแปรปรวนเล็กน้อย ลมแรงครับ
แต่โดยรวมโอเค อากาศดี

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

ผมชอบถ่ายรูปท้องฟ้าจากบนเครื่องบินครับ
เราใช้เวลาบินไม่ถึงชม. ก็ถึงสนามบินเชียงใหม่

Attached Thumbnails

• 
• 

[norkerpingsoul]

เราถึงเชียงใหม่ประมาณเจ็ดโมงครึ่่งครับ รอรับกระเป๋า เราก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทรถเช่าเพื่อส่งมอบรถให้เราขับในสองวันนี้

วีออสคันขาวนี้ล่ะครับ ที่ผมจะขับมันในสองวันนี้ เรารับรถ8.00น. จะส่งคืนรถวันพรุ่งนี้ วันที่ 30 ธค.เวลาประมาณ 20.00 น.

โชคดีที่เราหารถเช่าได้ เพราะช่วง Long weekend ถ้าเช่าไม่กี่วันบริษัทมักจะไม่รับจองถ้าเราจองไม่กี่วัน พอดีเราโชคดีหาล็อคลงของบริษัทนี้ได้เลยมีรถขับ เราเสียค่าเช่า 2 วันเต็ม

Attached Thumbnails

• 
• 

[norkerpingsoul]

จากสนามบินเราแวะไปเช็คห้องว่างที่โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่าก่อน กว่าจะรับห้องก็บ่ายๆเลย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

จากนั้นเราแวะไปทานมื้อเช้าที่ร้านข้าวมันไก่เจ้าดัง ร้านเกียรติโอชา ร้านอยู่ซอยข้างศาลากลางหลังเก่าใกล้ๆอนุสาวรีย์สามกษัตริย์

วันนั้นทางร้านไม่ให้สั่งแบบข้าวราด ให้สั่งแต่ไก่สับ จานละ 100 บาท เราไปสองคนสั่งมา 2 จานแถมด้วยหมูสะเต๊ะ1ชุด

สำหรับผม ผมเฉยๆกับรสชาติข้าวมันไก่ร้านนี้ ผมว่าสู้ข้าวมันไก่แถววัดนาวงที่ผมทานประจำไม่ได้เลย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

จากนั้นเราไปที่วัดพระสิงห์เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดกันครับ

วัดพระสิงห์ หรือมีชื่อเต็มว่า วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เรียกได้ว่าเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ที่มีประวัติศาสตร์แห่งแผ่นดินล้านนามานับแต่อดีต แต่เดิมมีชื่อว่า วัดลีเชียงพระ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

พญาผายูกษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 1888 พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของ พญาคำฟู พระราชบิดา ต่อมาอีก 2 ปี จึงได้สร้างพระอาราม เสนาสนวิหาร ศาลาการเปรียญ หอไตร และกุฏิสงฆ์ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ทรงตั้งชื่อว่า "วัดลีเชียงพระ"

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

จากนั้นเราไปกราบสักการะพระพุทธสิหิงค์ในพระวิหาร สมัย พระเจ้าแสนเมืองมา ขึ้นครองนครเชียงใหม่ โปรดให้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ มาจากเมืองเชียงราย เมื่อขบวนช้างอัญเชิญมาถึงหน้าวัดลีเชียงพระ ช้างก็ไม่ยอมเดินทางต่อ พระเจ้าแสนเมืองมา จึงโปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐาน ณ วัดลีเชียงพระ ประชาชนทางเหนือนิยมเรียกพระพุทธสิหิงค์ว่า "พระสิงห์" จึงเป็นที่มาของชื่อ "วัดพระสิงห์"

ในปี พ.ศ. 2360 พระญาธัมมลังกา หรือพระเจ้าช้างเผือกธรรมลังกา พระอนุชาของพระเจ้ากาวิละ โปรดให้บูรณะพระอุโบสถและพระเจดีย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์สุดท้าย พร้อมด้วยครูบาศรีวิชัย และประชาชนชาวเชียงใหม่ ได้ร่วมกันบูระฃณะปฏิสังขรณ์วัดพระสิงห์อีกครั้ง และได้มีการขุดพบสิ่งของมีค่ามากมาย เช่น แผ่นทองคำจารึกเรื่องราวต่าง ๆ โกศบรรจุอัฐิพญาคำฟู แต่สิ่งของเหล่านี้สูญหายไปในช่วงสงครามเอเชียบูรพา

