สิ้นปีแล้ว เรามาตรวจตากันดีกว่าครับ
ค่าใช้จ่าย : 0 บาท
ด่านที่ 1 : ตรวจการมองเห็น ด้วยแบบทดสอบสายตา
ด่านที่ 2 : ตรวจตาบอดสี ด้วยแบบทดสอบตาบอดสี
ด่านที่ 3 : สรุปผลด้วยตนเอง
โชคดีครับ
|
|
Posted 29 December 2012 - 11:44 PM
สิ้นปีแล้ว เรามาตรวจตากันดีกว่าครับ
ค่าใช้จ่าย : 0 บาท
ด่านที่ 1 : ตรวจการมองเห็น ด้วยแบบทดสอบสายตา
ด่านที่ 2 : ตรวจตาบอดสี ด้วยแบบทดสอบตาบอดสี
ด่านที่ 3 : สรุปผลด้วยตนเอง
โชคดีครับ
Posted 29 December 2012 - 11:51 PM
4.ครึ่งวงกลมทั้ง 6 จะเหมือนงูเลื้อยได้
5.ดอกทั้ง 8 อันกำลังหมุนอยู่
**สำหรับคนที่เห็นว่ามันหมุนเร็ว แสดงว่ากำลังเครียด หรือคิดมาก ยิ่งมากเท่าไหร่ก็เท่านั้น
โดยเอาไปทดลองกับนักโทษ นักโทษเห็นเป็นดอกหมุนติ้วเลยหละครับ**
6.กระดื้บกระดื้บ
Posted 29 December 2012 - 11:56 PM
7.คลื่น
**จ้องที่ใดที่หนึ่งในภาพ มันจะหยุดครับ**
8.บางคนอาจเห็นตารางหมากรุกเป็นเส้นโค้ง จริงๆเป็นเส้นตรงนะครับ
9.ภาพนี้จะงงนิดๆ จริงๆไม่ใช่รูปก้นหอยนะครับ มันเป็นวงกลมหลายๆอันแล้วมีลายมาเพิ่มเติมจึงทำให้มึน
Posted 30 December 2012 - 12:00 AM
10.ใครสูงกว่ากัน คำตอบคือ เท่ากันครับ
**ลองใช้ไม้บรรทัดวัดดูสิครับ**
11.วงกลมใน A B อันไหนใหญ่กว่า ปรากฎว่ามันเท่ากันครับ
12.วงกลมเบี้ยวป่าว มันไม่เบี้ยวนะครับ
Posted 30 December 2012 - 12:02 AM
13.แผ่นแดง มันเข้มเท่ากันนะ
14.มันไม่เบี้ยวนะคร้าบบบบ
15.พริ้ว
Posted 30 December 2012 - 12:05 AM
หลาย ๆ คน คงเคย เห็น หรือ เคยใช้ แผ่น กระดาษสีเพื่อทดสอบ ตาบอดสี โดยเฉพาะใครที่เคยสอบใบขับขี่ต้องได้ทดสอบอาการตาบอดสีด้วยแผ่นทดสอบที่ว่านี้มาทุกคน แต่สงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า ในการทดสอบตาบอดสีในทางการแพทย์จริงๆ นั้นทำกันอย่างไร และ ต้องใช้ เจ้าแผ่นที่ว่านี้ มากน้อยแค่ไหน ลองมาหาคำตอบกัน
เราเห็นสีวัตถุได้อย่างไร
ในคนปกติ จะมีอวัยวะที่ทำหน้าที่รับแสงสีที่สะท้อนออกมาจากวัตถุในดวงตานั่นคือ เรตินา (retina) ภายในเรตินา 1 ข้างประกอบไปด้วย เซลล์ที่เรียกว่า โคน (cone) ประมาณ 6-7 ล้านเซลล์ ซึ่งเซลล์โคนนี่เองจะทำหน้าที่รับแสงสีต่างๆ ที่สะท้อนมาจากวัตถุ และประมวลผลร่วมกันจนทำให้เราเห็นวัตถุเป็นสีต่าง ๆ
เซลล์โคน 6-7 ล้านเซลล์นี้ ยังแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามการตอบสนองต่อสีที่เป็นแม่สีของแสง คือ
1. Long wavelength-sensitive cones เป็นเซลล์โคนที่ตอบสนองต่อแสงสีแดง มีอยู่ประมาณ 60 %
2. Middle wavelength-sensitive cones เป็นเซลล์โคนที่ตอบสนองต่อแสงสีเขียว มีอยู่ประมาณ 30 %
