49 replies to this topic

[ทีมข่าวHFLIGHT]

Advertisements

พระเจดีย์ซินพยุเหม่ (Psinbyume) สร้างโดยพระเจ้าพะจีดอ (พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง ภายหลังได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระเจ้าปดุง) ในปี พ.ศ.2359
เพื่ออุทิศถวายพระมเหสีคือพระนางซินพะยุเหม่ที่สิ้นพระชนม์ไปก่อนหน้า

พระเจดีย์เปรียบเสมือนพระเจดีย์จุฬามณีซึ่งตั้งอยู่เหนือเขาพระสุเมรุอันเป็นศูนย์กลางจักรวาลตามความคติไตรภูมิในพุทธศาสนา เป็นลานซ้อนกันขึ้นไป ๗ ชั้นและทำเป็นลายคลื่นโดยรอบเสมือนเป็นมหานทีสีทันดร
เหนือลานชั้นบนมีฐานทรงกระบอกซึ่งมีห้องไว้พระพุทธรูปอยู่ภายใน พระเจดีย์นี้แม้ว่าจะเสียหายจากแผ่นดินไหวแต่ก็ได้รับการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดี

ถือได้ว่าเป็น "ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี"

Attached Thumbnails

• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ขากลับไปขึ้นเรือ ให้ดูสิงห์อีกรอบ ซึ่งปัจจุบันเหลือแค่ก้นเท่านั้น

Attached Thumbnails

• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

หลังจากนั้นขึ้นเรือกันอีกรอบเพื่อเดินทางไปเมืองอังวะ หรือที่พม่าเรียกว่า อินวะ แปลว่าเมืองที่ปากแม่น้ำ


ระหว่างเดินทางก็ดูวิวไปเรื่อยๆ
สะพานอาว่า สะพานเหล็กข้ามแม่น้ำอิรวดีแห่งแรกสร้างในสมัยที่อังกฤษเข้ามาปกครองพม่า

ไม้สัก สินค้าสำคัญของพม่า มีให้เห็นตลอด 2 ฝั่งแม่น้ำ

Attached Thumbnails

• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ลงจากเรือเรียบร้อย ต่อรถม้าเข้าไปยังวัดบากายา วัดอีกแห่งที่สำคัญกับชาติไทย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ระหว่างทาง จะเห็นโบราณสถานตั้งอยู่เรียงรายกันมากมาย

จากเมืองที่เคยเป็นราชธานีของพม่าเกือบ 400 ปี ปัจจุบันเป็นเพียงเมืองชนบนเมืองหนึ่งเท่านั้น

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เมืองอังวะคือราชธานีในสมัยที่เสียกรุงครั้งที่2 ของไทย ทำให้มีเชลยชาวไทยมากมายถูกกวาดต้อนมาอยู่ที่นี่

รวมทั้งช่างศิลป์ของไทยที่ได้แกะสลักไม้ออกมาได้อย่างงดงามอย่างที่เห็น

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

จากเมืองอังวะ เราข้ามมายังเมืองสกาย หรือเรียกว่าเมืองสะแคง

อีก 1 วัดที่สำคัญสำหรับชาวไทยคือวัดถ้ำติโลกคุรุ (Tilawkaguru)
ภายในวัดจิตรกรรมเกี่ยวกับพุทธประวัติ แต่ลวดลายเกือบทั้งหมดเป็นแบบไทยแท้ๆจากชาวไทยที่กวาดต้อนมาในช่วงๆแรกตั้งแต่สมัยกรุงแตก
แตกต่างกับวัดตองตะมานจอคตอคยี แม้จะไปจิตรกรรมแบบไทยเหมือนกัน แต่เป็นรุ่นที่2-3แล้ว จึงมีศิลปะพม่าผสมอยู่ด้วย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

เช้าวันที่3 วันนี้เราต้องตื่นกันตั้งแต่ตี3 เพื่อเดินทางไปวัดพระมหามัยมุณี 1 ใน 5 ศาสนวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ของพม่า เทียบได้กับพระแก้วมรกตของไทย


ทุกเช้าเวลา 4 นาฬิกา จะมีพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุณี เนื่องจากเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิตเพราะได้รับประทานลมหายใจากพระพุทธเจ้า

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ประชาชนชาวพม่าและนักท่องเที่ยวจะมากันอย่างเนืองแน่น


ในพิธีจะมีตั้งแต่จัดประรำพิธี คลุมผ้า สรงน้ำ แปรงพระทนต์ ล้างพระพักต์ เช็ด ฉีดน้ำอม ปะแป้ง และ พัดแห้ง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

หลังจากพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะให้ประชาชนขึ้นไปปิดทองที่ด้านบนที่พระพุทธรูปได้ แต่ขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น

