70 replies to this topic

[SS.]

Advertisements

สวัสดีครับ มาทำรีวิวล่องเรือกอนโดล่า ประสบการณ์สุดแสนประทับใจจากทริปมิลาน-เวนิส เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาครับ

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเรือดอนโดล่ากันก่อน กอนโดล่าเป็นเรือที่ใช้ในการเดินทางในเวนิสมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เรือนี้เขาออกแบบพิเศษให้ใช้แจวไปตามลำคลองที่คดเคี้ยวและแคบเล็ก

เดิมทีเรือกอนโดล่าก็มีสีสรร colorful แต่ปีค.ศ. 1562 สภาเมืองเวนิสลงมติให้เรือกอนโดล่าทั้งหมดทาสีดำสีเดียว เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเก่าแก่ของเมืองเวนิส และเพื่อยุติปัญหาการทาสีแต่งเรือเพื่ออวด ความร่ำรวยกัน ซึ่งกฎดังกล่าวยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 

[SS.]

เช้าวันนั้นอากาศค่อนข้างดีคือหิมะหยุดตกแล้ว แต่ยังคงหนาวเย็นอยู่ หลังจากทานข้าวเช้าที่โรงแรมเสร็จ ก็ออกมาที่ท่าเรือใกล้ ๆ เพื่อจะเช่าเรือล่องตามลำคลอง มาที่นี่ต้องไม่พลาดประสบการณ์แบบนี้แน่

บรรดาชาวเรือก็เตรียมทำความสะอาดเรือเพื่อนำออกมาให้เช่าหากินตามปกติ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

ก็กวักเรียกเอาเรือลำนี้แหละ กำลังลอดใต้สะพานออกมา

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

ค่อย ๆ ช้าช้านะเพ่ ไม่ต้องรีบ เหยียบไปตรงกลางลำเรือเลยพี่

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

เบาะสีแดงสีจัดจ้านดี ชอบ

สนนราคาก็ 80 ยูโร ในเวลา 50 นาที ราคานี้มาตรฐานครับ ปกตินั่งได้ 6 คน นักท่องเที่ยวสามารถแชร์กันได้ แต่ผมขอเหมาไปเลย นั่งกันสองคน

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

เริ่มออกเดินทางแล้ว เรือกอนโดล่าไม่ใช่พาหนะที่ชาวเวนิสใช้กันในชีวิตประจำวัน ถ้าเปรียบก็คงเหมือนรถลิมูซีนหรูหราราคาแพง มีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้นที่นั่งกอนโดล่าชมเมือง เพื่อให้ได้ชื่อว่า มาถึงเวนิสแล้ว

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

การนั่งกอนโดล่าไปตามลำคลองในเวนิสเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจในความโรแมนติก โดยเฉพาะเมื่อคนแจวเรือ (กอนโดเลียร์-Gondolier) จะร้องเพลงให้ฟังขณะแจวเรือไปด้วย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

ก็ลองขอเพลง Santa Lucia หรือไม่ก็ Come Back To Sorrento ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี

แต่พ่อกอนโดเลียร์กลับร้องเพลง "จิงเกอร์เบล" ให้ฟัง แล้วก็หันไปคุยโทรศัพท์กับเมีย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

สองฝั่งคลองจะเป็นอาคารบ้านเรือนที่ชาวอิตาเลี่ยนเรียกว่า CA ย่อมาจาก Casa แปลว่าบ้าน

และก็มีวังโบราณ (Palazzo) พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ภัตตาคาร ที่ล้วนก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมยุคต่าง ๆ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

ก็มีเรือลำอื่นสวนมาเป็นระยะ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

ผ่านอนุสาวรีย์เจ้าผู้ครองนครเวนิสคนสุดท้าย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

ลอดใต้สะพาน

บรรยากาศหนาว เงียบสงบ มีแต่เสียงใบพายกระทบน้ำเบา ๆ เป็นระยะ ๆ ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

ข้างหน้ากำลังจะพายออกคลองใหญ่ หรือ แกรนด์ คาแนล ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมหลักของเมือง

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

อาคารและวังสองฟากแต่ละหลังมีอายุกว่า 600 ปีขึ้นไปทั้งนั้น

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

อาคารหลังที่มีต้นไม้สีน้ำตาลขึ้นรกรกนั้นคือ บ้านของมาร์โค โปโล ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1200

Attached Thumbnails

• 
• 

[SS.]

เมื่อออกมาถึงคลองใหญ่ บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป เรือวิ่งขวักไขว่มากขึ้น

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

บางครั้งเรือเมล์แบบนี้วิ่งผ่านมีคลื่น คนแจวต้องมีฝีมือพอสมควร

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[SS.]

น้องเค ผู้ร่วมทริปท่าทางจะหนาว

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 
• 

[SS.]

เรือจะแจวมาถึงสะพานรีอัลโตแล้ววกกลับ

ตรงอาคารสีแดง ๆ เป็นภัตตาคาร อาหารอร่อย เมื่อล่องเรือเสร็จผมก็เดินกลับมาที่สะพานรีอัลโตเพื่อมากินข้าวกลางวันที่นี่ ตอนท้ายมีรีวิวอาหารร้านนี้ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[SS.]

สาระนิดหนึ่ง

สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto หรือ Rialto Bridge) เป็นสะพานหลังคาคลุมสวยงาม ตรงบริเวณนี้เป็นย่านการค้าเก่าแก่ของเมืองมาตั้งแต่ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล

สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นพร้อม ๆ กับเมืองเวนิส เดิมเป็นสะพานไม้แต่ถูกไฟไหม้เสียหายหมด ปัจจุบันที่เห็นเป็นสะพานหิน ออกแบบโดย Antonio da Ponte สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ.1591 ครับ

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
•