"พระพุทธสิหิงค์" เป็นพระพุทธรูปโบราณปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร หล่อด้วยสำริดหุ้มทอง ปางสมาธิ สูง 79 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 63 เซนติเมตร เป็นศิลปะแบบลังกา ทั้งนี้ เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ชาวเมืองเชียงใหม่จะอัญเชิญ "พระพุทธสิหิงค์" แห่ไปตามถนนรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วกัน รวมถึง "พระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์" ยังถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะโรงอีกด้วย ซึ่งมีความเชื่อกันว่าหากได้มานมัสการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งแล้ว จะเป็นมงคลสูงสุดทำให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

จากนั้นก็เข้าไปสักการะพระแก้วกันในพระอุโบสถ พระอุโบสถสร้างขึ้นในสมัย พระเจ้ากาวิละ เมื่อปี พ.ศ. 2354 โดยได้โปรดฯ ให้สร้างพระอุโบสถ ทรงล้านนาขนาดใหญ่ ภายในมีกู่ประดิษฐานองค์พระ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

พระวิหารใหญ่ เป็นพระวิหารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นภายหลังจากที่วัดได้ชำรุดทรุดโทรมลง จากครั้งตกเป็นเมืองขึ้นพม่า ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 เจ้าแก้วนวรัฐและเจ้าดารารัศมี ได้นิมนต์ ครูบาศรีวิชัย เพื่อมาบูรณะวัด ได้มีการรื้อพระวิหารเก่าที่ชำรุดลง และได้ค้นพบแผ่นทองบริเวณโคนเสา อีกทั้งยังพบโกศบรรจุอัฐิพญาคำฟู บริเวณเจดีย์องค์เล็กอีกด้วย ภายในพระวิหารใหญ่ประดิษฐาน หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นประธาน

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

บรรยากาศในวัดพระสิงห์ช่วงก่อนปีใหม่สดชื่่นดีจัง

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

จากนั้นเราก็ไปวัดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลวัดพระสิงห์คือวัดปราสาทครับ


วัดปราสาท เป็น วัดที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับวัดพระสิงห์ ตามประวัติของวัดปราสาทนั้นบอกไว้ว่าในอดีตตั้งอยู่ในเขตเจ้านายและขุนนาง ซึ่งอยู่ในเขตกำแพงเมือง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือบริเวณในคูเมือง

ประวัติของวัดปราสาท ตามหลักศิลาจารึกของวัดตะโปธารามกล่าวไว้ว่า วัดปราสาทเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่อาณาจักรล้านนาเจริญรุ่งเรือง เมื่อ พ.ศ. 2035 สมัยพญายอดเชียงราย บริเวณวัดตั้งอยู่ในเขตเจ้านายและขุนนาง
จึงได้รับการบูรณะสืบต่อกันมา แม้ว่าในสมัยนั้นพม่าปกครองเมืองเชียงใหม่ ก็ได้หล่อพระเจ้าหมื่นทองพระพุทธรูปทองสำริด เมื่อ พ.ศ. 2133

Attached Thumbnails

• 
• 

[norkerpingsoul]

วิหารทรงปราสาท บริเวณหน้าบันเป็นปูนปั้นประดับกระจกที่งดงาม ภายในผนังวิหารมีลายรดน้ำสีทองเป็นเรื่องพระพุทธประวัติ ท้ายวิหารมีซุ้มประตูโขงติดกับฐานชุกชี สร้างเป็นซุ้มโค้งสองชั้น ชั้นล่างรูปร่างคล้ายกระบังยอดแหลม ใช้ฝาชามเบญจรงค์มาตกแต่งเป็นดอกไม้ ปลายซุ้มเป็นรูปหงส์ยืนหันหน้าเข้าหากรอบซุ้ม ซุ้มโค้งชั้นบนทำเป็นรูปลำตัวมกรสองตัวยกหางขึ้นเกี่ยวกระหวัด มีลายปูนปั้นเป็นกลีบดอกไม้และรูปสัตว์หลายชนิด องค์ปราสาทหลังวิหารมีลักษณะคล้ายกับเจดีย ์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน

วิหารทรงปราสาท ให้ความสำคัญแก่ที่ประดิษฐานพระประธาน สร้างเป็นมณฑปปราสาทไว้ทางด้านหลังของตัววิหาร เช่น วิหารวัดปราสาท นครเชียงใหม่ วิหารล้านนานั้นส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างแบบที่เรียกว่า “ม้าต่างไหม”
ซึ่งนำชื่อมาจากลักษณะการบรรทุกผ้าไหมบนหลังม้าไปขาย ของพ่อค้ามาต่าง (ต่าง แปลว่า บรรทุก) ในล้านนา
โดยมีการลดหลั่นของหลังคาจากห้องประธานลงมาทางด้านหน้าและด้านหลัง เป็นชั้นเชิงที่สวยงาม บางทีจึงเรียกว่า วิหารซด ส่วนใหญ่มักมุงหลังคาด้วยดินขอ(กระเบื้องดินเผา) หรือแป้นเกล็ด (แผ่นไม้)