Attached Thumbnails

• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

สามารถซื้อของใส่บาตรตอนเช้าๆได้ด้วย รวมทั้งซื้อของฝากจากร้านค้าที่พอมีเปิดอยู่บ้าง

พระอาทิตย์เริ่มขึ้นก็กลับโรงแรมไปนอนเอาแรงอีกซักหน่อย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ในตอนกลางวัน เราได้เข้ามาที่วัดพระมหามัยมุณีอีกรอบ


พระมหามัยมุณี เดิมทีเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของยะไข่ เชื่อว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาลโดยกษัตริย์แห่งเมืองยะไข่ องค์พระทำจากทองสัมฤทธิ์ สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หนัก 6.5 ตัน ก่อนสร้าง กษัตริย์ผู้สร้างทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทานพรให้พระพุทธปฏิมาองค์นี้ เป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบพระศาสนาไปในภายหน้า

จนกระทั่งถึงรัชสมัยพระเจ้าปดุง สามารถตียะไข่ได้ และได้อัญเชิญพระมหามัยมุนีออกจากยะไข่ได้ ในปี พ.ศ. 2327 โดยล่องมาตามแม่น้ำอิระวดีมายังเมืองมัณฑะเลย์ได้สำเร็จ

ส่วนองค์พระมหามัยมุนีมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำไปทั้งพระองค์ ซึ่งหากเอานิ้วกดลงไปจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่มของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพันๆหมื่นๆชั้น ทำให้พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า "พระเนื้อนิ่ม" แต่แม้จะมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนองค์พระใหญ่ขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่พระพักตร์ขององค์พระมหามัยมุนีก็ยังแลดูใหญ่ตามองค์พระอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการปิดทองที่พระพักตร์เลย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ภายในวัดมีรูปปั้นสำริดศิลปะเขมร ซึ่งพระเจ้าบุเรงนองนำมาจากไทยในสมัยเสียกรุงครั้งที่1 ซึ่งไทยก็ได้มาจากการไปตีเขมรอีกที

ชาวพม่าเชื่อว่าหากมีอาการเจ็บป่วยที่ร่างกาย ให้ไปลูบอวัยวะส่วนนั้นที่รูปปั้นโดยการใช้มือขวาหมุนไปทางขวา 3 รอบเพื่อให้อาการนั้นหาย

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

พระราชวังมัณฑะเลย์ ในส่วนที่เห็นทั้งหมดจำลองขึ้นจากของจริงทั้งหมด เนื่องจากได้ถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองหมดแล้ว

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

ภายในก็จะแสดงประวัติต่างๆของพระราชวังในสมัยพระเจ้ามินดงที่ได้ย้ายราชธานีมาที่มัณฑะเลย์ และพระเจ้าสีป่อ กษัตริย์อง๕ืสุดท้ายของพม่า

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

...

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

บริเวณใกล้กันนั้น มีพระราชวังองค์จำลองอยู่ ดูแล้วฝุ่นอาจจะเยอะนิดนึง แต่มีอายุกว่า 100 ปี

ในสมัยที่อังกฤษเข้ามาปกครองพม่า ได้ยึดพระราชวังไว้เพื่อเป็นกองบัญชาการ ก็ได้สร้างแบบจำลองเอาไว้ด้วย
ก่อนที่ภายหลังญี่ปุ่นมายึดพระราชวังไว้เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่สอง และได้ถูกทำลายจนหมด
ก็เหลือแบบจำลองนี้ไว้ให้ทางพม่าสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด

Attached Thumbnails

• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

แต่ยังมีพระราชวังอีก 1 หลังที่ไม่ได้ถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งสอง

เนื่องจากในสมัยพระเจ้าสีป่อ ได้ย้ายพระราชวังหลงนี้มาไว้ที่วัดเพื่ออุทิศแด่พระเจ้ามินดง พระราชบิดา

Attached Thumbnails

• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

รายละเอียดภายในทุกอย่างยังอยู่สภาพเดิม เป็นไม้สักทั้งหลังและลงรักปิดทอง แต่ปัจจุบันจากการสัมผัสมากๆทำให้ทองลอกออก

Attached Thumbnails

• 
• 
• 
• 

[ทีมข่าวHFLIGHT]

วัดต่อไปคือวัดกุโสดอ พระเจ้ามินดงทรงสร้างวันนี้ตามแบบเจดีย์ชเวชิกองที่เมืองพุกาม

ความสำคัญคือมีศิลาจารึก 729 หลักจารึกข้อความบนพระไตรปิฎกทั้งหมด
ซึ่งพระเจ้ามินดงได้โปรดให้ทำการสังคยนาพระไตรปิฏกเป็นครั้งที่ 5 (การนับสังคายนาของไทยและพม่าจะไม่เหมือนกัน)

Attached Thumbnails

• 
• 
•