3. Short wavelength-sensitive cones เป็นเซลล์โคนที่ตอบสนองต่อแสงสีน้ำเงิน มีอยู่ประมาณ 10 %
อาการตาบอดสี
จำนวนและความสามารถในการทำงานของเซลล์โคนในเรตินาจะเป็นตัวกำหนดว่าคนนั้นจะมีอาการผิดปกติของการตอบสนองต่อแสงสีต่างๆ มากน้อยเพียงใด ซึ่งเกิดเป็นอาการตาบอดสีลักษณะต่าง ๆ แบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะใหญ่ ดังนี้
1. ในเรตินามีเซลล์โคนครบทั้ง 3 ชนิด แต่อาจมีชนิดใดชนิดหนึ่งทำงานได้หรือมีจำนวนน้อยกว่าปกติ (anomalous trichromat) โดยพบว่า คนที่ผิดปกติที่เซลล์โคนที่ตอบสนองต่อแสงสีเขียวมีมากที่สุดประมาณ 5 % จากผู้ที่มีอาการตาบอดสีทั้งหมด ผิดปกติของเซลล์โคนที่ตอบสนองต่อแสงสีแดง มีอยู่ประมาณ 1 % และ ผิดปกติของเซลล์โคนที่ตอบสนองต่อสีน้ำเงินมีอยู่น้อยที่สุด คิดเป็น 0.0001 % ภาพที่คนเหล่านี้มองเห็นยังยังคงเห็นภาพต่างๆ เป็นสีเขียว แดง น้ำเงินได้เหมือนคนปกติ แต่การตอบสนองหรือการแยกแยะสีเหล่านี้อาจทำได้ไม่เหมือนคนปกติ เช่น ผู้ที่ผิดปกติ ที่เซลล์โคนที่ตอบสนองต่อสีแดงจะแยกแยะความแตกต่างหรือเห็นสีแดงแตกต่างไปจากคนปกติ เท่านั้น แต่ สีเขียวและสีน้ำเงิน (ที่ไม่มีแสงสีแดงผสมอยู่ด้วย) จะยังเห็นและแยกแยะได้เหมือนคนปกติ เป็นต้น
2. ในเรตินามีเซลล์โคนเพียงแค่ 2 ชนิด ขาดเซลล์โคนที่ตอบสนองแต่แสงสีใดสีหนึ่ง (dichromat) เช่น ผู้ที่ขาดเซลล์โคนที่ตอบสนองต่อสีแดง จะมองไม่เห็นวัตถุที่สะท้อนสีแดงโดยจะเห็นเป็นโทนสีเทา แต่ยังสามารถมองเห็นวัตถุที่สะท้อนแสงสีอื่นๆ ได้เป็นปกติ
3. ในเรตินามีเซลล์ที่ตอบสนองต่อแสงสีเพียงอย่างเดียว (monochromat) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะย่อยๆ คือ อาการผิดปกติที่มองไม่เห็นแสงสีอื่นๆ เลยนอกจากโทนสีขาว เทา และดำ (rod monochromat) ซึ่งเกิดจากการที่บุคคลผู้นั้นมีแต่เซลล์รอด (rod cell) ที่ตอบสนองต่อการมองเห็นวัตถุในเวลากลางคืน และ อาการผิดปกติที่เห็นแสงสีเพียงสีเดียว (cone monochromat) ซึ่งโดยปกติจะพบเฉพาะอาการที่เห็นได้แต่เฉพาะแสงสีน้ำเงิน ซึ่งพบได้น้อยมาก
เราจะทราบได้อย่างไรว่าตาบอดสีหรือไม่
โดยทั่วไปจักษุแพทย์นิยมทำการตรวจสอบลักษณะความผิดปกติเหล่านี้โดยใช้แผ่นทดสอบตาบอดสีที่หลายๆ คนคงเคยเห็นผ่านตากันมา ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นกระดาษแบนราบและมีวงกลมเป็นพื้นจุดสีแดงตัวเลขจุดสีเขียวบ้าง หรือเป็นพื้นจุดสีเขียวตัวเลขจุดสีแดงบ้าง เป็นต้น
