อ่ะ...เอาข่าวมาฝากละกัน..งานเขาใหญ่จริงๆ
มาฆบูชาเมืองคอนสุดอลังการชาวพุทธทั่วโลกนับแสนคนหลั่งไหลร่วมบุญในงาน “780 ปี มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนคร” ตระการตาริ้วขบวนผ้าพระบฎนานาชาติ 11 ประเทศ แห่กราบไหว้ผ้าพระบฎทองคำ...
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 28 ก.พ. 2553 ที่ลานโพธิ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นาย ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานร่วมตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์เนื่องในวันมาฆบูชา มีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่าและผู้แสวงบุญจาก 11 ประเทศเดินทางมาร่วมมาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนคร พร้อมใจกันร่วมทำบุญตักบาตด้วย
ต่อมาในเวลา 09.00 น. ที่สนามหน้าเมืองและศาลาประดู่หก ริมถนนราชดำเนิน จ.นครศรีธรรมราช มีพิธีเปิดขบวนมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติที่เมืองนคร ประจำปี 2553 โดยมี รมว.เกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในพิธี มีผู้ใหญ่เข้าร่วมในพิธีเปิดจำนวนมาก อาทิ เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย นายอักกพล พฤกษวัน ที่ปรึกษาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกเทศมนตรีนคร นครศรีธรรมราช คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุติสภา นายสิริวัฒน์ ไกรสินธ์ ประธานกรรมาธิการการศึกษาวุฒิสภา เป็นต้น
โดยการจัดริ้วขบวนนำหน้าด้วยขบวนของพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ขบวนผ้าพระบฎพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ริ้วขบวนจากนานาประเทศ 11 ประเทศ ประกอบด้วย ศรีลังกา จีน (ทิเบต) เนปาล บังคลาเทศ เวียดนาม พม่า กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ริ้วขบวนของหัวเมือง 12 นักษัตรของจังหวัดนครศรีธรรมราชในอดีต ริ้วขบวนจาก 4 ภูมิภาคของประเทศไทย ต่อด้วยริ้วขบวนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในจังหวัดและจากทั่วประเทศเข้าร่วมอย่างยิ่งใหญ่อลังการ
สำหรับริ้วขบวนเคลื่อนไปตามถนนราชดำเนินมุ่งสู่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในขณะที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างเฝ้ารอชมริ้วขบวน 2 ฝากถนนจนแน่นขนัด ส่วนบริเวณหาดทรายแก้ว วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร มีคณะสงฆ์จากประเทศต่างๆ เข้าร่วมพิธีกรรม เมื่อริ้วขบวนเดินทางมาถึงวัดพระมหาธาตุฯ คลื่นมหาชนชาวพุทธที่มาร่วมขบวนแห่และเดินทางมาร่วมกิจกรรมภายในวัดพระมหาธาตุฯนับแสนคน ส่งผลให้พื้นที่ของวัดทั้งเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสไม่เพียงพอที่จะรองรับคลื่นมหาชนที่หลั่งไหลเดินทางมาร่วมกิจกรรมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ทางคณะผู้จัดงานได้ให้เฉพาะตัวแทนคณะละ 10 คน นำผ้าพระบฎเข้าไปภายในบริเวณวัดวางบนแท่นถวาย จากนั้นมีการรำมโนราห์ถวายพระบรมธาตุเจดีย์ และนายธีระ วงศ์สมุทร กล่าวนำถวายผ้าพระบฎแด่พระบรมธาตุเจดีย์และองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์นานาชาติสวดเจริญพระพุทธมนต์ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
สำหรับการเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา จะมีขึ้นในช่วงค่ำของวันนี้ คาดว่าจะมีชาวพุทธเข้าร่วมเวียนเทียนที่วัดพระมหาธาตุฯหลายหมื่นคนอย่างแน่นอน
ด้านนายสุเทพ เกื้อสังข์ ผอ.ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุของเมืองนครศรีธรรมราช มีขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเจ้าศรีธรรมโศกราช เมื่อปี 1773 หรือ 780 ปีที่ผ่านมา โดยประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองนคร ได้ดำเนินอยู่ด้วยพลังแห่งความเชื่อและศรัทธาในพุทธานุภาพที่กว้างไกล บนดินแดนที่หลากหลายและแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ ณ นครศรีธรรมราช กิจกรรมภายในสวนศรีธรรมโศกราช ประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลายเป็นการโชว์ศักยภาพความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นด้านประเพณีวัฒนธรรม อาทิ สาธิตการทำผ้าพระบฏจากทุกภูมิภาค, นิทรรศการผ้าพระบฏนานาชาติ มากสไตล์หลายหลากความมหัศจรรย์ เช่น ผ้าพระบฏทองคำ ผ้าพระบฏยักษ์ จากสวนโมกขพลาราม, พิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน ต้นกำเนิดจากปากพนัง
ขณะที่ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ผ้าพระบฎทองคำดังกล่าว ได้รับความอนุเคราะห์จากน.พ.บัญชา พงษ์พานิช นักประวัติศาสตร์และนักแสวงหาธรรมะ จากสวนสร้างสรรค์นาคร-บวรรัตน์ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ นำมาจัดแสดง
โดยน.พ.บัญชาไปพบผ้าพระบฎทองคำจากทิเบต ท่านจึงขอซื้อมาจำนวน 2 ผืนๆ ละประมาณ 80,000 บาท นอกจากนี้ท่านยังอนุเคราะห์ผ้าพระบฎเก่าแก่หายากจากหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ และจากสวนโมกขพลาราม มาจัดแสดงอีกหลายผืน
"ดินแดนที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลกว่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาและวัฒนธรรมมีอยู่ 3 แห่ง ประกอบด้วย
1. พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
2. วิหารพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา
และ 3.องค์เจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย
โดยมีโบราณวัตถุที่ยิ่งใหญ่เป็นเอกลักษณ์ และศูนย์รวมจิตใจและความศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก ในส่วนของพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช หากจะให้ได้รับการยอมรับว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาและวัฒนธรรมเป็นแห่งที่ 4 ของโลก ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันผลักดันในเรื่องงานประเพณีให้เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งจะสามารถเทียบเคียงกับ 3 แห่งข้างต้นได้ เพราะแม้ว่าทั้ง 3 แห่งจะโดดเด่นเรื่องวัตถุและสถานที่ แต่เขาไม่ค่อยมีกิจกรรมหรือประเพณีที่โดดเด่นเหมือนที่นครศรีธรรมราช" หมอบัญชากล่าว
จาก
http://www.thairath....nt/region/67825