Attached Thumbnails

• 

[norkerpingsoul]

เมื่อก้าวล่วงประตูเข้าไปภายในวิหารจะพบเสาไม้เรียงรายเป็นแนวนำสายตาไปสู่พระประธาน เสาไม้ตรงกลางนี้เรียกว่า เสาหลวงนิยมประดับด้วยลวดลายรดน้ำปิดทอง บางแห่งก็สร้างบัวหัวเสาประกอบ หรือมีลายปูนปั้นประดับ
ส่วนแถวนอกเรียกว่าเสาระเบียง ช่วยรับน้ำหนักปีกนกทั้งสองข้าง ถ้าเป็นวิหารโถงจะเป็นชายคาหรือที่ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “ฝาน้ำย้อย” ขนาดใหญ่หลายแห่งเขียนจิตรกรรมฝาผนัง หรือลายน้ำทองไว้

Attached Thumbnails

• 

[norkerpingsoul]

เจดีย์ทรงปราสาทด้านหลังวิหารต่อเชื่อมกันเป็นอาคารต่อเนื่องกัน สามารถเดินเข้าไปดูพระประธานปูนปั้นแบบพม่าในเจดีย์ได้ สันนิษฐานว่าวัดปราสาทมีมาตั้งแต่ก่อนปี 2025 แต่วิหารที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างในสมัยพญาธรรมลังกา (พ.ศ. 2358-64)

วัดปราสาทมีความโดดเด่นและทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม พระวิหารซึ่งมีลักษณะแบบล้านนาดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีโครงสร้างแบบม้าต่างไหม คือลักษณะหลังคาและไม้ขื่นคานมี่ลดหลั่นกันขึ้นไปเหมือนต่างบนหลังม้าสำหรับ บรรทุกสิ่งของ มีบันไดนาคนำขึ้นสู่ตัวอาคารด้านหน้าวิหารมีลวดลายปูนปั้นประดับกระจกสี อย่างวิจิตร ภายในพระวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังลายคำบนพื้นรักสีแดงอย่างล้านนา ว่าด้วยเรื่องพระพุทธประวัติ และซุ้มปราสาทที่ประดิษฐานพระประธานซึ่งหลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในปัจจุบัน จึงนับว่าเป็นวัดที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกของคนรุ่นหลังสืบไป

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[norkerpingsoul]

จากนั้นผมก็พาน้องไปกราบพระมหาธาตุวัดสวนดอก และไปชมกู่และสักการะกู่พระราชชายาเจ้าดารารัศมี

Attached Thumbnails

• 
• 

[norkerpingsoul]

วัดสวนดอกในอดีตนั้นป็นสวนดอกไม้ (ต้นพยอม) ของเจ้านายฝ่ายเหนือใน ราชวงศ์เม็งราย โดยในปี พ.ศ. 1914 (ศักราชนี้ถือตามหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ของพระรัตนปัญญาเกตุ) พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง ราชวงศ์เม็งราย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น "พระอารามหลวง" เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของ "พระมหาเถระสุมน" ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ในแผ่นดินล้านนา และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ" 1 ใน 2 องค์ ที่ "พระมหาเถระสุมน" อัญเชิญมาจากสุโขทัย ในปี พ.ศ. 1912 (องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์ ใน วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร)
ในสมัย ราชวงศ์เม็งราย วัดสวนดอก มีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่หลังจากสิ้น ราชวงศ์เม็งราย บ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจพม่า ทั้งเกิดจลาจลวุ่นวาย วัดนี้จึงกลายสภาพเป็นวัดร้างไป วัดสวนดอก ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง ในรัชสมัย พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ แห่ง ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน) และได้รับการทำนุบำรุงจาก เจ้านายฝ่ายเหนือ และประชาชนเชียงใหม่มาโดยตลอด

วัดสวนดอก ได้รับการบูรณะครั้งสำคัญ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2450 พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญรวบรวมพระอัฐิ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ พระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน และต่อมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2475 เป็นการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระวิหารโดย ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา

Attached Thumbnails

• 
•