แผ่นทดสอบที่แพทย์ใช้นั้น เรียกว่า แผ่นทดสอบ Ishihara ซึ่งออกแบบโดย ดร. Shinobu Ishihara ชาวญี่ปุ่นซึ่งแผ่นทดสอบตาบอดสีเหล่านี้จะพิมพ์เป็นหนังสือ โดยในหนึ่งเล่มจะประกอบด้วยแผ่นทดสอบทั้งหมด 38 แผ่น หรือในบางกรณีอาจมีแผ่นทดสอบ 24 แผ่น ซึ่งในทางการแพทย์แล้วนั้น การใช้แผ่นทดสอบดังกล่าวเพียง 4 แผ่น ก็เพียงพอที่จะสามารถตรวจสอบได้แล้วว่าบุคคลที่ถูกทดสอบนั้นมีอาการตาบอดสีหรือไม่
หน้าตาแผ่นทดสอบตาบอดสี Ishihara เป็นอย่างไร
ในจำนวนแผ่นทดสอบตาบอดสีจำนวน 24 หรือ 38 แผ่นยังแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ ได้ 5 กลุ่ม คือ
1. แผ่น demonstration มีลักษณะเป็น พื้นวงกลมสีเทาและมีตัวเลข 12 สีส้ม ซึ่งแผ่นในกลุ่มนี้จะใช้เป็นแผ่น เริ่มต้นในการทดสอบ เพื่อดูว่า ตาของผู้ที่ถูกทดสอบมีความผิดปกติอย่างอื่น และสามารถอ่านตัวเลขได้หรือไม่ ซึ่งคนที่ตาปกติและคนที่มีอาการตาบอดสีต้องสามารถอ่านตัวเลขได้เหมือนกัน
2. แผ่น transformation มีลักษณะเป็นตัวเลข 1 หลัก หรือ 2 หลัก โดยมีทั้งที่เป็นพื้นสีเขียวตัวเลขสีแดง และ พื้นสีแดงตัวเลขเขียว ตัวอย่างการอ่านแผ่น transformation เช่น ในแผ่นที่ 3/24 หรือ 4/38 คนตาปกติจะอ่านได้เลข 29 คนที่มีอาการตาบอดสีเขียว-แดงจะอ่านได้เลข 70 ส่วนคนที่ตาบอดทุกสีจะมองไม่เห็นตัวเลข
3. แผ่น disappearing มีลักษณะคล้ายกับแผ่น transformation แต่มีความแตกต่างตรงที่ คนที่ตาบอดทั้งสีเขียว-แดง และคนที่ตาบอดทุกสีจะมองไม่เห็นตัวเลข เช่น ในแผ่นที่ 12/24 หรือ 16/38 คนตาปกติ อ่านได้เลข 16 แต่คนตาบอดสีทั้ง 2 กรณี มองไม่เห็นเลข 16 เป็นต้น
4. แผ่น hidden digit แผ่นนี้จะมีลักษณะตรงข้ามกับ แผ่น disappearing คือ คนที่สายตาปกติจะมองไม่เห็นตัวเลข ในขณะที่ผู้ที่มีอาการตาบอดสี จะเห็นแผ่นที่ 14/24 หรือ 18/38 เป็น เลข 5 เป็นต้น
5. แผ่น qualitative เป็นแผ่นที่ออกแบบมาเพื่อต้องการใช้แยกว่าผู้ป่วยนั้นตาบอดสีเขียวหรือตาบอดสีแดง แต่สวนมากแพทย์จะไม่นิยมใช้แผ่นในกลุ่มนี้ทดสอบเนื่องจากมีความแม่นยำไม่มาก
แผ่นทดสอบตาบอดสีทั้ง 5 กลุ่มนี้ นอกจากมีลักษณะเป็นตัวเลขแล้วยังมี ลักษณะเป็น เส้นซึ่งแพทย์มักจะใช้ในกรณีที่ผู้ถูกทดสอบ ยังเป็นเด็ก หรือ ไม่สามารถอ่านตัวเลขในแผ่นทดสอบได้ โดยจะให้คนไข้ วาดเส้นที่มองเห็นจากในแผ่นทดสอบตาบอดสีเหล่านั้นแทน
http://biology.ipst....cle-&Itemid=112
Posted 30 December 2012 - 12:09 AM
ภาพตัวอย่างแผ่นทดสอบ Ishihara ที่อ่านเป็นตัวเลข
ก. แผ่น demonstration ข. แผ่น transformation ค. แผ่น disappearing
ง.แผ่น hidden digit จ. แผ่น qualitative
Posted 30 December 2012 - 12:11 AM
ด่านที่ 2 (ตัวอย่าง 2)
ภาพตัวอย่างแผ่นทดสอบ Ishihara ที่มองเห็นเป็นเส้น
ฉ. แผ่น demonstration ช. แผ่น transformation ซ. แผ่น disappearing
ญ.แผ่น hidden digit ฎ. แผ่น qualitative
Posted 30 December 2012 - 12:13 AM
ตาปกติ และตาบอดสี จะอ่านได้หมายเลขเดียวกันคือ 12
Posted 30 December 2012 - 12:15 AM
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 5
ตาบอดสีแดง-เขียวจะอ่านได้หมายเลข2
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านได้
Posted 30 December 2012 - 12:16 AM
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 3
ตาบอดสีแดง-เขียวจะอ่านได้หมายเลข 5
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านได้
Posted 30 December 2012 - 12:18 AM
ด่านที่ 2 (4)
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 8
ตาบอดสีแดง-เขียวจะอ่านได้หมายเลข 3
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านได้
Posted 30 December 2012 - 12:19 AM
ด่านที่ 2 (5)
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 15
ตาบอดสีแดง-เขียวจะอ่านได้หมายเลข17
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านได้
Posted 30 December 2012 - 12:20 AM
ด่านที่ 2 (6)
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 74
ตาบอดสีแดง-เขียวจะอ่านได้หมายเลข21
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านเป็นตัวเลขได้
Posted 30 December 2012 - 12:21 AM
ด่านที่ 2 (7)
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 7
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านเป็นตัวเลขได้
Posted 30 December 2012 - 12:22 AM
ด่านที่ 2 (8)
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 45
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านได้
Posted 30 December 2012 - 12:23 AM
ด่านที่ 2 (9)
ตาปกติจะอ่านได้หมายเลข 16
ตาบอดสีจะไม่สามารถอ่านได้
Posted 30 December 2012 - 12:24 AM
ด่านที่ 2 (10)
ตาปกติจะสามารถลากเส้นตามสีส้มจาก X ไป X ได้
ตาบอดสีจะไม่สามารถลากเส้นจาก X ไป X ได้ หรือลากได้ก็คนละเส้นทาง
Posted 30 December 2012 - 12:26 AM
ด่านที่ 2 (11)
จะเห็นเลข 25 สีแดงบนพื้นเขียว
หากไม่เห็นแสดงว่าตาบอดสีอย่างรุนแรง
0 members, 1 guests, 0 anonymous users
ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Galileo (แสดงผล waiting list) | ค้นหา ตั๋วเครื่องบินด้วยระบบ Amadeus (เแสดงเฉพาะที่นั่งว่าง) | |
ติดต่อเจ้าหน้าที่แผนก ตั๋วเครื่องบิน โทร 02-3737-555 / จันทร์ - ศุกร์ 09.00~18.00 น. // เสาร์ 09.00-16.00 น. |